“ทำไมไม่ออกรถสักที”
“อยากคุยด้วย”
“คุยเรื่อง?” ทิชาเลิกคิ้วถามอย่างคาดหวัง…เธอหวังว่าลูแปงจะพูดเรื่องในอดีตให้เธอฟังบ้าง อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าเขาพยายามจะบอกความจริง
“เรื่องเมื่อกี้”
“เมื่อกี้นายบอกว่าไม่มีอะไร แล้วฉันก็ได้ยินแล้ว”
“ฉันแค่เป็นห่วงความรู้สึกเธอ กลัวเธอจะคิดมากว่าฉันกับฟ้าใสจะกลับไปทำแบบเดิมลับหลังเธออีก แต่ไม่ใช่ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นอีกแล้วนะ” ลูแปงเอื้อมมือไปจับมือเล็กกุมมาไว้บนตักของตัวเอง สายตาของเขามันบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใยและค่อนข้างกังวล
“ตอนนี้ฉันเชื่อว่านายจะไม่ทำ แต่ไม่ใช่ว่าแค่ฟ้าใสคนเดียวนะ คนอื่นนายก็ห้ามทำเหมือนกัน ถ้ามี…ฉันเลิกเลย”
“ฉันไม่ทำหรอก เชื่อใจฉันนะ”
“ฉันเชื่อใจนาย แต่นายอย่าทำลายความเชื่อใจฉันก็พอ”
“ครับ ขอกอดหน่อย” ลูแปงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะเขารู้ว่าไม่มีทางทำแบบนั้นต่อทิชาได้อีกแล้ว ตั้งแต่มีเธอเขาก็ไม่มีใครอีกเลย
ทิชามองหน้าลูแปงด้วยสายตาราบเรียบ พยายามนึกเข้าข้างว่าลูแปงคงจะจบความสัมพันธ์กับคนรักในอดีตไปตั้งนานแล้วโดยที่ฟ้าใสไม่รู้ เด็กคนนั้นถึงเอาคำพูดพวกนั้นมาพูดจาให้เธอคิดมากแบบนี้ได้…เธอหวังให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“เมาหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่เมา กินไปนิดเดียวเอง”
“แต่ฉันเริ่มเมาแล้วอะ…ที่รักเค้าเมา” ลูแปงโน้มเข้าไปคลอเคลียเนินอกแฟนสาวราวกับเป็นเด็กน้อยวัยสามขวบที่อ้อนจะกินนมแม่ให้ได้ แต่ทิชากลับดันใบหน้าของเขาออกแล้วพูดออกมาอย่างไม่เชื่อ
“อย่ามาเวอร์ เมื่อกี้นายยังดูไม่เมาอยู่เลย”
“มึนๆ อะ”
“งั้นฉันขับรถให้เอาไหม”
“ขับไหวอยู่ แต่ขอจูบหน่อยได้ไหมจะได้สร่าง”
“เรื่องเยอะ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ก่อนจะรั้งท้ายทอยของคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ทาบทับริมฝีปากบางอย่างช้าๆ แปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มในเวลาต่อมา ทั้งคู่ผลัดกันเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นจนแอลกอฮอล์ในน้ำลายไหลผสมปนเปกัน ลูแปงอุ้มทิชามานั่งบนตักตัวเองทั้งที่ริมฝีปากยังไม่แนบชิดกันไม่ห่าง สองมือเล็กจับบ่าแกร่งไว้แน่นให้อีกฝ่ายตักตวงความหวานจากโพรงปากจนพอดี
“ดีขึ้นแล้ว”
“งั้นปล่อยฉันกลับไปนั่งที่ตัวเอง”
“นั่งตรงนี้ได้ไหม”
“มองเห็นทางเหรอ” หากเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็คงทำอะไรแบบนั้นได้ แต่ทว่าความสูงของเธอมันทำให้ศีรษะแทบจะชิดกับหลังคารถยนต์อยู่รอมร่อ เขายังจะคิดให้เธอนั่งตักแล้วขับรถกลับบ้านอยู่อีกเหรอ แบบนั้นคงถึงโรงพยาบาลก่อนถึงบ้านมากกว่า
“อยากโรแมนติก แต่เมียเสือกสูงอีก”
“อยากได้เมียตัวเล็กๆ ก็หาเมียใหม่”
“สูงสิดี เดินไปด้วยกันจะได้เหมาะสมกันเนาะ” ลูแปงรีบเปลี่ยนคำพูดตัวเองอย่างรวดเร็ว ก็เพราะน้ำเสียงของทิชาเยือกเย็นซะขนาดนั้น เขาจะพูดตามใจตัวเองต่อได้ยังไงกัน
“หึ” ทิชาแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเขยิบกลับมานั่งที่เบาะของตัวเองแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพ “รีบกลับบ้าน อยากนอนแล้ว”
“ครับๆ คุณว่าที่คู่หมั้น” ลูแปงส่งสายตาหยอกล้อ ก่อนจะสตาร์ตรถแล้วขับตรงมาที่คอนโดของตัวเองทันที
เช้าวันต่อมา…
ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งทำให้หนุ่มสาวที่กำลังนอนกอดกันกลมเกลียวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ร่างเล็กยกมือขยี้ตาตัวเองแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“ได้ยินเสียงคนกดกริ่ง”
“คงเป็นป้าจิตล่ะมั้ง”
“ป้าจิตต้องกดกริ่งด้วยเหรอ” หญิงสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ว่าก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมแม่นมที่คุ้นเคยกันดีถึงต้องกดกริ่งเพื่อเข้าห้อง ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยทำแบบนั้นเลย
“รู้ว่าฉันพาเธอมานอนด้วย คงอยากให้เป็นส่วนตัวเลยกดกริ่งก่อน”
ปิ๊งป่อง~ เสียงกริ่งหน้าประตูห้องถูกกดอีกครั้งนึงทำให้ทิชาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะคงไม่ใช่ป้าจิตอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก
“อาจจะเป็นไอ้เซนต์”
“นายไปดูสิ ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
“โอเค” ลูแปงพยักหน้ารับพร้อมกับหยัดตัวลุกจากเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่าไร้ที่ติ หยิบผ้าขนหนูที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาพันรอบตัวอย่างหมิ่นเหม่ แล้วเดินเข้ามาล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อเปิดประตูให้เพื่อนอย่างที่คิดไว้
พรึ่บ!
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ คิดถึงกันบ้างไหมเนี่ย” เมื่อประตูถูกเปิดกว้างเสียงหวานที่เคยคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา ทำให้มือที่จับประตูอยู่ถึงกับปล่อยลงข้างตัวเองราวกับคนไม่มีแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: TRICK TO LOVE หลอกให้รัก