“ทิชา”
“หืม”
“แกอยู่คนเดียวได้ไหม พอดีมาร์คมาหาฉันน่ะว่าจะออกไปกินข้าวด้วยสักแป๊บนึง แต่ไม่นานหรอก”
“อยู่ได้ แกไปเลย” ทิชารีบตอบไป เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนทะเลาะกับแฟนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้อยความสัมพันธ์ของเพื่อนน่าจะสำคัญกว่าเธอในตอนนี้
“แน่ใจนะ”
“ฉันอยู่ได้ แกไปเถอะน่า ไม่ต้องห่วงฉัน” โชคดีที่ฤทธิ์ของยาที่กินไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ทำให้อาการของเธอเริ่มดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นทั้งหมดซะทีเดียว
“มาร์คน่าจะมารอแล้ว งั้นเดี๋ยวฉันรีบไปรีบมานะ” ทิชาพยักหน้ารับ ก่อนที่เอนจอยจะลุกจากโซฟาตัวเดียวกันพร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินไปที่ประตู “อ้าว ไมล์มาด้วยเหรอ”
“…” ทิชาหันไปมองเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สามอีกคนนึง แล้วได้เผลอสบตากับเขาตรงๆ หลังจากไม่ได้พูดคุยหรือพบหน้ากันมานานหลายเดือน
“อืม พอดีมันอยู่กับเค้าอะ พอได้ยินว่าทิชาไม่สบายมันก็เลยขอมาด้วย” มาร์คตอบแฟนตัวเองด้วยท่าทีกังวลเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นการล้ำเส้นของทิชาหรือเปล่า
“งั้นดีเลย ให้ไมล์ช่วยอยู่เป็นเพื่อนทิชาก่อนเราจะกลับมาได้หรือเปล่า”
“ได้สิ” พันไมล์ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ แล้วจ้องมองเข้ามาในห้องเพื่อกะประเมินสีหน้าของคนตัวเล็ก
“ทิชาแกว่าไง”
“อือ แกรีบไปเถอะ” ยังไงตอนนี้เธอกับลูแปงก็เลิกลากันไปแล้ว คำสัญญาที่ว่าจะไม่ให้มาที่ห้องคงไม่จำเป็นต้องทำตามอีกต่อ
“งั้นเราฝากดูทิชาด้วยนะไมล์ เผื่อมันไข้ขึ้นอีกรอบ”
“ครับ” เมื่อเอนจอยได้ยินแบบนั้นจึงก้าวเดินออกมาจากห้องของเพื่อนรัก โดยมีพันไมล์เดินเข้ามายืนอยู่ในห้องแทน ไม่นานนักเสียงประตูก็ถูกปิดลง โดยที่ชายหนุ่มยังยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่กล้าขยับเขยือนโดยไม่ได้รับคำอนุญาต
“มานั่งก่อนสิ อยากยืนอยู่ตรงนั้นตลอดเหรอ”
“ทิชาเป็นยังไงบ้าง ไหวใช่ไหม” พันไมล์ก้าวเดินมานั่งบนโซฟาชุดฝั่งตรงข้าม ทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้อง
“ไหว เราเริ่มดีขึ้นแล้ว”
“รอบนี้เป็นเหมือนเดิมเหรอ”
“ไม่ใช่ อยู่ดีๆ ก็เป็นเฉยเลย” คงเป็นเพราะเธอเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมกินข้าวกินปลา ร่างกายก็เลยรับกับความอ่อนแอที่ถาโถมเข้ามาไม่ไหว ทิชาสบสายตาคู่นั้นของพันไมล์ก็พบว่าเขาดูอ้ำอึ้งเหมือนอยากจะถามอะไร แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา “ไมล์ดูเหมือนมีอะไรอยากถามเรานะ”
“เลิกกับเขาแล้วเหรอ”
“…”
“เราไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ แต่พอดีเราอยู่กับมาร์คพอดีเลยได้ยินน่ะ”
“เราไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไม่เห็นต้องอธิบายเลย” ร่างเล็กยิ้มตอบ พันไมล์ก็ยังคงเป็นพันไมล์อยู่เสมอ เขายังมีท่าทีอบอุ่นให้กับเธอตลอดเวลา “ก็อยากที่ไมล์รู้นั่นแหละ”
“ทะเลาะกันนักเลยเหรอ เราขอโทษที่ถามนะ”
“ก็หนักเหมือนกัน” จะว่าไปแล้วมันคงหนักที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ได้ เพราะมันเป็นความผิดหวังที่มาจากรักครั้งแรกที่ไม่ได้เผื่อใจยอมรับ
“ตอนนี้โอเคบ้างหรือยัง เราหมายถึงความรู้สึกไม่ใช่อาการป่วยนะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“THE ADAM PROJECT”
“ดูครับ” พูดจบชายหนุ่มก็ย้ายมานั่งข้างๆ ทิชาโดยมีเธอเป็นคนถือไอแพดแล้ววางมันไว้บนเข่าเล็กที่ชันขึ้น นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่ทั้งคู่ดูภาพยนต์กันอยู่อย่างเงียบ แรงสั่นจากโทรศัพท์ของพันไมล์ก็เกิดขึ้น ข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเป็นของมาร์คเพื่อนของเขา ที่มีเอนจอยเป็นคนส่งมาถามไถ่อาการของเพื่อนรัก
เมื่อชายหนุ่มตอบข้อความเสร็จเรียบร้อย เขาก็เปิดกล้องถ่ายรูปเพื่อถ่ายมือที่กำลังถือไอแพดของทิชาและมีแบล็กกราวด์เป็นห้องนอนที่ถูกปิดประตูสนิท ก่อนจะอัปโหลดลงอินสตราแกรมของตัวเอง แล้วจึงกลับมาตั้งใจดูภาพยนต์กับทิชาต่อ
ทิชาสะดุ้งเล็กน้อยที่มือของพันไมล์ที่ทิ้งลงอยู่ข้างตัวขึ้นมาวางพาดบนพนักโซฟาฝั่งเธอแล้วแตะบริเวณไหล่มนเบาๆ หลังจากนั้นเขาก็เอี้ยวตัวนั่งเอียงไปฝั่งเธอมากยิ่งขึ้น จนดูเหมือนว่าสิ่งที่พันไมล์สนใจไม่ใช่ภาพยนต์ที่กำลังดูโดยการแต่เป็นทิชาต่างหาก
“หนาวเหรอ”
“นิดหน่อยครับ”
“เดี๋ยวเราไปหยิบผ้าห่มให้รอแป๊บนึง” นี่คงเป็นสาเหตุว่าทำไมพันไมล์ถึงต้องนั่งใกล้ชิดกับเธอมากขนาดนี้สินะ ทิชาลุกจากโซฟาเดินไปหยิบผ้าห่มขนาดกลางที่พับไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินกลับออกมาส่งให้กับพันไมล์ ก่อนที่เธอจะนั่งลงในที่เดิม
“ห่มด้วยกัน คนป่วยโดนแอร์มากมันไม่ดีนะ” ทิชาพยักหน้าตกลงอย่างไม่ได้คิดอะไร เมื่อพันไมล์ห่มผ้าเสร็จตัวเขาก็เขยิบตัวเข้ามาใกล้คล้ายใบหน้ากำลังซบอยู่บนแนวบ่าของเธอ “คิดถึง”
“…”
“ถึงทิชายังรักเขาอยู่ แต่ว่าเราก็ยังรอทิชาอยู่เสมอนะ”
“ไมล์…”
“เราดูแลทิชาแทนเขาได้นะ แค่ทิชาให้โอกาสเรา” พันไมล์ไม่รอให้ทิชาได้ปฏิเสธอะไร ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือข้างนึงขึ้นมากอดเอวบางของเธอไว้หลวมๆ มันทำให้ทิชาตกใจกับท่าทางของเขาไม่น้อยเลย และก็นี่เป็นครั้งแรกที่เขากล้าทำอะไรแบบนี้กับเธอด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: TRICK TO LOVE หลอกให้รัก