ผู้ดูแลโจวตอบ “ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้พูดออกมา ข้าก็เลยไม่ทราบว่านางเป็นใคร
“แต่ฟังจากน้ำเสียงของฮูหยินในตอนนั้น นายท่านเหมือนจะเป็นคนรักของมารดาท่านขอรับ”
เฟิ่งชูอิ่ง “......”
น้ำเน่าขนาดนี้เลยหรือ?
นางคิดพิจารณาดูแล้วว่าเรื่องพวกนี้มันไม่สมเหตุสมผล ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีสมอง ก็ไม่มีทางส่งตัวลูกสาวให้คนรักเก่าเอาไปดูแลหรอก
ในความทรงจำของร่างเดิม มารดาของนางเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง
แต่น่าเสียดาย ความทรงจำของร่างเดิมก่อนจะมาอยู่ที่จวนสกุลหลินเลือนรางมาก เฟิ่งชูอิ่งพยายามจะค้นหาความทรงจำของร่างเดิม แต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
นางจึงเอ่ยเสียงเรียบ “นอกจากเรื่องนี้แล้ว เจ้ายังรู้อะไรอีกบ้าง?”
ผู้ดูแลโจวมองสบตานาง “หากคุณหนูต่างสกุลช่วยชีวิตข้าแล้ว ความลับเรื่องอื่นที่ข้ารู้มา สามารถค่อยๆ คุยกันทีหลังได้ขอรับ”
เฟิ่งชูอิ่งระบายยิ้ม นางลองตรวจโหงวเฮ้งของผู้ดูแลโจวเล็กน้อย เขาเป็นคนต่ำต้อยเลวทรามที่แล่นเรือตามลม[footnoteRef:1] แล้วยังเป็นคนที่ใจดำอำมหิตอีกด้วย [1: ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ โอนเอียงไปฝั่งโน้นทีฝั่งนี้ที ]
วาจาของเขาเชื่อถือไม่ได้ ทำอะไรก็ยึดถือผลประโยชน์เป็นหลัก ไร้ยางอายไม่มีคุณธรรม
วันนี้เขาไม่ได้จะเข้าพวกกับนางอย่างจริงใจ แต่เขามืดแปดด้านแล้วถึงได้คิดจะใช้ข้อมูลมาหลอกล่อนาง ให้นางช่วยกำจัดสิ่งชั่วร้ายให้เขา
ขอแค่นางช่วยเขากำจัดวิญญาณร้ายที่ตามรังควาน เขาก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้วแว้งกัดนางทันที
นางเอ่ยเรียบๆ ว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าต้องเอาข้อมูลที่มีประโยชน์มาบอกข้าทุกวัน หรือไม่ก็ช่วยทำงานให้ข้าหนึ่งอย่าง ข้าก็จะช่วยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกวัน”
ผู้ดูแลโจว “......”
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านางจะใช้วิธีการเช่นนี้
เขาทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับกวักมือเรียกวิญญาณร้ายตนนั้น “คืนนี้เจ้าห้ามไปก่อกวนเขานะ ให้เขาพักผ่อนดีๆ สักคืน พรุ่งนี้เจ้าค่อยหลอกหลอนเขาใหม่
เฉี่ยวหลิงได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง จึงวางใจได้ในท้ายที่สุด
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ฮว๋าซื่อก็ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ หลินชูเจิ้งถามนางว่า “เมื่อคืนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เขากลัวจะถูกคนหัวเราะเยาะเพราะเรื่องของฮว๋าซื่อ วันนี้เขาจึงขอลาหยุดไม่ไปประชุมขุนนางหนึ่งวัน
เมื่อคืนเขาสอบสวนสารถีแซ่หลิวแล้ว ทว่าสารถีแซ่หลิวเหมือนคนโดนผีสิง เขาดูโง่งมและล่องลอย พูดจาวกไปวนมา ฟังไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง
เมื่อวานนี้สาวใช้ที่เดินทางไปพร้อมกับฮว๋าซื่อกลับมาที่จวนตอนเช้าตรู่ พานางกลับมาถึงก็ถูกหลินชูเจิ้งเรียกตัวไปสอบถามทันที
นอกจากหลินชูเจิ้งจะเค้นถามเรื่องที่รถม้าตกน้ำได้แล้ว ก็ไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อีกเลย
พอฮว๋าซื่อได้สติขึ้นมาก็ร้องไห้ฟูมฟาย หลังได้ยินสิ่งที่หลินชูเจิ้งถาม นางก็ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม
หลินชูเจิ้งฟังนางเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังขณะสะอึกสะอื้นไปด้วย ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งหงุดหงิด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี