ลองดูงั้นหรือ? แน่นอนว่าไม่ได้ แต่จะปฏิเสธฮ่องเต้ทันทีก็ดูเหมือนจะไม่ได้
จวินมู่เหนียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ จะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้ ในเมื่อลูกได้เชิญหมอเทวดาโม่มารักษาแล้ว ไม่มีวิถีใดบอกว่าให้เปลี่ยนคนกลางคันพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ไม่รอให้ฮ่องเต้ตอบอะไร จวินมู่หลานก็พูดว่า “น้องเจ็ดปฏิเสธทุกทางเช่นนี้ หรือว่ามีความลับอะไรหรือไม่?”
อ๋องสี่จวินมู่หลานก็ช่วยพูดสนับสนุน “นี่ น้องเจ็ด เจ้าคงไม่ได้แกล้งพิการหรอกใช่หรือไม่?”
จวินมู่หลานรีบตำหนิ “น้องสี่ เจ้าพูดอะไร น้องเจ็ดจะแกล้งพิการได้อย่างไร แล้วทำไมเขาถึงต้องแกล้งพิการด้วย?”
หลังจากประโยคนี้พูดออกมา ขุนนางทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันไป อ๋องฉินแกล้งพิการหรือ? ทำไมล่ะ เรื่องนี้...หรือว่าจะมีความลับอะไรที่ให้คนรู้ไม่ได้?
จวินมู่ฉงหัวเราะเยาะออกมาแล้วกล่าวว่า “พี่รอง นี่พี่ยังไม่เข้าใจอะไรอีกหรือ? เป๋ยฉู่เป็นดินแดนที่ยากจน สงครามชายแดนลำบากอย่างยิ่ง น้องเจ็ดที่มีปัจจัยสี่ไม่ขาดมาตั้งแต่เด็ก ไม่สามารถทนต่อความลำบากนั้นได้ก็เป็นเรื่องปกติ”
“ไร้สาระ” จวินมู่หลานแสร้งทำเป็นตำหนิ แล้วพูดต่อว่า “น้องเจ็ดทำสงครามตั้งแต่อายุยังน้อย จะบอกว่าทนความลำบากในสนามรบไม่ได้ได้อย่างไร น้องสี่ เจ้าอย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า”
จวินมู่ฉงแสร้งพูดด้วยประหลาดใจ “เอ๋ ถ้าอย่างนั้นก็แปลกแล้ว เหตุใดน้องเจ็ดถึงแพ้สงครามล่ะ? สาเหตุใดที่ทำให้เขาเห็นว่าจะเอาชนะสงครามได้ แต่จู่ๆ กลับสั่งให้ย้ายทัพกลับแคว้น? เพราะขาหักจริงๆ หรือ ไม่ใช่เพราะจำเป็นต้องถอยทัพหรือ? หรือว่าจะใช้เหตุผลนี้มาดึงดันถอยทัพให้ได้?”
จวินมู่ฉงแทบจะพูดออกมาตรงๆ ว่า จวินมู่เหนียนสมคบคิดกับศัตรูแล้วทรยศแคว้น แสร้งทำเป็นพิการ ตั้งใจยกแผ่นดินแม่น้ำภูเขาดีๆ ให้กับฝ่ายตรงข้าม
บทสนทนาที่ดูเหมือนไม่ใช่ระหว่างอ๋องรองและอ๋องสี่ อยู่ๆ ก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงตึงเครียดขึ้นมา
แม้แต่ซูจื่อหยวนที่ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ก็หน้าซีดเผือดแล้ว นางแค่อยากจะเอาใจอ๋องฉินเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าการกระทำของนางจะทำให้คนอื่นดึงหัวข้อไปได้ไกลขนาดนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...
รอตอนต่อไปค่าาา ลงเยอะๆนะคะ สนุกมากจริงๆ...
หมิงโหลวคือใครกันระ...