น้ำเสียงของซูจื่ออวี๋ทั้งไม่จริงจังและไม่รีบร้อนมากมายนัก แต่กลับมีผลทำให้ผู้ที่ได้ฟังนั้นตั้งใจฟังมันอย่างนิ่งสงบ
ฮองเฮาทอดพระเนตรมายังซูจื่ออวี๋ ราวกับนางเห็นเงาของบุคคลอีกคนหนึ่งซ้อนทับอยู่ เขานั้นอ่อนโยนนุ่มนวลแต่กลับองอาจห้าวหาญ ความร่ำรวยมั่งคั่งของเขามีมากมายแต่กลับเป็นห่วงเป็นใยชาวบ้าน
การพูดของเขาราวกับสายลมอันอบอุ่นและสายฝนโปรยปราย แต่กลับมีความหัวแข็งมากกว่าผู้ใด
หรวนถิงจวิน เหตุใดซูจื่ออวี๋ที่อยู่ตรงหน้านางถึงได้เหมือนกับหรวนถิงจวินเช่นนี้?
ฮ่องเต้เจาเหวินก็ได้ทอดพระเนตรมองซูจื่ออวี๋อยู่เฉกเช่นเดียวกัน สายตาของพระองค์แฝงไปทั้งความเจ็บปวดและความแปลกใจ พระองค์ยังคงฝังใจอยู่กับโศกนาฎกรรมเมื่อสิบหกปีที่แล้ว ผู้คนในตงโจวล้มตายนับไม่ถ้วน ประชากรจากตงเป่ยไปจนถึงเจียงหนานต่างอดตายเพราะกษัตริย์ที่ไร้ความสามารถอย่างเขา!
ในวันนี้ซูจื่ออวี๋เสนอพืชชนิดนี้ขึ้นมา มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจจนอธิบายออกมาไม่ถูก นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? นางพูดจริงใช่หรือไม่? ของสิ่งนี้สามารถกินได้หรือ? ทำให้อิ่มท้องได้และมีผลผลิตรวมถึงรายได้ที่สูงจริงหรือไม่?
จวินมู่หลานจ้องมองซูจื่ออวี๋ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหยาบโลนเมื่อครู่เลือนหายไปอย่างไม่รู้ตัว และมันถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ
นี่คือซูจื่ออวี๋หรือ? เป็นซูจื่ออวี๋คนเดียวกับที่คอยสะกดรอยตาม แอบมองเขาและหลงรักเขามาตลอดหรือ?
นี่เป็นสตรีที่มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านความโง่เขลาที่สุดในเมืองหลวงจริงๆงั้นหรือ?
หากสตรีผู้รอบรู้ละฉลาดเฉียบคมนางนี้นับว่าเป็นคนโง่ ถ้าเช่นนั้นสตรีนางอื่นจะเรียกว่าอย่างใด?
จวินมู่เยว่กลืนน้ำลายมองไปยังซูจื่ออวี๋และเอ่ยว่า “พี่เจ็ด ข้า...ข้าขอคืนคำพูดเมื่อครู่ ข้าคิดว่าคุณหนูซูชนะแล้ว”
จวินมู่เหนียนมองซูจื่ออวี๋อด้วยสายตาแน่วแน่ มือที่จับอยู่บนที่เท้าแขนของรถเข็นของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเหนอะหนะ
ฮ่องเต้เจาเหวินตรัสว่า “ทำตามที่ซูจื่ออวี๋กล่าวมา นำกองทหารไปยังอี้โจวและหนานจงตามหาสิ่งที่เรียกว่าตะไคร่แดง สืบเสาะหาข่าวสถานการณ์ที่นั่นและนำผลของมันกลับมา”
“หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งพะยะค่ะ!” นายพลซ่างกวานเดินเข้าไปหาซูจื่ออวี๋ ซูจื่ออวี๋ยื่นภาพวาดให้ด้วยมือทั้งสอง หลังจากนั้นนายพลซ่างกวานก็ได้รีบออกไปในทันที เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปากท้องของชาวเมืองต้าโจว เขาจะชักช้าไม่ได้
เมื่อซ่างกวานหลิงออกไปแล้ว ฮองเฮาก็อดไม่ได้ที่จะตรัสถามออกมา “ซูจื่ออวี๋ มารดาของเจ้ามีความรู้มากมายเช่นนี้ นางมาจากที่ใด? ชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร?”
ซูจื่ออวี๋ตอบกลับไปอย่างไม่ปิดบัง “กราบทูลพระนางฮองเฮา มารดาของหม่อมฉันสกุลหยวนนามว่าหลี หม่อมฉันเคยได้ยินมารดาบอกว่าตระกูลหยวนเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน มารดาเคยเดินทางไปทั่วทิศกับท่านตาเพื่อรักษาผู้คน ท่านตาจากไปเพราะภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนั้นที่เจียงหนาน มารดาจึงได้กลับมาเมืองหลวงเพื่อเริ่มต้นชีวิตเพียงลำพัง ระหว่างทางนางเป็นลมเพราะความหิวและได้รับความช่วยเหลือจากบิดาโดยการพากลับเข้าไปที่จวน”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะออกมา นั่นเป็นการช่วยเหลือที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเสนาบดีซูผู้นี้อยากจะสานสัมพันธ์ ดูจากรูปโฉมของซูจื่ออวี๋แล้วก็พอจะรู้ได้ว่ามารดาของนางก็ต้องงามล่มเมืองเช่นเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
เรื่องนี้ไม่อัพเพิ่มแล้วหรอคะ...
ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ...
นางเอกทนงตนเกินไปว่าตัวเองเก่งทำให้ไม่ระแวดระวังและไม่ยอมให้มีคนคุ้มกัน...
สนุกมากๆเลยค่ะ รอ admin นะคะ...
ไม่ลงตอนใหม่แล้วเหรอคะ...
สนุกค่ะ รออัพเดทนะคะ...
ตอนที่241 รอบอัพอยู่ค่ะ 242 มาตอนไหนค่ะ...
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...