ชิวขุยรีบเข้ามารายงานด้วยความกระวนกระวายใจ
ส่วนซูจื่ออวี๋ก็มองบ้านที่เป็นเหมือนกับกรงนกด้วยความหงุดหงิดใจ
นางคือลูกสาวอนุของจวนเสนาบดี ไม่ว่านางจะไปที่ใดก็ต้องรายงาน ถ้านางอยากจะออกไปก็ต้องได้รับใบอนุใบคำสั่งที่เขียนโดยลายมือของฮูหยินซู ในหนึ่งเดือนนางมีเงินเดือนเพียงห้าตำลึงเท่านั้น
ถึงอย่างไร นางก็ใช้ชีวิตอยู่ในจวนของเสนาบดี อย่างไรมันก็คือนกในกรง ไม่มีอิสระเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ใช้ข้ออ้างพิษของซูจื่อเยียน นางสามารถเดินออกไปอย่างหยิ่งผยองได้ แต่หากซูจื่อเยียนแก้พิษแล้ว ไม่เท่ากับว่าเปลี่ยนนางให้กลายเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกหรือ?
แต่หากไม่แก้พิษ ก็เกรงว่าหลังจากฮูหยินซูอดทนจนมากพอแล้ว ก็อาจจะลงมือสังหารนางได้ หมิงโหลวที่ไปยังหอหว่างเซิงเมื่อวานนี้ ไม่แน่อาจจะเป็นนักฆ่าที่ฮูหยินซูส่งคนไปซื้อมาก็เป็นได้
นางเป็นเพียงแพทย์พิษคนหนึ่ง ไม่ได้ฝีมือสูงส่งอะไร เมื่อวานหมิงโหลวไม่ได้มีเจตนาฆ่า หากมีเจตนาฆ่าจริงๆ เกรงว่านางก็คงต่อต้านด้วยพิษไม่ทัน
เป็นโจรมาพันวัน ไหนเลยจะมีหลักการป้องกันขโมย?
อีกอย่าง...ตราบใดที่นางเป็นอิสระก่อน นางก็จะสามารถแก้แค้นได้โดยไม่ยำเกรงใคร
……
ชิวขุยไปแล้วก็กลับมา นางนำใบคำสั่งออกจากบ้านได้อย่างราบรื่น และตั๋วเงินอีกหนึ่งร้อยตำลึง
สิ่งที่ทำให้ซูจื่ออวี๋รำคาญก็คือฮูหยินซูยังส่งสาวใช้ซื่อจี้และคนคุ้มกันอีกสี่คนมาเพื่อออกจากบ้านเป็นเพื่อนของซูจื่ออวี๋ เรียกสวยๆ ว่าคุ้มครอง
ซูจื่ออวี๋ไม่มีทางปฏิเสธ หากนางยืนการจะปฏิเสธ ฮูหยินซูจะเดาได้ว่านางทำการหลอกลวง เมื่อถึงตอนนั้นไม่แน่อาจจะแอบจับตามองนางก็ได้
แทนที่จะปล่อยให้ศัตรูอยู่ในที่มืดและนางก็อยู่ในที่แจ้ง มันจะดีกว่าหากให้คนเหล่านี้วางแผนอยู่ตรงหน้า ออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ออกไปแล้วค่อยคิดหาทางสลัดเขาออกไป
ซูจื่ออวี๋หรี่ตามองสาวใช้ซื่อจี้แล้วพูดว่า “ทำให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วงจริงๆ เลย”
ซื่อจี้ยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “ฮูหยินย่อมปฏิบัติกับคุณหนูสามเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ”
ซูจื่ออวี๋เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “งั้นข้าก็จะปฏิบัติต่อพี่รองเป็นอย่างดีแน่นอน ทำมาไม่ทำกลับเสียมารยาท เจ้าว่าไหม?”
ซื่อจี้กลืนน้ำลาย อดตึงเครียดไม่ได้ จึงได้แต่ตอบรับ
.....
อาคารสองฝั่งตั้งเรียงราย ผู้คนก็เดินไปเต็มท้องถนน
หลังจากออกไปจากประตูใหญ่ของเสนาบดี ซูจื่ออวี๋รู้สึกสบายใจมาก
หากไม่มีพวกสอดแนมเหล่านี้คอยตามหลังก็คงจะดีมาก
แต่พูดไปก็น่าเศร้า เจ้าของร่างเดิมคนนี้ประพฤติตนดีและสงบเสงี่ยมมาตลอด แทบไม่ก้าวออกไปจากประตูใหญ่ ต่อให้เป็นการออกไปจากจวนเสนาบดีไปที่ยังสถานที่อื่น แต่ก็นั่งรถม้าจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง แทบไม่เคยเห็นความรุ่งเรืองของเมืองหลวงว่าเป็นยังไงเลย บวกกับไม่คุ้นเส้นทาง
ซูจื่ออวี๋ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก้มหน้าถามชิวขุย “เสี่ยวชิว พวกเจ้าพอจะรู้ร้านขายเครื่องประดับไข่มุกในเมืองหลวงหรือไม่?”
ชิวขุยคิดแล้วก็พูดว่า “ร้านขายเครื่องประดับที่คุณหนูชอบไปก็คือร้านหมิงจูอยู่ที่ถนนทางใต้ พวกเราเดินไปอาจจะไกลหน่อย คุณหนูอยากนั่งเกี้ยวหรือไม่?”
ไม่รอให้ซูจื่ออวี๋เอ่ยปฏิเสธ ซือจี้ก็พูดอย่างหงุดหงิด “ไปร้านหมิงจูหรือ? คุณหนูสาม ท่านจะไปซื้อยาให้คุณหนูรองไม่ใช่หรือเจ้าคะ? คุณหนูรองรอให้ท่านมาช่วยชีวิตอยู่นะ ร้านเครื่องประดับอะไร คราวหน้าให้เจ้าของร้านเลือกมาหลายๆ แบบแล้วส่งมาที่จวนเสนาบดี แล้วค่อยให้คุณหนูสามเลือกก็พอแล้ว”
ซูจื่ออวี๋หันหน้าไปมองซือจี้แล้วพูดเวยความประหลาดใจ “ใครบอกเจ้าว่าข้าออกไปซื้อยาให้คุณหนูรอง?”
ซื่อจี้ตะลึงงัน
ซูจื่ออวี๋เลิกคิ้วแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกว่าจะออกไปข้างนอกหาหนทางเพื่อพี่รอง การคิดหาวิธีเป็นการฝึกสมอง ถ้าข้าอารมณ์ไม่ดี หรือร่างกายไม่สบาย งั้นก็คิดหาหนทางไม่ได้ ดังนั้นการมองปัญหาจะมองแค่ผิวเผินไม่ได้ ต้องมองให้ถึงแก่นแท้ ข้าจะไปร้านขายเครื่องประดับ ก็เพื่อให้อารมณ์ของข้ามันดี เมื่ออารมณ์ดี แน่นอนว่าข้าย่อมฉลาดขึ้น คิดปัญหาได้ จะได้เข้าใจชัดเจนขึ้นมาหน่อย เข้าใจหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
จะเจอไหมนะ...
รอตอนต่อไปค่าาา ลงเยอะๆนะคะ สนุกมากจริงๆ...
หมิงโหลวคือใครกันระ...