ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 42

ซื่อจี้โกรธมากจนแก้มบนหน้ากระตุก แต่นางเองก็ยังมิกล้าอ้าปากโต้แย้ง ถ้าเกิดว่าซูจื่ออวี๋อารมณ์ไม่ดีเพราะการโต้แย้งของนาง คราวหลังก็ไม่รู้ว่าซูจื่ออวี๋จะเอานางไปฟ้องฮูหยินหรือไม่ เช่นนั้นนางก็คงแบกรับไม่ไหว..

ซูจื่ออวี๋มองไปที่ชิวขุยแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนมักจะไปที่ร้านหมิงจู ไม่มีอะไรใหม่ๆ น่าสนใจ พวกเราไปที่ร้านอื่นเถอะ”

ชิวขุยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เช่นนั้นก็ไปที่ร้านทอด้ายเงินด้ายทองกันเถอะเจ้าค่ะ”

ทว่าซูจื่ออวี๋ก็ยังไม่พอใจ นางอยากให้คนที่ตามอยู่ด้านหลังพูดชื่อหอสมบัติหลิงหลงออกมา แบบนี้นางจะได้ทำตามสถานการณ์

หากนางตั้งใจจะไป เกรงว่าจะทำให้ฮูหยินเสนาบดีซูสงสัย

ซูจื่ออวี๋ส่ายหัวกล่าวว่า “ระดับต่ำเกินไป เปลี่ยนเป็นของที่แพงกว่านี้”

“เช่นนั้นร้านอี้? ร้านเฟ่ยชุย? ร้านอวี้รุ่นหม่าน? ร้านเชียนจิน?...”

ชิวขุยพูดออกมาเจ็ดแปดร้าน ก็ถูกจื่อซูปฏิเสธ

ซื่อจี้ไม่อาจทนมองต่อไปได้แล้ว จึงได้แต่เอ่ยปากว่า “คุณหนูสาม ร้านอื่นไม่ต้องพูดถึง ร้านเชียนจินถือว่าเป็นร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดแล้ว ท่านเองก็มีเงินอยู่แต่ร้อยตำลึง เกรงว่าเข้าไปก็คงซื้อไม่ได้แม้แต่ต่างหู”

น้ำเสียงเย้ยหยันของซื่อจี้นั้นยากจะซ่อนไว้ได้ แต่ซูจื่ออวี๋ไม่ได้สนใจมากนัก นางพยักหน้าแล้วพูดอย่างจริงจัง “เจ้าพูดถูกแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็รู้สึกว่าฮูหยินเสนาบดีซูขี้เหนียวเกินไป ไม่ยอมให้เงินข้ามากกว่านี้”

ซื่อจี้ตกตกใจกับคำพูดของซูจื่ออวี๋ นางจึงรีบพูดขึ้นมา “คุณหนูสาม ท่านอย่าใส่ร้ายบ่าวนะเจ้าคะ บ่าวว่าฮูหยินขี้เหนียวตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ซูจื่ออวี๋กอดอก แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “โอ้ ที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยพูด แต่ตอนนี้เจ้าพูดแล้ว พวกเราทุกคนได้ยินหมด ใช่ไหมชิวขุย?”

ชิวขุยอดหลุดขำไม่ได้ แล้วเอ่ยว่า “คุณหนูพูดถูกแล้ว พวกเราได้ยินจริงๆ”

“เจ้า...” ซื่อจี้ไม่กล้าทำอะไรซูจื่ออวี๋ แต่หันหน้าไปทางชิวขุย นางก็อดไม่ได้ ยกมือขึ้นหมายจะตบ

เมื่อเห็นว่าฝ่ามือของซื่อจี้กำลังจะตบโดน ชิวขุยก็ตัวสั่นเทาทันที นางหลับตาทั้งสองข้าง พร้อมรับฝ่ามือนี้

แต่ความเจ็บปวดยังไม่มา เสียงของซูจื่ออวี๋ก็ดังขึ้นมาก่อน

“ตี ตีแรงๆ แม่นางซื่อจี้ตบครานี้ ข้าขี้ขลาดมีความกล้าเท่าเม็ดถั่วเม็ดงา เกรงว่าจะตกใจจนหมดสติไป พอถึงตอนนั้นข้าคงหวาดกลัวจนเวียนหัว เกรงว่าคงไม่สามารถดีขึ้นได้หากไม่ได้อยู่บนเตียงหนึ่งหรือสองเดือน ผิวของข้าหนาและหยาบ ตกใจก็ตกใจ แต่ไม่รู้ว่าทางคุณหนูรองจะอดทนได้ถึงหนึ่งหรือสองเดือนหรือไม่?”

ซื่อจี้สูดหายใจเข้า มือที่ยกขึ้นกลางอากาศก็รีบเก็บกลับไป

“คุณหนูสามยกโทษให้ข้าด้วย บ่าว บ่าว...บ่าวล่วงเกินท่านแล้ว”

ซูจื่ออวี๋หัวเราะเยาะ “ปากก็เรียกตัวเองว่าบ่าว แต่กลับขี้โมโหกว่าข้าที่เป็นนายซะอีก เหลือเชื่อจริงๆ”

ซื่อจี้กัดฟัน ในใจก็แอบด่าซูจื่ออวี๋ไปรอบหนึ่ง ในอดีตซูจื่ออวี๋เห็นคนก็ไม่กล้าออกปากออกเสียง เหตุใดเดินผ่านประตูยมโลกแค่หนึ่งรอบก็กลายเป็นคนปากคอเราะรายเช่นนี้แล้ว

ซื่อจี้คิดไม่ออก แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าโต้แย้งซูจื่ออวี๋แล้ว ได้แต่อดทนแล้วเอ่ยว่า “เป็นความผิดของบ่าวเอง คุณหนูสาวคือเจ้านายที่ใจกว้าง อย่าได้ถือสาบ่าวเลยนะเจ้าคะ”

ซูจื่ออวี๋เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ไม่ถือสาก็ได้ งั้นเจ้าบอกข้ามา ปกติคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองชอบไปดูเครื่องประดับร้านไหน?”

ซื่อจี้ก็ครุ่นคิด ให้ซูจื่ออวี๋ไปก็ย่อมได้ เพราะร้านนั้นของแพง แม้แต่กระเบื้องปูพื้นยังฝังด้วยทองคำ ซูจื่ออวี๋มีเงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึง เข้าไปกลัวว่าแม้แต่ค่าน้ำชาก็ยังจ่ายไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคือการไม่ประเมินกำลังตัวเอง

ก็ดี ในเมื่อนางอยากไป ก็จงไปให้ขายหน้าต่อหน้าทุกคนให้พอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ