ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 43

ซื่อจี้ก้มหน้าก้มตา ไม่อยากให้ซูจื่ออวี๋เห็นความดูแคลนและหัวเราะเยาะในสายตาของตน

ซื่อจี้เอ่ยว่า “เรียนคุณหนูสาม คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองชอบไปบ่อยๆ น่าจะเป็นร้านอัญมณีหลิงหลงเจ้าค่ะ”

ซูจื่ออวี๋ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจและกล่าวว่า “เอาล่ะ เช่นนั้นก็ไปที่ร้านอัญมณีหลิงหลงกันเถอะ”

……

ร้านอัญมณีหลิงหลง ตั้งอยู่บนถนนใหญ่ผิงหนานย่านที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง

อาคารเดี่ยวสามชั้น สร้างเป็นสีทองเหลืองอร่าม กระเบื้องเคลือบสีสันสดใส เกรงว่าหนึ่งแผ่นน่ามีราคาไม่น้อย บวกกับทางขึ้นไปคือบันไดมรกต นี่ไม่ใช่การบรรยายเกินจริง

ดูจากลักษณะแล้ว เถ้าแก่ร้านอัญมณีหลิงหลงคงจะรวยมากในแคว้นนี้

ทำเกินจริงขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะทำให้คนคิดถึงตลอดเวลาเหรอ?

ซูจื่ออวี๋เงยหน้าขึ้นมองตัวอักษรสีทองสี่ตัวของมังกรบินหงส์ระบำบนแผ่นป้ายนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ร้านอัญมณีหลิงหลงแห่งนี้ มีที่มายังไง แล้วเถ้าแก่เป็นคนอย่างไร?”

ชิวขุยกล่าวว่า “บ่าวเองก็ไม่ทราบ บางคนบอกว่าเป็นพ่อค้าจากเจียงหนาน บางคนบอกว่าเป็นลูกหลานของตระกูลสูงศักดิ์ บางคนบอกว่าที่นี่มีเบื้องหลังเป็นราชวงศ์ ที่นี่มีแค่ผู้ดูแลร้าน ส่วนเถ้าแก่จริงๆ เป็นใคร ดูเหมือนว่าแม้แต่นายท่านก็ยังไม่รู้”

ซูจื่ออวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่พ่อที่น่ารังเกียจคนนั้นก็ยังไม่รู้งั้นหรือ?

ลับขนาดนี้...

ซูจื่ออวี๋ค้ำคาง หลังจากครุ่นคิดว่าต้องเอาปิ่นไม้ออกมาเลยดีหรือไม่ ถ้าเกิดว่าร้านอัญมณีหลิงหลงเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับว่านางโยนเนื้อตีหมาหรอกหรือ?

ขณะที่ซูจื่ออวี๋กำลังคิดอะไรอยู่ ซื่อจี้ก็คิดว่าซูจื่ออวี๋กลัวแล้ว ดังนั้นจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “คุณหนูสาม เถ้าแก่ร้านอัญมณีหลิงหลงนี้คือใครไม่มีใครรู้ แต่ร้านปาเจินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นสมบัติของท่านอ๋องแปด แล้วเยื้องกันก็คือบ่อนสี่มหาสมุทร เป็นสมบัติของท่านอ๋องสี่ และร้านลู่หมิงเซียงที่อยู่ติดกันก็เป็นสมบัติของท่านอ๋องรอง”

ซูจื่ออวี๋เข้าใจความหมายของซื่อจี้ นั่นก็คือการที่ร้านอัญมณีหลิงหลงได้อยู่ติดกับร้านของเจ้าขุนมูลนายมากมายเช่นนี้ แสดงว่าเถ้าแก่ร้านนี้ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

แต่อย่างไรนี่ก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับซูจื่ออวี๋

ยิ่งเถ้าแก่ร้านอัญมณีหลิงหลงลึกลับไม่ธรรมดามากเท่าไร แสดงว่าสถานที่แห่งนี้คุ้มค่าให้ขุดใช่หรือไม่?

ซูจื่ออวี๋ยกยิ้ม ก่อนจะยกเท่าก้าวเข้าไป

นางยังไม่ทันได้เหยียบบันไดมรกต ซื่อจี้ก็พูดว่า “คุณหนูสามท่านจะเข้าไปจริงๆ หรือ เงินหนึ่งร้อยตำลึง มันซื้ออะไรไม่ได้ เหตุใดต้องเสียเวลาด้วยเล่า?”

ซูจื่ออวี๋หัวเราะเยาะกล่าว “ข้าเสียเวลาของข้าเอง เกี่ยวอะไรกับเจ้า? ถ้าเจ้าไม่อยากเข้ามาก็ได้ เจ้าสามารถไปได้เลย”

ซื่อจี้ถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหนูสาม บ่าวแค่หวังดีกับท่าน เป็นมนุษย์...ก็ต้องรู้จักประเมินกำลังตนไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

ซูจื่ออวี๋ทิ้งกลุ่มคนไว้บนถนน พบว่าเพราะเสียงตะโกนของซื่อจี้ดังมากจนดึงดูดสายตาของคนไม่น้อย

ซูจื่ออวี๋ก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ซื่อจี้ก็รอเวลานี้

นำทางนางมาก่อน จากนั้นก็ให้นางเข้าไปในร้านอัญมณีหลิงหลง ไม่มีเงินซื้อของ สุดท้ายก็ทำให้ทุกคนรู้กันทั่วว่าคุณหนูสามจวนเสนาบดีไม่รู้จักประเมินตน

ซูจื่ออวี๋ยิ้มเย็นชาและพูดว่า “ร้านอัญมณีหลิงหลงเปิดค้าขาย หรือเคยบอกไว้ว่าถ้าไม่ซื้อของก็ห้ามเข้าร้านหรือ? หรือเคยบอกว่าถ้าไม่พกเงินเป็นพันเป็นหมื่นตำลึงก็ห้ามเข้า?”

ซื่อจี้ตะลึงงัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “เอ่อ..ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ว่า...คนเราก็ต้องรู้จักตัวเองไม่ใช่หรือ?”

เพลี๊ยะ

เสียงนี้ดังฟังชัด ตบจนหน้าของซื่อจี้หันไปอีกด้าน มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา

การตบที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้ซื่อจี้ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น และยังทำให้คนที่เดินผ่านไปมาพากันมองดูความคึกคักนี้

หลังจากซื่อจี้หันกลับมา ก็ร้องเสียงแหลมเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง “เจ้ากล้าตบข้าหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ