ซูจื่ออวี๋พูดอย่างไม่ยอม “เขาเป็นพ่อของท่าน ท่านก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่แล้ว”
จวินมู่เหนียนไม่ได้ปฏิเสธ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและจริงจัง “ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด เพราะเขาเป็นพ่อของข้า พวกเรารู้จักกันมาเกือบยี่สิบปี และข้าก็ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นราชานิสัยอย่างไร เขาทุ่มเททำให้ประเทศชาติเจริญ มุมานะบากบั่นกับการเมือง รักราษฎรเหมือนลูก ทุกการกระทำของเขา มีขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊เป็นพยาน มีอาณาประชาราษฎร์ในใต้หล้านี้เป็นพยาน และมีสิ่งที่ข้าได้เห็นกับตาตัวเอง แล้วเจ้าล่ะ? แม้แต่เจ้ามีเกี่ยวข้องกับตระกูลหร่วนหรือไม่เจ้าก็ยังไม่มั่นใจเลย เจ้าเลือกที่จะเชื่อข่าวลือเหล่านั้นหรือ?”
ซูจื่ออวี๋ตะลึงงันกับคำถามของจวินมู่เหนียน ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบกับอย่างไร
จวินมู่เหนียนแค่นเสียงเย็นชา ผ่อนแรงที่บีบซูจื่ออวี๋แล้วพูดว่า “หรวนถิงจวินเป็นคนแบบไหนข้าไม่รู้ แต่พ่อของข้าเป็นคนแบบไหน ข้ารู้ดีกว่าใคร เจ้าจะให้ข้าเชื่อใคร? ข้าไม่ได้อยากปิดบังเจ้า แต่ข้าอยากจะสืบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยมาบอกเจ้าให้เจ้าตัดสินใจเอง ไม่ใช่มาพูดจาดีน่าเชื่อถือต่อหน้าเจ้า ทำให้เจ้ารู้สึกเกลียดชัง ตั้งตัวเป็นศัตรู แล้วแก้แค้นด้วยตาที่มืดบอด”
หลังจากกล่าวมาถึงตรงนี้ ซูจื่ออวี๋ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นางกัดริมฝีปากแล้วก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ
เพราะนางพบว่าสิ่งที่จวินมู่เหนียนพูดมานั้นเป็นความจริง ที่ผ่านมานางเป็นคนเชื่อและยอมรับในสิ่งที่ได้ยินมา นางเชื่อข่าวลือที่ได้ยิน แต่ความจริงมันเป็นอย่างไรล่ะ? นางไม่เคยรู้จักหรวนถิงจวิน และไม่เคยติดต่อใครในตระกูลหร่วน
จริงๆ แล้วแม้แต่สถานะของจู้หลิงเอง นางก็ไม่ยังไม่มีทางยืนยันได้
นางกลับเชื่อจู้หลิง เพราะจู้หลิงเป็นคนให้หยกเจี๋ยจื่อกับนาง
ซูจื่ออวี๋เม้มปาก รู้สึกว่าตนยังอ่อนหัดเกินไปที่จะรับมือกับความวุ่นวาย
แต่ในทางกลับกัน จวินมู่เหนียนที่มีความชัดเจนกับทุกสิ่ง และนิ่งสงบได้ทุกที่
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจวินมู่เหนียนจะรังแกนางตามอำเภอใจ
ซูจื่ออวี๋มุ่ยปากแล้วพูดว่า “ถึงอย่างไรข้าก็อยากจะไป ต่อจากนี้ท่านอ๋องก็ไปรวบรวมหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฝ่าบาท ข้าก็จะไปหาหลักฐานของข้า สืบความจริงให้กระจ่าง พวกเราสองคนอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก”
แม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่น้ำเสียงของซูจื่ออวี๋ก็ไม่ได้ยืนกรานเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
จวินมู่เหนียนมองเข็มพิษที่อันตรายนั้น หัวใจที่อกก็เต้นจนบ้าคลั่ง
เขาไม่ได้ก้าวเข้าไปอีก และไม่ได้ยื่นมือเข้าไปแย่งอาวุธสังหารในมือของซูจื่ออวี๋ เขาเจ็บปวดจนยากจะปิดบังมองไปที่ซูจื่ออวี๋ แววตาคู่นั้นแดงก่ำ ทำให้ซูจื่ออวี๋ไม่กล้ามองเขาเล็กน้อย
จวินมู่เหนียนกำหมัดแน่น แล้วคลายออก แต่คลายออกแล้วก็กำแน่นอีกครั้ง สุดท้ายก็เอ่ยว่า “ดี เจ้ากล้าที่จะใช้พิษกับข้าเพื่อคนที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ซูจื่ออวี๋เจ้ารู้ว่าข้าสนใจเจ้า ดังนั้นเจ้าเลยกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ใช่หรือไม่? เจ้าไปได้ เจ้าออกไปจากจวนอ๋องฉินไปเสียวันนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปจับคนผู้นั้นออกมาแล้วคุมตัวไปประหารที่ทางเข้าตลาด!”
เมื่อเสียงของจวินมู่เหนียนจบลง ก็จากไปด้วยความโกรธ เพราะความโกรธทำให้เขาลืมแม้กระทั่งรถเข็น
ซูจื่ออวี๋เองก็ตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่ได้ยินคำพูดข่มขู่เหล่านั้นของจวินมู่เหนียน นางได้ยินแค่ประโยคเดียวที่ทำให้นางไม่มีทางสงบได้อีก
จวินมู่เหนียนพูดว่า...สนใจนางหรือ? สนใจอะไร? สนใจหรือว่า...มีกำหนัด?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
เรื่องนี้ไม่อัพเพิ่มแล้วหรอคะ...
ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ...
นางเอกทนงตนเกินไปว่าตัวเองเก่งทำให้ไม่ระแวดระวังและไม่ยอมให้มีคนคุ้มกัน...
สนุกมากๆเลยค่ะ รอ admin นะคะ...
ไม่ลงตอนใหม่แล้วเหรอคะ...
สนุกค่ะ รออัพเดทนะคะ...
ตอนที่241 รอบอัพอยู่ค่ะ 242 มาตอนไหนค่ะ...
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...