เมื่อหมิงโหลวเห็นท่าทีของนางมีทัศนคติที่แน่วแน่และน้ำเสียงกระตือรือร้น จึงเร่งความเร็ว
ครึ่งชั่วยามต่อมาในที่สุดซูจื่ออวี๋ก็ไปถึงสุสานบรรพบุรุษของตระกูลซู
ซูจื่ออวี๋ก็เห็นกองฟืนที่ก่อขึ้นสูงอยู่ไกลๆ หลายคนถือคบเพลิงอยู่ในมือและมีอีกหลายคนที่กำลังราดน้ำมันถงลงไปบนกองฟืน
ซูจื่ออวี๋ใจเต้นรัว วิ่งไปพลางตะโกนไป “หยุดนะ”
คนที่เตรียมจุดไฟเผาไม่ใช่คนอื่น ก็คือหลีเป่าจู้พ่อบ้านของจวนเสนาบดีซู
พ่อบ้านหลีเห็นซูจื่ออวี๋วิ่งมา ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที แล้วร้องตะโกนว่า “จุดไฟ จุดไฟเร็วเข้า พวกเจ้าไปหยุดคุณหนูสามเอาไว้”
ฮูหยินสั่งเอาไว้แล้ว ต้องรอจนกว่าคุณหนูสามมาถึงค่อยจุดไฟเผา ต้องให้คุณหนูสามมองแม่ของนางด้วยตาของตัวเอง แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ
ซูจื่ออวี๋ไม่มีทางคิดถึง ฮูหยินซูใจคอโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ แม้ว่านางจะเป็นคนที่มีความคิดของคนยุคสมัยใหม่ ไม่ได้ต่อต้านการเผาศพ
แต่ในโลกนี้ แม้แต่คนเลวที่ชั่วร้าย หลังจากถูกตัดหัวก็ยังเหลือตัวให้ฝัง
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินซูอยากให้อนุยวนไม่ได้ตายดี
ซูจื่ออวี๋รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธ แต่กลับถูกบ่าวรับใช้จับแขนข้างซ้ายข้างขวาไว้
แต่สองคนนั้นจับไม่แน่นพอ อยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดที่สองมือ ทั้งสองมองลงไปก็เห็นฝ่ามือของพวกเขาเริ่มดำคล้ำ นี่คือ... ถูกพิษหรือ?
ซูจื่ออวี๋เอ่ยอย่างเย็นชา “ถ้าไม่อยากตาย ก็ถอยไป”
ทั้งสองไม่อยากออกไปก็คงไม่ได้แล้ว เพราะความเจ็บปวดที่ฝ่ามือทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตตามแขนในทันที ทั้งคู่ก็นอนลงบนพื้นด้วยตัวที่แข็งทื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...
รอตอนต่อไปค่าาา ลงเยอะๆนะคะ สนุกมากจริงๆ...
หมิงโหลวคือใครกันระ...