มันเป็นวันที่วุ่นวายอีกครั้ง ครานี้กว่าที่ทุกคนจะมาถึงท่าเรือเฟิงหลิงก็มืดแล้ว
ซูจื่ออวี๋ลงจากรถม้าและยืดเส้นยืดสายพร้อมกับสังเกตสถานการณ์โดยรอบไปด้วย นางคิดว่าท่าเรือเฟิงหลิงเป็นเพียงเรือแห่งหนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นเหมือนหมู่บ้านมากกว่า ไม่เพียงแต่มีบ้านเรือนและร้านค้ามากมายเท่านั้น แต่ยังมีศาลาพักม้า
ซูจื่ออวี๋ถามว่า “ท่านอ๋อง คืนนี้เราจะพักที่ศาลาพักม้านี้หรือไม่?”
จวินมู่เหนียนพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง ข้าเร่งเดินทางระหว่างวันเพื่อจะได้ไปนอนพักที่ศาลาพักม้าท่าเรือเฟิงหลิง”
ทันทีที่จวินมู่เหนียนพูดจบ เสียงของจวินมู่ฉงก็ดังมาจากด้านหลังของทั้งสองคน จวินมู่ฉงกล่าวว่า “ข้ามาที่ท่าเรือเฟิงหลิงไม่ใช่แค่เพื่อที่พักเท่านั้น อาหารที่นี่อร่อยเป็นพิเศษ และที่นี่ยังมีอีกอย่างที่น่าสนใจ เจ้าเจ็ด เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
ทั้งสองคนหันไปมองที่จวินมู่ฉง จวินมู่เหนียนก็ยื่นมือไปทางซูจื่ออวี๋โดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากมีผู้คนมากมายอยู่รอบ ๆ ซูจื่ออวี๋จึงไม่กลัวว่าจวินมู่ฉงจะทำอันตรายต่อนาง แต่เจตนาปกป้องทุกเวลาของจวินมู่เหนียนยังคงทำให้นางสบายใจ
ซูจื่ออวี๋เดินอยู่ข้างกายจวินมู่เหนียนและจับมือของเขาไว้
การกระทำอันอ่อนหวานที่รู้กันอยู่สองคนของคู่สามีภรรยาและทำให้จวินมู่ฉงเกิดความอิจฉาเล็กน้อย
จวินมู่เหนียนพูดว่า “ท่านหมายถึง...หินเซวียนอู่หรือ?”
จวินมู่ฉงหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้ว มันคือหินเซวียนอู่ ข้าเห็นพวกเขาตกปลามาทำอาหาร พวกเขาต้องรอสักพัก พวกเราพี่น้องไปรำลึกถึงความสุขในวัยเด็กของพวกเรากันดีหรือไม่?”
ยังไม่ทันที่จวินมู่เหนียนจะตอบ จวินมู่เยว่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “พี่สี่ ท่านรังแกคนอื่นไม่ใช่หรือ? พี่เจ็ดไม่สามารถใช้ขาได้ จะเอาชนะท่านได้อย่างไร หากจะแข่ง ข้าจะแข่งขันกับท่านเอง แต่พวกเราต้องมีรางวัล”
มู่เยว่ยืนเท้าเอวและมองดูจวินมู่ฉงด้วยรอยยิ้ม โดยมีคำว่าชนะเขียนไว้เต็มใบหน้าของเขา
ซูจื่ออวี๋มองไปที่จวินมู่เยว่สลับกับจวินมู่ฉงด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันเห็นได้ชัดว่านางอยากรู้ว่าหินเซวียนอู่คืออะไร
จวินมู่เยว่ชั่งน้ำหนักก้อนหินสองสามก้อนในมือ และเดินไปพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ปาหินให้กระดอนบนน้ำ พี่สะใภ้เคยเล่นหรือไม่?”
ซูจื่ออวี๋กระพริบตาและครุ่นคิดกับตัวเอง “ที่แท้ก็เป็นการปากินให้กระดอนบนน้ำ แน่นอนว่าข้าเคยเล่น แต่เจ้าของเดิมคงไม่เคยเล่น ลูกอนุจากจวนเสนาบดีจะออกจากบ้านไปเล่นที่แม่น้ำได้อย่างไร?”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซูจื่ออวี๋จึงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เคย”
เมื่อจวินมู่เยว่ได้ยินว่าซูจื่ออวี๋ไม่เคยเล่นมาก่อน เขาพูดอย่างกระตือรือร้น “เฮ้ นี่มันง่ายมาก ข้าจะอธิบายให้พี่สะใภ้ฟัง นี่…”
หลังจากที่จวินมู่เยว่พูดจบ จวินมู่เหนียนก็กล่าวว่า “โยนหินให้กระดอนบนผิวน้ำ เจ้าต้องเลือกหินที่แบนและใช้แรงโยนมันให้บินออกไป หินจะบินสัมผัสผิวน้ำ เมื่อมันกระทบผิวน้ำ มันจะเด้งขึ้นมาและกระดินไปอีกครั้ง หินจะกระดอนบนผิวน้ำไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จนกระทั่งจมลงสู่น้ำ การแข่งขันนี้จะวัดจากระยะทางและจำนวนการกระทบลงบนผิวน้ำ”
ในตอนที่จวินมู่เหนียนกำลังพูด เขาสังเกตเห็นว่ซูจื่ออวี๋กำลังมองเขาอยู่ เขาชอบการจ้องมองของซูจื่ออวี๋ เขาไม่ชอบที่ซูจื่ออวี๋มองคนอื่น แม้แต่เจ้าแปด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
เรื่องนี้ไม่อัพเพิ่มแล้วหรอคะ...
ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ...
นางเอกทนงตนเกินไปว่าตัวเองเก่งทำให้ไม่ระแวดระวังและไม่ยอมให้มีคนคุ้มกัน...
สนุกมากๆเลยค่ะ รอ admin นะคะ...
ไม่ลงตอนใหม่แล้วเหรอคะ...
สนุกค่ะ รออัพเดทนะคะ...
ตอนที่241 รอบอัพอยู่ค่ะ 242 มาตอนไหนค่ะ...
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...