จวินมู่เหนียนอ่านอย่างละเอียด พบว่าซูจื่ออวี๋จะแต่งงานกับหันเจิ้น ทำให้จวินมู่เหนียนขมวดคิ้ว แม้ในใจจะไม่ได้หวั่นไหวมากนัก แต่กลับรู้สึกว่าเสนาบดีซูกับฮูหยินซูโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
คนที่สติไม่ดีอย่างหันเจิ้น จะฝากชีวิตไว้ได้อย่างไร?
แต่ว่า...
เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของผู้อื่น เขาไปยุ่งอะไรด้วยไม่ได้ จวินมู่เหนียนจึงเก็บสารลับ ทำเหมือนไม่เคยเห็นข่าวนี้มาก่อน
——
เดือนสี่วันที่หก จวนเสนาบดี
ในที่สุดอาการของฝ่ายบาทก็ทรงดีขึ้น เหล่าขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นต่างพากันโล่งใจ การคัดเลือกพระชายาของเหล่าท่านอ๋องก็กำหนดวันเวลาเรียบร้อย คือเดือนสี่วันที่สิบหก
ในวันนี้ คือวันที่ฮูหยินซูจัดงานเพื่อให้ซูจื่ออวี๋ได้เจอกับครอบครัวฝั่งสามี นางต้องจัดการเรื่องของซูจื่ออวี๋ให้เรียบร้อย ก่อนถึงวันคัดเลือกพระชายา
จวนเสนาบดีจัดงานใหญ่โต นอกจากเรียนเชิญตระกูลสามท่านแล้ว ยังเรียนเชิญเหล่าสตรีในตระกูลต่างๆมากมาย เพื่อมาชมดอกไม้ในจวน
การชมดอกไม้สามารถตีความได้สองอย่าง หนึ่งคือมาชื่นชมความงามของดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูใบไม้ผลิและดอกท้อ สองคือมาชื่นชมความงามของซูจื่อหยวนและซูจื่อเยียน
ฮูหยินซูอยากใช้โอกาสนี้ ให้ผู้คนได้เห็นว่าลูกสาวทั้งสองงดงามเพียงใด เมื่อถึงเวลาเรื่องนี้รู้ไปถึงฝ่าบาทแล้ว การคัดเลือกพระชายาย่อมทำให้นางมีเดิมพันมากขึ้น
“โอ๊ย ฮูหยินหวัง ไม่เจอเสียนาน ท่านดูผอมลงนะ”
“ฮูหยินหลี่ นี่คงเป็นลูกสาวคนสุดท้องของท่าน ดูสิ หน้าตางดงามนัก”
“ฮูหยินอานผ้าแพรสีส้มของท่านช่างงดงามเหลือเกิน ใต้เท้าอานช่างโปรดปรานท่านจริงเชียว!”
……
ฮูหยินซูกำลังต้อนรับแขกเหรื่อมากมาย ส่วนซูจื่ออวี๋กำลังยืนหลบมุมอยู่ในสวนแล้วหาววอดๆ
การจัดงานเช่นนี้ไม่สามารถใช้คำว่าน่าเบื่อมาบรรยายได้จริงๆ
ชิวขุยเห็นนายของตนท่าทางไม่รีบไม่ร้อน จึงเอ่ยถามอย่างกังวล
“คุณหนู คุณชายรองตระกูลหัน แต่งด้วยไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้นท่านลองคุยกับนายท่านดูเจ้าค่ะ”
ซูจื่ออวี๋บิดขี้เกียจบอกว่า
“ไม่มีประโยชน์ พวกเขาเห็นข้าขวางหูขวางตา อย่างไรก็ต้องให้ข้าออกเรือนแน่นอน”
“แล้ว...แล้วจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ...” ชิวขุยเป็นห่วงซูจื่ออวี๋
ซูจื่ออวี๋หันมอง แม่ลูกตระกูลหันที่เพิ่งเดินเข้ามาจากประตูใหญ่แวบหนึ่ง จากนั้นยิ้มมุมปาก
“แม้ข้าจะปฏิเสธการออกเรือนไม่ได้ แต่ข้ามีวิธีไม่ให้เขามาสู่ขอได้”
ชิวขุยมองซูจื่ออวี๋ด้วยความสงสัย แต่ซูจื่ออวี๋ไม่คิดจะอธิบายกับชิวขุย นางกลับไปที่ห้อง แล้วรื้อค้นข้าวของ ต่อมาหยิบสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งสวมไว้ที่ข้อมือ จากนั้นเดินไปหาฮูหยินตระกูลหัน ทำความเคารพนางต่อหน้าฮูหยินซู
“ข้าน้อยซูจื่ออวี๋ คารวะฮูหยินหัน”
เมื่อฮูหยินหันเห็นรูปโฉมของซูจื่ออวี๋ ยิ้มอย่างพอใจทันที แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยปากทักทาย สายตาก็เหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือสีแดงเส้นนั้นบนข้อมือซูจื่ออวี๋เสียก่อน
ซูจื่ออวี๋ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของนางเป็นสีพื้นเรียบทั้งหมด ดังนั้นสร้อยข้อมือสีแดงเส้นนั้น จึงสะดุดตาเป็นพิเศษ
ฮูหยินหันเห็นแล้ว ฮูหยินอีกหลายคนที่อยู่รอบด้านก็เห็น ฮูหยินซูเองก็ต้องเห็นย่อมต้องเห็นแน่นอน
เมื่อฮูหยินซูเห็นสร้อยข้อมือเส้นนั้น ในใจกระตุกวาบ สร้อยข้อมือเส้นนี้นางให้ซูจื่ออวี๋ตอนพิธีปักปิ่น แต่เหตุใดนางถึงสวมมันในวันนี้?
ฮูหยินซูอยากจะดึงสร้อยข้อมือเส้นนั้นออกจากมือซูจื่ออวี๋ แต่ติดที่มีคนล้อมรอบมากมาย หากนางทำเช่นนั้นจริง คงได้ขายขี้หน้าตัวนางเองไม่ใช่หรือ?
ฮูหยินซูก่นด่าซูจื่ออวี๋ไปด้วย พร้อมทั้งดึงดูดผู้คนไปด้วยโดยการบอกว่า
“อย่ามัวแต่ยืนอยู่เลย พวกเราไปคุยกันในสวนดีกว่า ทางโน้นจัดที่นั่งไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราชมดอกไม้ไปด้วยดื่มชาไปด้วยดีกว่า”
เดิมทีทุกคนถูกคำชักชวนของฮูหยินซูหันเหความสนใจไปแล้ว ทว่าซูจื่อเยียนที่ป่วยอยู่นาน วันนี้ได้โอกาสเผยโฉมหน้าเสียที กลับเป็นคนโง่เง่า พอเอ่ยปากก็ทำให้เรื่องยุ่งยากทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
จะเจอไหมนะ...
รอตอนต่อไปค่าาา ลงเยอะๆนะคะ สนุกมากจริงๆ...
หมิงโหลวคือใครกันระ...