ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 693

ซูจื่ออวี๋ได้ความเหนื่อยล้าจากน้ำเสียงของจวินมู่เหนียน ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนหายใจและปล่อยเขาอยู่แบบนั้น

แม้ว่าทั้งสองจะแก้ไขความขัดแย้งก่อนหน้าได้ แต่ในใจของทั้งคู่ต่างรู้เรื่องของยันต์พยัคฆ์หยกขาวก็ได้สร้างกำแพงกั้นไว้ตรงหน้าพวกเขา

เมื่อกำแพงยังไม่ถูกทลาย ทั้งสองไม่อาจถูกเชื่อมต่อกัน เมื่อกำแพงพังทลายลง สุขทุกข์ยากจะคาดเดา

ซูจื่ออวี๋ถอนหายใจและหลับตาลงช้า ๆ นางสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของอ้อมกอดของจวินมู่เหนียน

——

ย่ำค่ำ

ขบวนเคลื่อนไปอย่างเป็นระเบียบ เพราะเข้าสู่กลางคืนแสงจึงสลัวลง ความเร็วของรถม้าช้าลงกว่าตอนกลางวันมาก

เมื่อเห็นว่าเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว อานเป่ยเยว่จึงเรียกสาวใช้ปี้เอ๋อร์ให้ขึ้นมาบนรถม้า

อานเป่ยเยว่กล่าวว่า “ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออก”

ปี้เอ๋อร์ไม่กล้าฝ่าฝืนอานเป่ยเยว่ นางจึงถอดเสื้อผ้าออกแล้วพูดว่า “องค์หญิง องค์ชายตรัสว่าพระองค์ ไม่อนุญาตให้ท่านลงจากรถม้า ท่าน…”

อานเป่ยเยว่กดเสียงต่ำดุด้วยความโกรธ “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าให้เจ้าเข้ามาและถอดเสื้อผ้า ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรหุบปากไว้ หากมีเสียงหลุดรอดออกไปเพียงเล็กน้อย ก็ระวังผิวของเจ้าเอาไว้”

ปี้เอ๋อร์ตัวสั่นเทาและถอดเสื้อผ้าออกเร็วขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานสองนายบ่าวก็ได้ทำการแลกเสื้อผ้ากัน ปี้เอ๋อร์ก็ช่วยอานเป่ยเยว่ทำผมเหมือนสาวใช้ให้นาง

หลังจากที่อานเป่ยเยว่เก็บข้าวของเสร็จ นางก็พูดเสียงดังขึ้นมา “ปี้เอ๋อร์ นี่คือผงหอมสงบจิตที่อ๋องสี่ต้องการ เอาไปส่งไป”

ปี้เอ๋อร์ในรถม้ารีบตอบ “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”

การสนทนาระหว่างนายกับบ่าวมีไว้เพื่อให้คนนอกรถม้าฟังอย่างชัดเจน

หลังจากพูดจบ อานเป่ยเยว่ก็ก้มหน้าลงจากรถพร้อมกับถาดในมือ แสงสลัวในยามค่ำคืน ทำให้ทั้งองครักษ์ที่บังคับรถม้าและกองทัพหลงอู่ที่อยู่โดยรอบไม่ได้สังเกตเห็นว่าสาวใช้ที่ไปส่งผงหอมสงบจิตนั้นจริง ๆ แล้วเป็นอานเป่ยเยว่

……

อานเป่ยเยว่วางถาดในมือของนางลงและถามอย่างตรงประเด็น “พี่ฮวายหรง เยว่เอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจจะโมโหท่านเลยจริง ๆ เยว่เอ๋อร์แค่ร้อนใจไป ท่านก็เห็นว่าซูจื่ออวี๋วัน ๆ เอาแต่รบกวนพี่หลานซีอย่างกับสัมภเวสี นางกล้าที่จะทำเรื่องแบบนั้นในรถม้าแม้ว่าเราจะเดินทางในเวลากลางวันแสก ๆ นางเป็นหนามยอกอกของข้า ข้าทนนางไม่ได้แล้วจริง ๆ”

อานเป่ยเยว่กัดฟันพูด นางกำมือแน่นจนกระทั่งปลายนิ้วของนางเปลี่ยนเป็นสีขาว

จวินมู่ฉงถอนหายใจและพูดว่า “ข้าจะตำหนิเจ้าได้อย่างไร ถ้าจะตำหนิ ก็ตำหนิเพราะใจของเจ้าเจ็ดลึกซึ้งเกินไป ออกมาล่าสัตว์ยังนำองครักษ์เงามา”

อานเป่ยเยว่รู้สึกร้อนใจ นางรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ? พี่ฮวายหรงไม่มีองครักษ์เงาเลยหรือ?”

จวินมู่ฉงกวักมือเรียกอานเป่ยเยว่ โดยทำท่าทางให้อานเป่ยเยว่เข้ามาพูดใกล้ ๆ

อานเป่ยเยว่ใจกระตุก นางก็ก้มหน้าต่อต้านเล็กน้อย

จวินมู่ฉงยิ้มเยาะในใจ เขาถอนหายใจออกมา “เพื่อเจ้าแล้ว ข้าถึงกับทิ้งหรูอี้ ไม่มีการปรนนิบัติที่อ่อนโยนและเอาใจใส่ของนางอีกแล้ว เมื่อคืนข้านอนไม่หลับทั่งคืน จนตอนนี้จิตใจของข้ายังคงวุ่นวาย คิดอะไรไม่ออกแล้ว”

หัวใจของอานเป่ยเยว่เริ่มเต้นเร็วขึ้น การปรนนิบัติที่นุ่มนวลและเอาใจใส่มันเป็นการปรนนิบัติแบบใด?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ