ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 8

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองและพบว่าผู้ที่เข้ามาจับซูเฉิงเซี่ยงเอาไว้นั้นเป็นองครักษ์ของอ๋องฉินจวินมู่เหนียนโอรสอันดับที่เจ็ดของฮ่องเต้แห่งต้าโจว เทียนชิง

จากนั้นน้ำเสียงอันเย็นชาและน่าเกรงขามก็ดังขึ้นด้านหลังของทุกคน “ซูเหวินเฟิง วังหลังไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาสั่งสอนบุตรสามของเจ้า!”

ฝูงชนกระจายออกไปสองทางเพื่อหลีกทางให้อ๋องฉินจวินมู่เหนียนที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่มีองครักษ์อีกคนหนึ่งเลื่อนผ่านกลางฝูงชนอย่างช้าๆ

จวินมู่เหนียน?

ซูจื่ออวี๋มองไปที่คนตรงหน้าเขา หัวใจของนางเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่และเขาอดคิดไม่ได้ว่าจะมีผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้อยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร

คิ้วดกดำเหมือนสีหมึกและดวงตาพร่างพราวเหมือนดวงดาว

กล่าวได้ว่าองค์ชายพระองค์นี้ขาวเหมือนหยกแต่ใบหน้าของเขากลับปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง มองดูแล้วไร้ซึ่งความอบอุ่น

ยังกล่าวได้อีกว่าเขาเป็นเหมือนเทพเจ้า ดวงตาของเขามีความลึกล้ำแฝงไปด้วยความชั่วร้าย

ซูจื่ออวี๋กู่ร้องอยู่ในใจ “องค์ชายคงจะเห็นได้ในภาพวาดเท่านั้น ต้องไม่ใช่คนของโลกมนุษย์แน่นอน”

ซูจื่ออวี๋เอาแต่มองไปยังจวินมู่เหนียนและเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่ขาทั้งสองข้างของเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

เมื่อซูจื่ออวี๋มองไปยังจวินมู่เหนียนนั้น จวินมู่เหนียนได้มองมายังซูจื่ออวี๋เช่นเดียวกัน อาการบาดเจ็บที่หัวไล่ของเขายังคงไม่บรรเทา ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสตรีตรงหน้าจะจำเขาไม่ได้

ภายในใจของจวินมู่เหนียนมีความรู้สึกมากมายปะปนกันอยู่ เขาจึงได้ผินหน้ามองไปยังเสนาบดีซู

หัวใจของเสนาบดีซูหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มและรีบเอ่ยปากขอประทานอภัย “ขอท่านอ๋องโปรดอภัย...หม่อมฉันเสียกริยาแล้ว หม่อมฉันเกรงว่านางจะทำให้อาการป่วยของอานซื่อจื่อล่าช้า”

เหอะ...

ซูจื่ออวี๋หัวเราะเยาะออกมา กลัวว่าอาการป่วยของอานซื่อจื่อจะล่าช้าที่ไหน เห็นอย่างชัดแจ้งว่ากลัวนางจะทำให้ตระกูลซูถูกลงโทษเสียมากกว่า

ก็ไม่ทราบได้ว่าเป็นเพราะปากของเสนาบดีซูนั้นศักดิ์สิทธิหรืออย่างไร เพียงแค่ทางนี้พูดจบ ชิงโจวที่อยู่ทางนั้นก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกอกตกใจ “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อ!”

พระชายาอานชินอ๋องก็พูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “ลูกซาน! ลูกซาน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ