จริงดังคาด หลังจากถามเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตูเมือง พบว่ามู่หรงเจี๋ยจากไปแล้วจริง ๆ
อ๋องฉีสับสน เขารู้ว่ามู่หรงเจี๋ยไม่ใช่คนที่ได้รับแรงกระตุ้นนิดหน่อยแล้วใช้อารมณ์เป็นใหญ่ เขามักจะปฏิบัติตนอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ คราวนี้จักรพรรดิก็ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างให้เกียรติแล้ว เช่นนั้นพวกเขาจะจากไปด้วยความโกรธได้อย่างไร?
หากเขาจากไปเช่นนี้ แล้วสงครามจะยังเกิดขึ้นอยู่หรือไม่?
อ๋องฉีทำได้เพียงเข้าไปในพระราชวังและทูลรายงานต่อองค์จักรพรรดิ กระนั้นจักรพรรดิกลับไม่กังวลเลย และยังกล่าวกับฮองเฮาเฉาสองสามคำอย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะตอบอ๋องฉี
“ไม่ต้องกังวลไป หากเจ้าเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีโรคระบาด ก็จะพบพวกเขาอยู่ที่นั่นเอง”
“ฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร? พวกเขาไปยังพื้นที่โรคระบาดด้วยตัวเองหรือ?” อ๋องฉีตกใจ
“พวกเขาไปขอความช่วยเหลือให้องค์หญิงอันส่งคนไปประกาศต่อสาธารณชนว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อรักษาโรค ทั้งยังบอกอีกว่าข้าจะจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับพวกเขา เห็นแก่ใบหน้าของราชวงศ์เรา ทำให้ข้าจำเป็นต้องรับสมอ้างตามนั้น”
ฮองเฮาเฮามองไปที่อ๋องฉี อดไม่ได้ที่จะพูดประชด “อ๋องฉีนะอ๋องฉี เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? ความตั้งใจของมู่หรงเจี๋ยที่ต้องการพักรบคือสิ่งใด? เขาต้องการความเต็มใจของประชาชนจากทั้งสองประเทศที่จะสงบศึก เช่นนั้นเขาจะทำให้ชาวเป่ยโม่เห็นด้วยตามนั้นได้อย่างไร? การซื้อใจอย่างไรล่ะ เขาไม่ได้มาที่เป่ยโม่เพื่อรักษาโรคระบาดเท่านั้น แต่มาเพื่อที่จะเอาชนะใจผู้คน ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เขาจะลงมือทำในไม่ช้าก็เร็ว เหตุใดเราจึงต้องขัดขวางความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่นี้ด้วยเล่า? สู้อยู่เฉยไม่ดีกว่าหรือ? ยามรุกสามารถโจมตี ยามถอยก็สามารถป้องกัน”
ประโยคนี้อีกแล้ว ยามรุกสามารถโจมตี ยามถอยก็สามารถป้องกัน อ๋องฉีรู้สึกว่าเขาเบื่อที่จะได้ยินมันแล้ว เขาไม่ใส่ใจกับแก่นแท้ของสัจธรรมใด ๆ อีกต่อไป เพียงแต่มองถึงประโยชน์ที่จะได้รับเท่านั้น และสิ่งที่จะนำพาโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกันและได้ประโยชน์
อ๋องฉีตัดสินใจว่าเขาจะไม่สนใจสิ่งที่จักรพรรดิตั้งใจทำ เขาคิดจะเดินทางไปหามู่หรงเจี๋ยและเซี่ยจื่ออัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเขาเข้าไปในพื้นที่ที่มีโรคระบาด
เขาออกจากวังและส่งคนไปสอบถามตามทางเพื่อดูว่ามู่หรงเจี๋ยได้ไปถึวที่แห่งนั้นหรือยัง
อย่างไรก็ตาม หลังจากติดตามตลอดทาง พวกเขากลับบอกว่าไม่พบมู่หรงเจี๋ยในพื้นที่ที่มีโรคระบาดเลย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ กลุ่มคนที่มาจากต้าโจวหายไปทั้งหมด
จักรพรรดิเป่ยโม่ไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขาเลยจริง ๆ
ต้องขอบคุณการป่าวประกาศขององค์หญิงอันในวันนั้น ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงและในพื้นที่โรคระบาดรู้ว่าหมอเทวดาจากต้าโจวมาถึงที่นี่แล้ว ทำให้พวกเขาตั้งตารอวันที่พวกเขาจะเดินทางมายังพื้นที่โรคระบาด
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับหายตัวไปดื้อ ๆ
จักรพรรดิเป่ยโม่คำนวณผิดไปจริง ๆ เช่นเดียวกับอ๋องฉี เขาไม่เคยคิดเลยว่ามู่หรงเจี๋ยจะกล้าจากไปเช่นนี้ เนื่องจากความแข็งแกร่งทางทหารของต้าโจวนั้นด้อยกว่าเป่ยโม่มาก อีกทั้งเป่ยโม่ยังมีเซียนเปยเป็นพันธมิตรอีกด้วย ทางเดียวที่จะอยู่รอดได้คือการแสวงหาสัมพันธมิตร
ดังนั้นมู่หรงเจี๋ยควรทำทุกวิถีทางเพื่อเจรจาสันติภาพกับเป่ยโม่ จากนั้นตัวแทนจากเป่ยโม่... ซึ่งก็คืออ๋องฉีจะพาเขาไปยังพื้นที่โรคระบาด ไม่ว่าได้หรือเสีย เขาก็จะทำตามแผนเดิมของเขา ถ้าขั้นตอนการรักษาไม่ได้ผล ผู้คนก็จะเกลียดชังเขาอย่างสุดซึ้ง แต่หากสามารถหาทางได้จริง พวกเขาก็จะฉวยโอกาสรับความดีความชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้ความพยายามของมู่หรงเจี๋ยสูญเปล่า
อย่างไรก็ตาม มู่หรงเจี๋ยไม่ได้ทำอย่างที่พวกเขาคาดคิด เขาพาคนของเขาไปจากที่นี่ หากเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก เขาคงจะส่งคนไปติดตามพวกเขาก่อน และจำกัดการเคลื่อนไหว
อาจเป็นเพราะเขาแน่ใจว่ามู่หรงเจี๋ยไม่จากไปง่าย ๆ แน่ เท่ากับเขาประมาทเลินเล่อมาก
ตอนนี้คำสั่งถูกส่งออกไปแล้ว ฉินโจวจะเดินหน้าโจมตีแผ่นดินต้าโจวภายในสองวัน หากมู่หรงเจี๋ยเร่งรุดกลับไปเวลานี้ก็ยังแก้เกมทัน
“ฝ่าบาท หากมู่หรงเจี๋ยกลับไป โอกาสของเราที่จะชนะในศึกครั้งนี้อาจไม่สูงนัก” ฮองเฮาเฉากล่าว
“ฮองเฮา เจ้าเป็นคนออกความคิดว่าจะสั่งโจมตีมิใช่หรอกหรือ?” จักรพรรดิยิ้มเยาะ
“ใช่ เรื่องนี้หม่อมฉันคำนวณผิด ข้าเพียงคิดว่าตราบใดที่มู่หรงเจี๋ยอยู่ในกำมือของเรา เซียวเซียวคงจะยั้งมืออยู่บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องหลีกเลี่ยงในระหว่างทำศึกสงครามคือการเสียสมาธิและความหวาดกลัว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสสูงที่จะเป็นฝ่ายชนะ ทว่าตอนนี้มู่หรงเจี๋ยจากไปแล้ว เขาต้องกลับไปช่วยอีกฝ่ายแน่ ขวัญกำลังใจของกองทัพต้าโจวจะเพิ่มสูงขึ้น แล้วเราจะหลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามครานี้” ฮองเฮาเฉากล่าว
ฮองเฮาเฉาตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแผนการ แต่เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิไม่มีความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น เขาตรัสอย่างสงบ “สั่งโจมตีตามเดิม เริ่มทำสงคราม ไม่อนุญาตให้มีการผัดวันประกันพรุ่ง”
ฮองเฮาเฉากล่าวเบา ๆ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงเพิกเฉยต่อโรคระบาดที่ทำลายชีวิตประชาชนจริงหรือ? หากโรคระบาดไม่อาจควบคุมได้ ผลที่ตามมาจะยิ่งร้ายแรงนะเพคะ”
ร่องรอยแห่งความชั่วร้ายแวบขึ้นมาในดวงตาของจักรพรรดิ “ควรค่าแก่การสนใจหรือ? เช่นนั้นเราจะจัดการอย่างไร? หมอหลวงและคนจากกรมฮุ่ยหมินต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้ เจ้าไว้ใจความสามารถของเซี่ยจื่ออันจริงหรือ? ถึงขั้นนางมาถึงแล้วต้องรีบต้อนรับแล้วออกคำสั่งให้พวกเขาลงพื้นที่ เมื่อเข้าไปในเขตโรคระบาด ข้าก็ต้องก้มหัวให้ต้าโจวสินะ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เซี่ยจื่ออันต้องรักษาโรคระบาดได้แน่ ถึงเวลานั้นเป่ยโม่ของข้าจะไม่สามารถแข็งข้อต่อต้าโจวได้ แม้แต่ประชาชนก็จะกลายเป็นมิตรกับต้าโจว เจ้ามองไม่ออกถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้หรอกรึ? นี่คือเหตุผลที่ข้าต้องยึดถือในแผนการเดิมอย่างไรเล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...