ทุกคนเห็นว่าเธอพันแผลเล็ก ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็วางมือ หมอหลวงจึงถามว่า “แล้วบาดแผลที่เหลือไม่พันแล้วหรือ?”
จื่ออานส่ายหน้า “บาดแผลใหญ่ ๆ พวกนี้ต้องรอสักครู่หนึ่ง ข้าต้องเย็บสักหน่อย”
หมอหลวงคิดว่าตนฟังผิดไป “อะไรนะ? เย็บสักหน่อย? จะเย็บอะไร?”
จื่ออานกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะใช้ด้ายอะไร จึงไม่ได้ตอบเขากลับไป
หากเป็นเส้นด้ายธรรมดา คงจะไม่มีความเหนียวแน่พอในการเย็บบาดแผล
เธอคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นตั้งใจว่าจะถามองค์ชายอาน แต่กลับเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธออย่างงง ๆ ราวกับว่ากำลังรอคำตอบของเธออยู่ เธอถึงจะเพิ่งนึกคำถามที่หมอหลวงถามขึ้นมาได้ จึงอธิบายไปว่า “ข้อดีของการเย็บคือช่วยให้บาดแผลสมานกันเร็วขึ้น และป้องกันไม่ให้เลือดไหลออกมา อีกทั้งยังลดโอกาสการติดเชื้อไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น บาดแผลหนึ่งบาดแผล หากไม่มีการเย็บแผล เวลาในการสมานแผลของมันคือสิบวัน แต่หากได้เย็บแผลมันจะใช้เวลาเพียงแค่สี่วันเท่านั้น มันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสมานแผลได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ และยังหลีกเลี่ยงไม่ให้บาดแผลเพิ่มระดับการฉีกออกอีกด้วย…”
เธอหยุดไปครู่หนึ่ง ต่อให้มีการเย็บแผลแผลก็มีโอกาสฉีกออกได้ เฮ้อ เธอพยายามที่จะปรับความรู้สึกของตนเอง แต่พบว่าที่ตนเองวางท่าอย่างดีดูเป็นมืออาชีพนั้น แท้จริงแล้วมันกลับปกปิดความกลัวในใจของเธอไม่ได้เลย
เธอกลัวว่าเขาจะตาย ใจมันก็ร้อนลนไปหมด แล้วตอนที่เธอกำลังจะเปิดปากพูด เสียงมันก็เริ่มสั่นเล็กน้อย “พอจะมีด้ายอะไรที่มันเหนียวสักหน่อยไหม?”
ซูชิงถามออกไปอย่างลองเชิงว่า “จะเย็บบนปากแผลจริง ๆ รึ?”
จื่ออานพยักหน้าอย่างลวก ๆ “ใช่”
เธอไม่อยากจะไปอธิบายอะไร การพ่นคำศัพท์ที่เป็นคำเฉพาะทางแบบนั้นออกมา มีแต่จะทำให้เธอตื่นเต้น
อาการบาดเจ็บที่สาหัสขนาดนี้ แม้ว่าจะเป็นยุคปัจจุบันที่มียารักษาหรือเครื่องมือที่ทันสมัย ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้
ตอนนี้เธอกำลังพยายามอย่างมาก แต่แม้แต่ความหวังเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็มองไม่เห็นเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...