“ความจริงกระจ่างแล้ว ข้าขอประกาศว่าเยวี่ยเยวี่ยคือบุตรชายของอ๋องอี้เซียวหลินเทียน! เรื่องนี้ให้มันจบลงที่นี่และวันข้างหน้าจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องลูกนอกสมรสอีก!”
จักรพรรดิอู่อันกวาดสายตามองทั่วลานพลางป่าวประกาศอย่างไร้ทางเลี่ยง
คราวนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะเล่นงานหลิงอวี๋เช่นไรแล้ว ไร้ซึ่งข้ออ้างจะประหาร!
มีเพียงความยินดีปรีดาเดียวเท่านั้นคือ เด็กคนนี้มีสายเลือดของราชวงศ์โดยแท้จริง ช่วยล้างมลทินความอัปยศอดสูที่ราชวงศ์ต้องประสบมานับหลายปีลง!
“หลิงอวี๋ขอขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงยืนยันฐานะของเยวี่ยเยวี่ย! ฝ่าบาท หลิงอวี๋ยังมีเรื่องจะขอกราบทูลอีกเพคะ!” หลิงอวี๋คำนับพลางกล่าวเคร่งขรึม
จักรพรรดิอู่อันทอดมองท่านอดีตเสนาบดีที่ยังคงคุกเข่าอยู่พลางนึกถึงความปรารถนาประหารแม่ลูกหลิงอวี๋อันแรงกล้าเมื่อครู่…
หลิงอวี๋ช่างหัวมัน! จะฆ่าหรือไม่ไม่สำคัญ!
แต่เด็กมีสายเลือดราชวงศ์และถือเป็นหลานชายตน!
ท่านอดีตเสนาบดีแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ความหลงใหลเกียรติศักดิ์ศรีของจักรพรรดิอู่อันพึงพอใจยิ่งยวด!
ถือว่าเห็นแก่เด็ก และให้หน้าหลิงอวี๋เล็กน้อย!
จักรพรรดิอู่อันผงกศีรษะแสดงความเคารพ “เชิญกล่าว!”
“กราบทูลฝ่าบาท เมื่อสักครู่พระชายาผิงหยางกล่าวว่า หากเยวี่ยเยวี่ยคือลูกนอกสมรส หม่อมฉันต้องคุกเข่าโขกหัวคำนับแสดงความขออภัยที่ใส่ไคล้นาง!”
หลิงอวี๋แสดงความบริสุทธิ์ต่อฐานะหลิงเยวี่ยแล้ว และทวงความยุติธรรมเพื่อตัวเองกับหลิงอวี๋อย่างจริงจัง
“บัดนี้หมอหลวงยืนยันแล้วว่า เยวี่ยเยวี่ยเป็นบุตรโดยกำเนิดของท่านอ๋องอี้ ตัวหลิงอวี๋เองได้กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมก็ไม่เป็นไร แต่หม่อมฉันทนเห็นเยวี่ยเยวี่ยทุกข์ทนกับความไม่เป็นธรรมมิได้เพคะ!”
“พระชายาผิงหยางก็ได้เอื้อนเอ่ยแล้ว หลิงอวี๋มิอยากแบกรับคำลือดูหมิ่นเพคะ!”
“ฉะนั้น หลิงอวี๋ขอบังอาจในขณะที่หมอหลวงยังอยู่ โปรดฝ่าบาทให้ท่านอ๋องผิงหยางและบุตรชายของพวกเขาตรวจหยาดเลือดรู้ญาติด้วยเถิดเพคะ!”
“หากพิสูจน์ได้ว่า หลิงอวี๋ใส่ไคล้พระชายาผิงหยาง หลิงอวี๋ยินดีโขกหัวคำนับยอมรับความผิดแก่พระชายาผิงหยางเพคะ!”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกไป สีหน้าพระชายาผิงหยางพลันซีดเผือดในบัดดล ก่อนจะเอ่ยเรียกขึ้นโดยไม่ได้คำนึงว่าตนยังกำลังคุกเข่าอยู่
“พระชายาอ๋องอี้ เจ้าอย่าได้รังแกคนเกินไป!”
“นี่นับว่าได้รังแกคนอย่างไรรึ? หลิงอวี๋ทั้งมิได้ด่าหรือทุบตีเจ้า! มิใช่ว่าพระชายาผิงหยางกล่าวเองหรือไร? ทองคำแท้ย่อมไม่กลัวไฟหลอม!”
หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “พระชายาผิงหยางไม่กล้าตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ หรือว่าที่จริงแล้วมีความลับในใจ? บุตรชายของเจ้ามิใช่ลูกโดยกำเนิดของท่านอ๋องผิงหยางหรือ?”
“พูดเหลวไหล!”
พระชายาผิงหยางตะโกนตอบว่า “ลูกชายข้าคือมีสายเลือดเดียวกันกับท่านอ๋องผิงหยาง! หลิงอวี๋ ถ้าเจ้ายังใส่ไคล้ตัวข้าอีก ข้าจะฉีกปากเจ้าเสีย!”
หลิงอวี๋กวาดตามองฝูงชนรอบหนึ่ง พวกคนที่ตะโกนโหวกเหวกให้ตรวจหยาดเลือดรู้ญาติเมื่อครู่ ไยนิ่งเงียบไปแล้วเล่า?
เมื่อกี้พวกนางมิใช่ว่าร้องชอบใจกันอยู่รึ?
หลิงอวี๋หัวเราะเยาะหยันพลางโขกศีรษะให้จักรพรรดิ “ฝ่าบาท หลิงอวี๋ไม่อยากแบกรับชื่อเสียงว่าใส่ไคล้พระชายาผิงหยาง โปรดฝ่าบาทอนุญาตให้พวกเขาสองแม่ลูกตรวจหยาดเลือดรู้ญาติเถิดเพคะ!”
ท่านอ๋องผิงหยางผู้อ้วนตุ๊ต๊ะอดกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว ก้าวไปข้างหน้ากล่าวคำ “ฝ่าบาท เดิมทีนี่เป็นความขัดแย้งกันระหว่างสตรี! เหตุใดจักต้องเสียเวลางานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาด้วย! มิสู้ช่างมันไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ทำเช่นนั้นมิได้!” หลิงอวี๋ทอดมองดวงหน้าอวบอ้วนของท่านอ๋องผิงหยางพลางกล่าวอย่างดื้อรั้น
“ท่านอ๋องผิงหยาง ตัวข้าผู้เป็นพระชายามิเข้าใจนัก เมื่อครู่พระชายาผิงหยางโหวกเหวกโวยวายให้หม่อมฉันตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ ท่านอ๋องก็ไม่ได้กล่าวว่าเสียเวลาเลยนะเพคะ!”
“เหตุใดยามนี้พอถึงคราวท่านแล้ว ท่านเลยบอกว่าเสียเวลาหรือเพคะ?”
หลิงอวี๋เอ่ยหนักแน่นว่า “ท่านอ๋องผิงหยาง หรือว่าท่านไม่รู้สึกว่าพิลึกชอบกล? เหตุใดในตำหนักของท่านนอกจากพระชายาผิงหยางแล้ว เหล่าบรรดาภรรยาและอนุคนอื่น กลับมิมีผู้ใดสักคนให้กำเนิดทายาทแก่ท่านอีกเลยเล่า?!”
สีหน้าท่านอ๋องอี้แปรผันในทันใดพลางถลึงตามองหลิงอวี๋อย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนจะตะคอกว่า “พระชายาอ๋องอี้ วันนี้เจ้าจะทำให้ตัวข้าผู้เป็นอ๋องและชายาต้องลำบากใจจริงหรือ?”
หลิงอวี๋เหลือบมองเขาพลางยิ้มหยัน “ท่านอ๋อง ทุกคนล้วนมีตา ผู้ใดเป็นคนทำให้ลำบากใจ ทุกคนดูมองกระจ่างชัด!”
“ไยอนุญาตพระชายาของท่านให้ใส่ไคล้ตัวข้าได้ แต่ไม่อนุญาตให้ตัวข้าพูดความยุติธรรมเพื่อตัวเองหรือเพคะ?”
“ท่านอ๋องผิงหยาง… ท่านไม่อยากตรวจหยาดเลือดรู้ญาติเพียงเพราะกำลังหลอกตัวเอง! ข้าก็เพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่ว่า ท่านอ๋องประสบภาวะมีบุตรยาก อาการนี้อย่างน้อยที่สุดก็เป็นมาสิบปีแล้วเพคะ!”
“ท่านอ๋อง บุตรชายของท่านปีนี้อายุเท่าใดแล้ว? เด็กคนนี้เกิดมาได้อย่างไร? ท่านอ๋องมิทรงทราบเบื้องหลังเลยจริง ๆ หรือเพคะ?”
เมื่อวาจานี้หลุดออกมา บนหน้าผู้คนด้านล่างต่างเกิดอารมณ์ต่าง ๆ นานามากมาย
พระชายาผิงหยางกรีดร้องเสียงแหลมโดยไม่ได้ตระหนักว่ากำลังไร้มารยาทในราชสำนัก รีบพุ่งไปข้างหน้าพลางตะโกน “หลิงอวี๋ ช่างพูดจาเหลวไหลนัก ข้าจะฉีกปากเจ้า!”
นางพุ่งเข้ามายังไม่ทันประชิดตัวหลิงอวี๋ก็พลันถูกขันทีเซี่ยตวาดลั่น “บังอาจ ต่อหน้าฝ่าบาทและไทเฮาท่านกล้าดียังไงมาจองหอง… จับตัวนาง!”
องครักษ์กองทัพหลวงสองนายด้านข้างพลันรุดทะยานไปข้างหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าพระชายาผิงหยางกดกับพื้นทันควัน
พระชายาผิงหยางบันดาลโทสะจนตัวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ครั้นแล้วถลกเสื้อคลุมขึ้นพลางคุกเข่าลง “ฝ่าบาท หลิงอวี๋พูดจาส่งเดชใส่ไคล้หม่อมฉัน โปรดฝ่าบาทรักษาความเป็นธรรมเพื่อหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...