จักรพรรดิอู่อันตกตะลึงต่อฉากนี้จนพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นความบันเทิงที่ไม่เคยพบในวังหลวงมาก่อน!
เมื่อชายาผิงหยางคุกเข่าลง เขาถึงได้สติคืนพลางมองค้อนไปยังหลิงอวี๋อย่างไม่พอใจ กล่าวตำหนิว่า “หลิงอวี๋ ขอประทานอภัยต่ออ๋องผิงหยางเสีย!”
หลิงอวี๋ตอบอย่างหัวรั้น “ฝ่าบาท หลิงอวี๋มิใช่กล่าวสิ่งใดผิด! หลิงอวี๋กล้าเอาศีรษะเป็นประกันเลยเพคะ! ว่าท่านอ๋องผิงหยางประสบภาวะมีบุตรยาก!”
“หมอหลวงก็อยู่ที่นี่ โปรดฝ่าบาทอนุญาตให้เขาวินิจฉัยท่านอ๋องผิงหยางเถิด! หากยืนยันได้ว่า หลิงอวี๋ใส่ไคล้ หลิงอวี๋ไม่เพียงจะโขกหัวแสดงความขออภัยเท่านั้น แต่ยังจะให้ศีรษะที่อยู่บนคอนี้ถวายพวกเขาด้วยเพคะ!”
เมื่อวาจานี้ได้เผยออกมา ทุกคนต่างเงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงกา
หลิงอวี๋กระทั่งเอาหัวตัวเองมาเดิมพันเช่นนี้ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
ท่านอดีตเสนาบดีเดิมทีคิดไกล่เกลี่ยยุติขัดแย้งให้หลิงอวี๋ ทว่าวาจาห้ามปรามยังมิทันเอ่ย หลิงอวี๋ก็โพล่งออกมาซะแล้ว
เขานึกถึงความคับแค้นระหว่างตนกับท่านอ๋องอี้ แล้วก็นึกถึงฉากสองแม่ลูกหลิงอวี๋เมื่อครู่เกือบจะถูกพระชายาผิงหยางฆ่าตาย เขาก็ส่ายหัวสักพักไม่คิดเตือนใด ๆ แล้ว
“ฝ่าบาท พระชายาผิงหยางกล่าวว่าหลิงอวี๋ทำให้สายเลือดราชวงศ์ต้องปะปนมั่ว! แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าหลิงอวี๋เป็นผู้บริสุทธิ์เพคะ!”
“พระชายาผิงหยางมิกล้าตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ สื่อว่าจิตใจมีความลับ! โปรดฝ่าบาททรงรักษาความยุติธรรม… สายเลือดเชื้อราชวงศ์ไม่อาจปะปนมั่วได้เพคะ!”
หลิงอวี๋นำคำพูดอันเป็นธรรมของฝูงชนที่ประณามตนเมื่อครู่มายั่วยุจักรพรรดิ
ทำให้จักรพรรดิอู่อันรู้สึกปวดกบาลเพราะหลิงอวี๋แล้ว ครั้นเห็นท่าทีไม่ยอมเลิกราหากไม่ให้คำอธิบาย จักรพรรดิอู่อันโมโหจนกัดฟันกรอด!
อย่างไรเสียเขาก็คิดว่าตนเป็นจักรพรรดิผู้ปราดเปรื่อง สิ่งที่หลิงอวี๋กล่าวทั้งมีน้ำหนักและเหตุผล หากเขาไม่ให้คำอธิบายที่เป็นธรรมคงยากที่จะอุดปากผู้คนไม่ให้แพร่งพรายได้!
จักรพรรดิอู่อันนึกใคร่ครวญครู่หนึ่งถึงเอ่ยถาม “อ๋องผิงหยาง ชายาอ๋องอี้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ไปแล้ว! เพื่อแสดงความยุติธรรม เจ้าคู่สามีภรรยาจะเลือกการวินิจฉัยโรคหรือตรวจหยาดเลือดรู้ญาติดีเล่า?”
“ท่านอ๋อง ห้ามปิดบังเพราะกลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์นะเพคะ ท่านให้หมอหลวงตรวจดูสักหน่อยเถิด บางทีอาการของท่านอาจยังมีโอกาสรักษาหายได้!”
หลิงอวี๋พูดจาหลอกล่อให้ติดกับพลางมองดูว่าอ๋องผิงหยางจะทำตัวเช่นไร
หากเขาวางตัวเป็น หลิงอวี๋อาจจะออกตำรับยาบำรุงร่างกายแก่เขาจริง ๆ ก็ได้ การรักษาเช่นนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งปีหรือครึ่งปี ฉะนั้นอ๋องผิงหยางอาจยังมีลูกเป็นของตนได้!
อ๋องผิงหยางจมดิ่งสู่ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาเป็นเพียงอ๋องว่างงาน ไร้ประโยชน์ มิได้มีอำนาจอะไรในราชสำนักเลย
และบัดนี้ท่านอดีตเสนาบดียืนอยู่ข้างหลิงอวี๋อย่างเด่นชัด ดูเหมือนว่าเรื่องในวันนี้พวกเขาก็จะไม่ยอมเลิกราโดยง่าย ฉะนั้นจักรพรรดิจึงต้องให้คำอธิบายแก่พวกเขา
จะวินิจฉัย หรือ หยาดเลือดรู้ญาติ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเลือกมาอย่างหนึ่ง
“กระหม่อมขอเลือกตรวจหยาดเลือดรู้ญาติพ่ะย่ะค่ะ!”
ครั้นพระชายาอ๋องผิงหยางได้ยินเช่นนั้น ก็ทรุดนั่งลงกับพื้นทันใดพลางกล่าวอย่างเศร้าสลด “ท่านอ๋อง เหตุใดท่านไม่เชื่อใจข้า? ตรวจหยาดเลือดรู้ญาติก็อาจไม่แม่นยำนะเพคะ!”
เมื่อทุกคนเห็นท่าทีของนางก็เริ่มคาดเดาความจริงได้คลุมเครือ
เมื่อพิจารณาถึงเมื่อครู่ พวกเขาต่างโห่เรียกร้องทำตามคำขอของชายาผิงพยางให้หลิงอวี๋ตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ ยามนี้ใครเล่าจะอยากพูดแทนพระชายาผิงหยาง เว้นแต่ว่าคนพวกนี้จะโง่เขลา!"
เสิ่นจวนยิ่งมิกล้ากล่าวสิ่งใดพลางถอยไปอยู่ด้านหลัง
นางดูออกแล้วว่า หลิงอวี๋มีเจตนาชำระแค้นที่พวกนางทำให้ต้องอัปยศอดสูเมื่อครู่
นางกลัวว่าหลิงอวี๋จะเห็นตนและแก้แค้นคน
หมอหลวงให้คนไปเปลี่ยนอ่างน้ำมาใหม่ สีหน้าอ๋องผิงหยางพลันขาวซีดขณะหยดเลือดลง
อธิราชน้อยของเขาก็เอาแต่กินดื่ม ครั้นถูกพามาก็มีสีหน้าหยิ่งผยองไม่สบอารมณ์
หมอหลวงแทงนิ้วของเขา และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเตะหมอหลวงผู้นั้นและสาปแช่งว่า 'เจ้าทาส เหตุใดเจ้าจึงตัดมือของข้า เจ้าทำร้ายข้า!'
หมอหลวงแสดงสีหน้าไม่พึงพอใจนัก และไม่ได้ใส่ใจถึงเสียงร้องของเขา เพียงกดเขาไว้พลางหยดเลือดลง
ขันทีเซี่ยย่างกรายไปข้างหน้างพลางสังเกต เพียงพบว่า โลหิตสองหยดเคลื่อนไหวแยกกัน คอยอยู่พักใหญ่ก็ยังลอยแยกกันอยู่ดี…
หมอหลวงก็มองดูอยู่สักใหญ่เช่นกัน ถึงกล่าวยืนยันว่า “กราบทูลฝ่าบาท เลือดของท่านอ๋องผิงหยางกับบุตรนั้นไม่เป็นหนึ่งเดียว กระหม่อมขอยืนยันว่าทั้งสองมิใช่บิดาบุตรโดยสายเลือดกันพ่ะย่ะค่ะ”
ชายาผิงหยางรีบกล่าวคำ “ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่… ฝ่าบาท ท่านอ๋อง หม่อมฉันกล้าสาบานต่อสรวงสวรรค์ว่า ลูกหัวแก้วหัวแหวนคือบุตรชายโดยกำเนิดของท่านอ๋องจริง ๆ เพคะ!”
อ๋องผิงหยางอดทนต่อแววตาของฝูงชนที่แปลกไปไม่ไหว ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าตบนางหนึ่งฝ่ามือจนล้มกับพื้นพลางตะโกนลั่น “หญิงต่ำช้า หลักฐานชี้ชัดขนาดนี้เจ้ายังขวัญกล้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีกรึ?”
“เจ้าหลอกตัวข้าผู้เป็นอ๋องมาหลายปีเพียงนี้ ข้าปวดใจยิ่งที่เจ้าโกหกข้า! ข้าจะหย่ากับเจ้า...”
“ฝ่าบาท ขอประทานอภัยที่กระหม่อมเสียมารยาท! กระหม่อมจะพาหญิงต่ำช้าผู้นี้ออกไปประเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
ครั้นกล่าวจบ อ๋องผิงหยางก็ลากลูกนอกสมรสและชายาผิงหยางที่ยังคงประท้วงอยู่ออกไปอย่างเร่งรีบ…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...