เมื่อหลิงอวี๋เห็นสถานการณ์ก็แทบอ้าปากตาค้าง ทว่าท้ายที่สุดยั้งกิริยาไว้ได้!
คำก็ชินอ๋อง(1) สองคำก็อ๋องเพียงอาศัยสายสัมพันธ์ญาติพี่น้องกล่าวอ้างว่าการตรวจสายเลือดราชวงศ์ไม่ได้แม่นยำเสมอไป แต่อย่างไรเสียชายาผิงหยางควรถูกหย่าร้างก็เพียงพอแล้ว!
นางยังไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขั้นจะให้ชายาผิงหยางอยู่ในสภาพจิ้นจูหลงแน่นอน!
สามารถไว้ชีวิตคนได้ก็ไว้ไปเถอะ!
ครั้นทุกคนเห็นสถานการณ์ต่างปิดหน้าละอายแทนตระกูลอ๋องผิงหยาง
ไม่เปรียบเทียบก็ไม่เจ็บปวด!
“ข้าก็บอกแล้วว่าบุตรชายนางเป็นลูกนอกสมรส! พวกเจ้าไม่เห็นหรือ? อธิราชน้อยผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนท่านอ๋องผิงหยางสักนิด!”
“ใช่แล้ว เจ้าไม่เห็นรึ บุตรชายของท่านอ๋องอี้ผู้นั้นมีมารยาท สุภาพและวางตัวดี! ถูกกรีดมือก็ไม่งอแงเลย! ”
“ไฉนเลยจะเหมือนลูกนอกสมรสผู้นี้ ครั้นถูกกรีดมือก็ด่าคน… แถมยังด่าหมอหลวงเป็นทาสด้วย! ไม่เข้าใจเรื่องมรรยาทเลยสักนิดเดียว!”
“เมื่อกี้พวกเจ้าไม่เห็นมารยาทบนโต๊ะของเขาหรือ? ยัดทุกสิ่งอย่างเข้าปาก! ราวกับผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดก็ไม่ปาน!”
“ลูกนอกสมรสก็คือลูกนอกสมรสนั่นแหละ! ไฉนเลยจะเทียบเคียงสายเลือดแห่งราชวงศ์ได้!”
หลิงอวี๋ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของพวกนกสองหัว
หากไม่ใช่ว่าชายาผิงหยางยกตนข่มท่านครั้งแล้วครั้งเล่า นางก็ไม่ทำเช่นนี้ต่อนางหรอก!
ภายในใจหลิงอวี๋รู้สึกผิดประปรายต่อเด็กคนนั้น!
เด็กไร้ความผิด แต่จากนี้ไปต้องแบกรับชื่อเสียงการเป็นบุตรนอกสมรส มันจะผันเปลี่ยนพร้อมกระทบต่อทั้งชีวิตของเขาอย่างมหันต์
รอหาโอกาสในอนาคต คอยดูว่าจะชดใช้เด็กคนนี้ได้หรือไม่เถอะ!
หลิงอวี๋กำลังมองอ๋องผิงหยางจากไปไกลพลางยิ้มอ่อนจาง
อ๋องผิงหยางผู้นี้คือผู้ปราดเปรื่องยิ่ง เลือกตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ แบบนี้แล้วก็จะเปลี่ยนความสงสัยเรื่องการมีบุตรยากของเขาเป็นชายาผิงหยางแอบคบชู้!
หลิงอวี๋มองรอบ ๆ ไปทั่วลานพลางยิ้มหยันภายในใจ ตั้งแต่นี้ไปคนที่คิดทำให้นางอับอายอีก พอนึกถึงวิธีที่นางใช้กับชายาผิงหยางก็คงมีความเกรงกลัวแน่!
ละครบันเทิงครั้งนี้สุดท้ายก็ได้ปิดม่านลงแล้ว
จักรพรรดิอู่อันถลึงตามองหลิงอวี๋อย่างขุ่นเคืองและเสียดายประปราย เนื่องไม่อาจหาความผิดมาลงทัณฑ์นางได้!
ครั้นมองท่านอดีตเสนาบดีและพวกคนที่โหวกเหวกเมื่อครู่ยังคงคุกเข่าอยู่ ความลำพองภายในใจก็พลันหายไปหลายส่วน
จักรพรรดิอู่อันกล่าวหงุดหงิดว่า “ทุกท่านลุกขึ้นนั่งประจำที่เถิด! วันนี้คือวันงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพ ไม่อนุญาตผู้ใดก่อเรื่องวิวาทอีก! หากยังขวัญกล้าก่อเรื่องจะได้รับการลงโทษอย่างหนัก!”
“ขอขอบพระทัยฝ่าบาท...”
ทุกคนน้อมก้มหัวพลางผ่อนลมหายใจออกโล่งอก เมื่อผ่านพ้นเรื่องนี้ไปต่างพากันลุกขึ้นนั่งลงประจำที่
ท่านอดีตเสนาบดีก็ลุกขึ้นเช่นกัน เขามองหลิงอวี๋ด้วยความลึกซึ้งพลางเดินกลับไปนั่งที่ของตนเอง
หลิงอวี๋ทราบดีว่า ยามนี้มิใช่เวลามาซ่อมความสัมพันธ์ นางจึงจูงมือหลิงเยวี่ยเดินลงไป
ขันทีน้อยที่ชายาผิงหยางเรียกเมื่อครู่ ยังคงถือเก้าอี้อยู่เพราะไม่รู้ว่าจะวางตรงไหนจึงเหมาะ
เสิ่นจวนรั้งสายตาไปมองพลางยิ้มอ่อนพร้อมโบกมือให้เขา “พระชายาอ๋องอี้นั่งกับข้า!”
ขันทีน้อยรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก รีบนำเก้าอี้โยกย้ายไปวางใกล้ ๆ เสิ่นจวนทันควัน
ครั้นหลิงอวี๋เห็นก็ขมวดหัวคิ้วฉับพลัน การนั่งกับพวกเสิ่นจวนมิใช่เรื่องดีอะไรเป็นแน่!
ทว่าเก้าอี้วางลงไปแล้ว นางก็มิได้มีอำนาจขอเปลี่ยนที่นั่งได้ ทำได้แค่พาหลิงเยวี่ยเดินไป
งั้นค่อยไปตายเอาดาบหน้าเถอะ!
“พระราชพิธีถวายของกำนัล!”
ประธานพิธีสบโอกาสยืดหยุ่นตามสถานการณ์พลางมองข้ามเหตุการณ์เล็ก ๆ นี้ ก่อนจะเร่งรีบดำเนินการตามขั้นตอนทันที
อันเจ๋อมองไปทางด้านนี้ ครั้นเห็นเสิ่นจวนเชื้อเชิญหลิงอวี๋ให้นั่งด้วยกัน เขาก็พลันเผยยิ้มบางพลางกล่าวคำกับเซียวหลินเทียน
“เดิมพันไหม? ข้าขอเดิมพันว่า บุตรีผู้น้องคนนี้ของเจ้ายังไม่ยอมแพ้ ยังหาโอกาสสร้างความลำบากต่อพระชายาอ๋องอี้อยู่!”
เซียวหลินเทียนมองนัยน์ตาของเขาเพื่อให้เขาตระหนักได้ด้วยตัวเอง ก่อนจะมองไปข้างบน
ขณะนี้จิตใจของเซียวหลินเทียนกำลังตกอยู่ในภวังค์เรื่องที่เสี่ยวเมาเป็นบุตรชายของตน เดิมทีไม่มีกะใจจะสนใจเรื่องอื่น!
เขาต้องทำเช่นไรเสี่ยวเมาถึงจะเรียกตนว่าท่านพ่อ?
ขณะนี้ประธานพิธีกำลังเรียนราชพิธีถวายของกำนัล
ของกำนัลจากจักรพรรดิคือมงกุฎสามหงส์หกมังกร(2)ที่ไทเฮาสวมอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่าหนึ่งล้านตำลึงเงิน
เมื่อเทียบกับเขาแล้วของกำนัลผู้อื่นจึงดูธรรมดานัก สกุลของฮองเฮาเว่ยถวายปะการังสีชาดทรงสูงเทียมมนุษย์
พระชายาเส้ากับอ๋องคังถวายแจกันหยกเขียวมรกตทั้งใบ มีการแกะสลักลวดลายคำอวยพร 百子献寿 (อายุมั่นขวัญยืน ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง) สลักแน่นบนแจกัน ซึ่งเป็นลักษณะที่หายากที่สุด เพียงฝีมือการแกะสลักอย่างเดียวก็เกินคุณค่าของปะการังสีชาดแล้ว!
“ช่างอาจหาญยิ่งนัก ถวายของกำนัลเลอค่าเช่นนี้!”
เสิ่นจวนเพิ่งถูกบิดามองค้อนเมื่อครู่ ทว่าพอผ่านพ้นภยันตราย นางก็พลันลืมเป็นปลิดทิ้ง เนื่องมีเจตนาอยากเรียกคืนศักดิ์ศรีจึงกล่าวคำถากถางหลิงอวี๋ทันใด
“พี่สะใภ้ เจ้าตระเตรียมของกำนัลอะไรถวายไทเฮารึ?”
“ข้าเห็นว่าเป็นขวดเคลือบเงาใบหนึ่งตอนที่เจ้าจดบันทึกเข้าประตู! ขวดเคลือบเงานั่นยังหาซื้อได้ตามร้านของที่ระลึกดาษดื่น เพียงไม่กี่สิบตำลึงเงินก็ซื้อได้แล้ว!”
“พระชายาอ๋องอี้ อย่างไรเสียไทเฮาก็เชิญเจ้ามาด้วยตัวพระองค์เอง เจ้าจะมองข้ามของกำนัลไทเฮาแบบนี้ได้เช่นไร?”
เจิงจื่ออวี้เอ่ยคำดูแคลน
“เจ้าคงหมดเงินไปกับอาภรณ์นี้สินะ ส่วนของกำนัลให้ไทเฮา เจ้าก็เลยซื้ออะไรมาก็ได้อย่างนั้นรึ!”
ครั้นเสิ่นจวนเห็นกระโปรงที่สวมบนร่างหลิงอวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาริษยา
“หยามเกียรติไทเฮามีความผิดมหันต์! พระชายาอ๋องอี้ เจ้าฉวยโอกาสยามไม่มีคนสนใจเจ้ารีบหนีไปเงียบ ๆ จะดีกว่าเถอะ!”
ฉินรั่วซือกลับมิได้ใส่ใจคำพูดเหล่านี้ นางกำลังเฝ้าดูประธานพิธีเรียนราชพิธีถวายของกำนัล อีกสักพักก็จะถึงคราวประกาศของกำนัลของหลิงหวี๋แล้ว…
วันนี้หลิงอวี๋ดวงดีเหลือล้น ทว่าความโชคดีมักมีเวลาหมดลงเสมอ ครานี้คงถึงคราวซวยของเจ้าแล้ว!
ชินอ๋อง (亲王) เป็นพระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาในองค์จักรพรรดิ เป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 1 และเป็นตำแหน่งสูงสุดที่องค์ชายสามารถมีได้ รองจากหวงไท่จื่อ
มงกุฎสามหงส์หกมังกร (六龙三凤冠) คือ มงกุฎหงส์ของสมัยราชวงศ์หมิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...