“เจ้าค่ะ ข้ารู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมาย”
“ท่านย่าล้มป่วย ครอบครัวใช้เงินจำนวนมากเพื่อรักษานาง ข้าคิดว่า หากได้วิชาแพทย์ก็จะช่วยรักษาท่านย่าได้เจ้าค่ะ!”
ต้ายาก้มหน้าเศร้าหมอง “แต่ไม่มีคนสอนข้า! ร้านโอสถต่างไม่รับผู้ช่วยหญิงเลย!”
หลิงอวี๋ลอบมองหมอเลี่ยว ส่วนหมอเลี่ยวก็ยิ้มขมขื่น “ไม่มีคนเชื่อใจหมอหญิง ฉะนั้นน้อยนักที่สตรีจะเรียนหมอ!”
หลิงอวี๋มองทางต้ายาพลางกล่าวว่า “เรียนหมอลำบากยิ่ง! เจ้ามุ่งมั่นได้หรือ?”
ต้ายาเอ่ยหนักแน่น “ข้ามุ่งมั่นได้! ลำบากแค่ไหนข้าก็มิหวั่นเจ้าค่ะ!”
หลิงอวี๋มองทางหลี่ต้าหนิว เอ่ยถาม “ต้าหนิว เจ้ายอมให้ต้ายาเรียนหมอหรือไม่?”
หลี่ต้าหนิวมองต้ายา ต้ายาก็กำลังมองเขาด้วยดวงหน้าเฝ้าหวัง
หลี่ต้าหนิวขบฟันกล่าวคำ “มีทักษะในมือ ภายหลังออกเรือนมีชีวิตลำบากก็ยังสามารถหาเลี้ยงตนได้! แม่นางหลิง ข้ายอมให้นางเรียนหมอขอรับ!”
ต้ายาพลันหน้าเปื้อนยิ้มทันทีพลางมองทางหมอเลี่ยวอย่างเฝ้าหวัง
หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม กล่าวว่า “ต้ายา หากเจ้าอยากเรียนหมอสามารถติดตามข้าได้ ข้าจักเป็นอาจารย์เจ้าเอง!”
หมอเลี่ยวซึ่งมั่นใจในทักษะการแพทย์ที่หลิงอวี๋รักษาป้าหลี่แล้ว พลันรีบกล่าวคำ
“ต้ายา แม่นางหลิงมีทักษะการแพทย์เหนือชั้น ถ้าเจ้าเป็นศิษย์นางถือเป็นโชควาสนาที่สั่งสมมาสามชั่วอายุคน!”
“เจ้ารีบไปคำนับอาจารย์เถิด! โอกาสดีเช่นนี้หาได้ยาก หากพลาดไปคงหามีไม่แล้ว!”
ต้ายาตอบแบบไม่ต้องคิดพลางคุกเข่าโขกหัวคำนับให้หลิงอวี๋ทันที “อาจารย์ โปรดรับข้าคำนับเป็นศิษย์ด้วยเถิด!”
นางโขกหัวคำนับสามทีอย่างเคารพนบน้อม
หลิงอวี๋ประคองนางลุก เอ่ยถาม “เจ้ามีชื่อแซ่อันใด?”
ต้ายาหน้าแดงระเรื่อพลางมองทางหลี่ต้าหนิว
หลี่ต้าหนิวยิ้มตอบซื่อตรง “พวกเราชาวชนบทไม่เข้าใจเรื่องนั้นหรอก มิได้ตั้งชื่อขอรับ เรียกต้ายาต้าเสี่ยวจนชินปากแล้ว!”
“อาจารย์ ท่านช่วยข้าตั้งชื่อหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!”
ต้ายาเป็นคนปราดเปรื่อง เมื่อยอมรับหลิงอวี๋เป็นอาจารย์ก็ก่อกวนทันที
หลิงอวี๋ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่กล่าวว่า “เรียนหมอก็มาตั้งตามชื่อยาเถอะ! พวกเราเชื่อมชะตากันเพราะโกฐหัวบัว งั้นเจ้าชื่อหลี่ชุง(2)เถิด!”
หลี่ชุงหัวเราะเบิกบานพลางกล่าวคำ “ชื่อนี้น่าฟังจริง ๆ ขอบคุณอาจารย์ที่ตั้งชื่อให้เจ้าค่ะ!”
เสี่ยวยาอายุเพียงสิบสองขวบ ดวงหน้าเปี่ยมความไร้เดียงสา หน้าตาสะสวยโดดเด่น
นางมองเสี่ยวยาตาปริบ ๆ ก่อนจะมองหลิงอวี๋พลางกล่าวอึกอัก “ท่านพี่ ข้าก็อยากมีชื่อเหมือนกัน!”
หลี่ชุงก่อกวนหลิงอวี๋อีกครั้ง “อาจารย์ ท่านช่วยตั้งชื่อให้น้องสาวข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”
หลิงอวี๋คิดทำดีให้ถึงที่สุด กล่าวคำ “หวงฉินก็เป็นชื่อยา งั้นเรียกหลี่ฉินเถิด!”
หลี่ฉินมีสีหน้ายิ้มแย้มดีใจ “ขอบคุณอาจารย์! ข้าชอบชื่อนี้นัก ท่านพี่ ภายหลังเรียกข้าหลี่ฉิน…ท่านพ่อ ภายหลังอย่าเรียกข้าเสี่ยวยานะเจ้าคะ! ข้ามีชื่อแล้ว!”
หลิงอวี๋มองท่าทางสองพี่น้องมีความสุชก็ยิ้มเช่นกัน
นางกำชับหลี่ชุงไปหลายประโยค ทั้งยังแสดงความเห็นให้หมอเลี่ยวเกี่ยวกับข้อระวังรับซื้อเครื่องยาสมุนไพร จากนั้นจึงพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินถือเหล่าโกฐหัวบัวออกจากโรงเหยียนหลิงไป
ครั้นกลับถึงตำหนักอ๋อง หลิงอวี๋ก็ให้หลิงซินพาหลิงเยวี่ยกลับเรือนบุหงา ส่วนตนนำโกฐหัวบัวไปพบเซียวหลินเทียน
ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว เซียวหลินเทียนกำลังจะทานอาหาร ชิวเหวินซวงกำลังสั่งนางรับใช้ยกอาหารอยู่ด้านข้าง
เดิมทีหลิงอวี๋อยากคุยเรื่องโรงเหยียนหลิงกับเซียวหลินเทียน แต่ครั้นชิวเหวินซวงอยู่จึงไม่เอ่ยถึง พลางวางโกฐหัวบัวบนโต๊ะ
“นี่คือโกฐหัวบัว ยาอีกสองชนิดที่เหลือหม่อมฉันส่งคนไปหาแล้ว วันพรุ่งถึงได้ข่าวเพคะ!”
หลิงอวี๋เอ่ยจบก็หมายจากไป
ในใจเซียวหลินเทียนว่างเปล่าไร้คำอธิบาย มองอาหารที่เต็มโต๊ะ ก่อนจะโพล่งประโยคเหลือเชื่อแสนประหลาด
“การบูรณะเรือนบุหงาจำเป็นต้องใช้กำลังคน ให้พ่อบ้านฟั่นช่วยเจ้าหาคนเถอะ! เรือนบุหงาคือเรือนของตำหนักอ๋องอี้ ส่วนเงินบูรณะ ตัวข้าจะมอบให้พ่อบ้านฟั่นสนับสนุนเจ้าเอง!”
หลิงอวี๋ตกตะลึงสักพักพลางเอี้ยวหน้ามองเซียวหลินเทียน พลันพบว่า เขาหลุบตาลงอย่างเลิกลั่ก
นี่ถือเป็นการแสดงไมตรีงั้นรึ?
หลิงอวี๋กำลังคิดรับความหวังดีของเขา แต่เมื่อเห็นชิวเหวินซวงค่อยจัดอาหารแก่เซียวหลินเทียนอย่างใกล้ชิด
หน้าอกตั้งผงาดของชิวเหวินซวงแนบชิดแขนของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋พลันรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะกล่าวแบบไม่ต้องคิดว่า
“ไม่ต้อง หม่อมฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง! ไม่รู้ว่าจะอยู่เรือนบุหงานานเท่าใด ถือว่าหม่อมฉันจ่ายค่าเช่าเถอะ!”
พอเอ่ยจบ หลิงอวี๋เอี้ยวตัวเดินไปเร็วรี่
เซียวหลินเทียนสีหน้ามืดครึ้ม ค่าเช่า?
หลิงอวี๋จำเป็นต้องคำนวณไปเสียทุกอย่างเช่นนี้เลยหรือ?
มิใช่นางเคยบอกว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบหรอกรึ?
นางทำเช่นนี้กับตนคืออยู่ร่วมกันสงบแล้วรึ?
ชิวเหวินซวงฟังอยู่ด้านข้างก็รู้สึกเหนือคาดอยู่บ้าง
นับตั้งแต่กลับมา หลิงอวี๋เคยพยายามอย่างยิ่งให้เซียวหลินเทียนพึงพอใจ แต่ช่วงนี้กิริยากลับผกผันไปจากวันวาน ไม่เข้าใกล้เซียวหลินเทียนดังเดิม!
แถมตอนนี้ยังปฏิเสธความหวังดีของเซียวหลินเทียนด้วย!
สตรีผู้นี้อุปนิสัยเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หรือว่าแสร้งปล่อยเพื่อจับ(3)!
(2) หลี่ชุง (李芎) ในชื่อมีคำว่าโกฐหัวบัวอยู่ในนั้น ชวนชุง (川芎)
(3) แสร้งปล่อยเพื่อจับ (欲擒故纵) เป็นกลยุทธ์ที่สิบหกจากสามสิบเพื่อชัยชนะของซุนจื่อ คือการทำท่าทีปล่อยเหยื่อไปก่อน แล้วค่อยจับจริงทีหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...