ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 139

หลังจากกลับมาที่เรือนบุหงา

แม่นมลี่ก็ทำอาหารให้หลิงเยวี่ย หลิงเยวี่ยจึงเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ “แม่นมเหนื่อยแย่เลยนะขอรับ”

“เด็กคนนี้ช่างรู้ความจริง ๆ! พูดจาอย่างกับผู้ใหญ่!”

แม่นมลี่หันหลังกลับไปพลันน้ำตารื้น

หลิงอวี๋เองก็น้ำตารื้นเช่นกัน นางรู้สึกขอบคุณแม่นมลี่กับปี้ไห่เฟิงเป็นที่สุด

หากไม่มีการสั่งสอนของทั้งสองคนนี้ เด็กอย่างหลิงเยวี่ยจะมีนิสัยรู้ความเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!

นึกถึงคำพูดที่หลิงเยวี่ยพูดกับเซียวหลินเทียนต่อหน้าทุกคน ‘กระหม่อมรับคำขอโทษจากท่าน แต่กระหม่อมไม่อยากให้อภัยท่าน!’

ในตอนนั้นนางกับพวกของเซียวหลินเทียนต่างเป็นเหมือนกัน ที่ตะลึงกับคำพูดของหลิงเยวี่ย

ใช่เลย ขอโทษหลังจากเรื่องราวทั้งหมดมันจะมีประโยชน์อันใดเล่า?

หากฆ่าคนโดยไม่เจตนาไปแล้ว จะสามารถทำให้คนที่ถูกฆ่าไปมีชีวิตกลับมาได้อีกหรือ?

เจ้าขอโทษ แล้วข้าจำเป็นต้องให้อภัยหรือ?

ไม่ใช่ความผิดทุกอย่างจะสามารถใช้คำว่าขอโทษมาทำให้ยิ้มให้กันได้โดยหักล้างความโกรธแค้นกันไปได้!

หลิงเยวี่ยอายุน้อย ทั้งยังมีจิตใจที่เคารพตนเองแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น แต่ถูกให้คุกเข่าอยู่ที่เรือนนั้นตั้งมากกว่าสองชั่วยาม!

แค่คำว่าขอโทษจะสามารถลบล้างความอับอาย และความเจ็บปวดที่เขาได้รับแล้วอย่างนั้นหรือ?

เด็กคนนี้ ฉลาดมากกว่าที่หลิงอวี๋เข้าใจมากทีเดียว!

หลิงอวี๋มีความรู้สึกว่าไม่สามารถสอนอะไรเขาได้เลย!

นางเป็นคนในยุคปัจจุบัน สติปัญญาของนางมันเป็นการสรุปออกมาจากการยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์!(1)

แต่หลิงเยวี่ย เขาอายุน้อย แต่สามารถจะสรุปคำพูดไม่กี่ประโยคของปี้ไห่เฟิงออกมาเป็นมุมมองของตนได้!

เขามีความคิดเป็นของตัวเอง แม้แต่ตัวหลิงอวี๋เองก็ไม่สามารถไปควบคุมอะไรได้!

ในค่ำคืนนี้ เรือนริมวารีก็ไม่สงบเช่นกัน

เฮยจื่อกับเฉี่ยวชุนยอมรับเรื่องที่ใส่ร้ายหลิงเยวี่ยจากการที่ถูกเซียวหลินเทียนซักถาม

จ้าวซวนหัวหน้าองครักษ์ของเซียวหลินเทียน ก็ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูเรือนริมวารีมาจากปากของหลู่ชิ่งเช่นกัน

เฮยจื่อถูกเซียวหลินเทียนอบรมอยู่สักพัก วันรุ่งขึ้นเขาจะต้องไปขอโทษหลิงเยวี่ย เพิ่มโทษกักบริเวณอีกหนึ่งเดือน และเขียนสำนึกผิดอีกแปดสิบรอบ

เฉี่ยวชุนในฐานะที่เป็นนางรับใช้ของเฮยจื่อ ร่วมมือกับเจ้านายใส่ร้ายหลิงเยวี่ย เซียวหลินเทียนสั่งลงโทษโบยยี่สิบไม้ และขับไล่ออกจากตำหนัก

ทันทีที่ได้ยินดังนั้นเฮยจื่อก็คุกเข่าขอร้องเซียวหลินเทียน บอกว่าตนสำนึกผิดแล้ว ขอร้องให้เซียวหลินเทียนให้เฉี่ยวชุนอยู่ต่อ

ชิวเหวินซวงรีบเข้ามาแล้วขอร้องให้เฉี่ยวชุน เซียวหลินเทียนจึงเปลี่ยนว่าให้อยู่ในตำหนักเพื่อดูพฤติกรรมหนึ่งเดือน หากพฤติกรรมไม่ดีก็จะขับไล่ออกจากตำหนัก

กระทั่งเฮยจื่อกับเฉี่ยวชุนถูกส่งกลับไป จ้าวซวนจึงได้บอกเรื่องที่หลู่ชิ่งเล่ามาให้เซียวหลินเทียนฟัง

จ้าวซวนยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “ท่านอ๋อง เฮยจื่อนั้น กระหม่อมคิดว่าไม่ควรปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ!!”

“ท่านอ๋องเห็นว่าเขาน่าสงสารถึงได้รับเลี้ยงเขาไว้! แต่พอเขามีชีวิตที่ดี กลับทำเหมือนว่าตนเป็นคุณชายน้อยไปเสียแล้ว!”

เซียวหลินเทียนได้ยินที่เฮยจื่อให้หลิงเยวี่ยเห่าเป็นสุนัขแล้วถึงจะให้ขนมกิน แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

กระทั่งได้ยินว่าเฮยจื่อให้หลิงเยวี่ยคลานไปกินของตกพื้น เส้นเลือดบนมือเขาจึงได้ปรากฏชัดขึ้นมา

นิสัยที่ทำเหมือนเป็นลูกผู้ลากมากดีนี้ เฮยจื่อไปเรียนรู้มาจากที่ใดกัน?

มิน่าหลิงอวี๋ถึงได้โกรธจนทำขนมของเฮยจื่อกระจายไปหมด ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาอยู่ด้วยในตอนนั้น ก็คงจะตบบ้องหูสักทีไปนานแล้ว

จ้าวซวนเอ่ยขึ้นอย่างลังเล “ท่านอ๋อง เช่นนั้นส่งเฮยจื่อกลับไปดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!!”

ชิวเหวินซวงเพิ่งจะหันกลับมา ได้ยินคำพูดนี้เข้าก็หยุดฝีเท้า

เซียวหลินเทียนส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ ที่บ้านเขาไม่เหลือใครแล้ว! กลับไปแล้วใครจะดูแลเขากันเล่า? เฮยจื่อยังเด็กนัก หากสอนสั่งดี ๆ ก็คงจะกลับมาดีได้!”

เซียวหลินเทียนใจเย็นลง ครุ่นคิดพลางเอ่ย

“เฮยจื่อเองก็ไม่ได้เด็กแล้ว ควรจะให้เขาไปเข้าเรียนได้แล้ว! เรียนหนังสือแล้วจะได้มีเหตุมีผล!”

“เอาเช่นนี้แล้วกัน จ้าวซวน เจ้าลองไปหาที่เรียนส่วนตัวในเมืองดู แล้วหาครูดี ๆ ให้เขาสักคน!”

“รอให้ครบกำหนดกักบริเวณหนึ่งเดือนก่อน แล้วส่งเข้าไปเรียนแบบส่วนตัว!”

“พ่ะย่ะค่ะ! พรุ่งนี้กระหม่อมจะไปหา!”

จ้าวซวนกำลังจะถอยออกไป

เซียวหลินเทียนก็ครุ่นคิดพลางเอ่ย “จ้าวซวน เรื่องภูมิหลังของหลิงเยวี่ย เจ้าหาคนไปสืบหาดูให้ดีนะ! ข้าอยากจะรู้ให้แน่ชัด ว่าหลิงเยวี่ยใช่ลูกของข้าแน่หรือไม่!”

ชิวเหวินซวงได้ยินดังนี้ก็ใจสั่น

นางยังคิดว่าเซียวหลินเทียนเชื่อแล้วว่าตอนที่เสี่ยวเมาหยดเลือดพิสูจน์สายเลือดนั้น หลิงอวี๋ได้ใช้วิธีวางหมากเอาไว้ให้ผลเป็นเช่นนั้น ไม่คิดว่าเซียวหลินเทียนจะยังสืบหาความจริงอยู่!

นี่เซียวหลินเทียนเริ่มสงสัยนางแล้วหรือไม่?

หรือเพียงแค่คิดอยากรู้ตัวตนของหลิงเยวี่ยให้กระจ่างชัดแค่เท่านั้น?

ชิวเหวินซวงครุ่นคิด และอาศัยช่วงที่ทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าตนเองมาถึง ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ

ไม่ได้การแล้ว นางจะปล่อยให้จ้าวซวนพิสูจน์ตัวตนของหลิงเยวี่ยไม่ได้!

นางจะต้องคว้าตำแหน่งพระชายาอ๋องอี้มาให้ได้ ไม่มีทางยอมให้ใครมาขวางทางตนเด็ดขาด...

วันรุ่นขึ้นหลิงอวี๋ตื่นนอน เพิ่งจะกินอาหารเช้า แม่นมลี่ก็พานางรับใช้ที่ไม่คุ้นหน้าคนหนึ่งมา

“คุณหนู นี่คือนางรับใช้ที่อยู่ในเรือนของเฮยจื่อชื่อว่าเฉี่ยวเหลียน นางบอกว่าเรื่องจะมาพบคุณหนูเจ้าค่ะ!”

หลิงอวี๋ผ่านเรื่องเมื่อวานมา รู้สึกไม่ดีกับเฮยจื่อเอามาก ๆ แต่พอเห็นว่านางรับใช้อายุพอ ๆ กับหลิงซินก็ไม่อยากจะทำให้นางลำบากใจ

“เฉี่ยวเหลียน มีเรื่องอะไรหรือ?”

เฉี่ยวเหลียนก้มหน้าก้มตาจับเสื้อผ้าของตนเองพลางเอ่ยเสียงเบา

“คุณชายน้อยเฮยจื่อให้บ่าวมาเชิญพระชายากับคุณชายน้อยหลิงเยวี่ยไปเจ้าค่ะ เขาบอกว่าเขาสำนึกผิดแล้ว อยากจะขอโทษพระชายากับคุณชายน้อยหลิงเยวี่ยด้วยตัวเองเจ้าค่ะ!”

หลิงอวี๋เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย “อยากขอโทษแล้วมาหาเองไม่ได้หรือ? ไม่จริงใจ!”

เฉี่ยวเหลียนเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “ท่านอ๋องลงโทษกักบริเวณคุณชายน้อยเฮยจื่อเจ้าค่ะ ให้ปิดประตูอยู่แต่ในห้องแล้วเขียนสำนึกผิดแปดสิบรอบ! หากคุณชายน้อยเฮยจื่อมาได้ เขาจะต้องมาแน่นอนเจ้าค่ะ! เขายังขอให้พระชายาโปรดยืดหยุ่นให้สักหน่อยด้วยเจ้าค่ะ!”

หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ย “เอาเถิด เช่นนั้นข้ากับเยวี่ยเยวี่ยก็จะไป!”

หลิงอวี๋ลุกขึ้น เรียกหลิงเยวี่ยแล้วเดินตามเฉี่ยวเหลียนไปที่เรือนของเฮยจื่อ

แม้ว่าหลิงอวี๋จะไม่ชอบเฮยจื่อ แต่ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักเดียวกัน หากเฮยจื่อขอโทษจากใจจริง รู้ว่าทำผิดแล้วแก้ไข นางก็จะยอมให้โอกาสเด็กคนนี้สักครั้ง!

ทั้งสองคนมาถึงเรือนของเฮยจื่อ เฉี่ยวเหลียนให้ทั้งสองนั่งรอที่โถงใหญ่ แล้วนางก็ไปเชิญเฮยจื่อที่ห้องตำรามาที่นี่

หลิงอวี๋เองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ดึงให้หลิงเยวี่ยนั่งลง

นางมองไปรอบ ๆ ห้องโถง แม้ว่าจะไม่ใหญ่นัก แต่ข้าวของเครื่องใช้ก็ครบถ้วนสมบูรณ์ดี ดูท่าทาง เซียวหลินเทียนจะดูแลเด็กคนนี้เหมือนเป็นลูกของตนจริง ๆ

รออยู่สักพักก็ยังไม่เห็นเฮยจื่อมา เฉี่ยวเหลียนเองก็หายไปด้วย

หลิงอวี๋จึงสงสัย ดึงหลิงเยวี่ยให้ลุกขึ้น เดินเข้าไปในเรือนแต่ก็ไม่เห็นใคร

“เฉี่ยวเหลียน?” หลิงอวี๋เรียก

ไม่มีใครตอบกลับ หลิงอวี๋เรียกอีกหลายครั้งก็ไม่มีใคร นางขมวดคิ้ว นึกได้ว่าตนเองก็ยังมีธุระต้องทำอีก จึงจูงหลิงเยวี่ยกลับเรือนบุหงา

พอพาหลิงเยวี่ยมาส่งให้แม่นมลี่แล้ว หลิงอวี๋ก็ออกจากเรือนไป

นางกับเกิ่งเสี่ยวหาวไปสำรวจเรือนที่จะเลือกทำเป็นโรงงาน และตรวจสอบเครื่องยาสมุนไพรที่เกิ่งเสี่ยวหาวซื้อมา ยุ่งจนเกือบถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว หลิงอวี๋ถึงได้รีบกลับตำหนัก

ทันทีที่เข้าไปในเรือนบุหงา หลิงอวี๋ก็เห็นเซียวหลินเทียนนั่งอยู่กลางเรือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

แม่นมลี่ดึงหลิงเยวี่ยให้ยืนข้าง ๆ แล้วทำท่าทางปกป้องหลิงเยวี่ยอยู่

“นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก?”

หลิงอวี๋ขมวดคิ้วถาม

“หลิงอวี๋ เฮยจื่ออยู่ที่ใด?”

เซียวหลินเทียนไม่รอให้แม่นมลี่พูดอะไร ก็ถามออกไปเลยตรง ๆ

หลิงอวี๋ถูกถามเช่นนี้ก็ประหลาดใจ “เฮยจื่ออยู่ที่ใด ท่านถามหม่อมฉัน แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้เยี่ยงไรกัน?”

“หลิงอวี๋ ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ! เจ้าอย่าท้าทายความอดทนของข้า!”

เซียวหลินเทียนกำมือแน่น พลางเอ่ยอย่างไร้อารมณ์

“เขายังเป็นเด็ก! แม้ว่าเมื่อวานจะใส่ร้ายหลิงเยวี่ย ข้าก็ลงโทษให้เขาขอโทษ กักบริเวณแล้วก็เขียนสำนึกผิดแล้ว! ก็นับว่าชดเชยให้เจ้าแล้วไง!”

“เหตุใดเจ้าถึงยังกล้าทำเรื่องเช่นนี้? เจ้าลืมเรื่องที่หลอกให้เขาออกไปครั้งที่แล้ว แล้วเกือบทำให้เขาสิ้นชีพไปแล้วหรือ?”

“เดี๋ยวนะ เซียวหลินเทียน ท่านพูดให้มันชัดเจนหน่อย เฮยจื่อเป็นอะไร? ข้าทำสิ่งใด?”

หลิงอวี๋สับสนจึงเอ่ยถามอย่างงุนงง

“เจ้าอย่าทำเสแสร้ง!”

เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างรังเกียจ “เมื่อเช้าเจ้ากับหลิงเยวี่ยไปที่เรือนของเฮยจื่อ พอตอนอาหารกลางวัน พวกเฉี่ยวเหลียนก็พบว่าเฮยจื่อหายตัวไปแล้ว!”

“หลิงอวี๋ ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว นางรับใช้ในเรือนของเฮยจื่อ และแม่นมที่ทำงานอยู่ข้างนอกต่างเห็นกับตาว่าพวกเจ้าไปที่เรือนของเฮยจื่อ!”

“เจ้าพาตัวเฮยจื่อไปไว้ที่ใด? ปล่อยตัวเขาออกมาซะ! ขอเพียงเฮยจื่อไม่ได้รับบาดเจ็บ ครั้งนี้ข้าก็จะยกโทษให้เจ้า!”

หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องเมื่อเช้า แล้วก็เข้าใจขึ้นมาในทันที นางก็แปลกใจอยู่เชียวว่าเหตุใดตอนนั้นในเรือนของเฮยจื่อจึงไม่มีใครเลย?

ที่แท้นี่ก็เป็นแผนการร้ายที่มุ่งเป้ามาที่ตนเองกับหลิงเยวี่ยนั่นเอง!

ยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์เป็นคำอุปมาที่ใช้เพื่อแสดงความคิดที่ว่าความสำเร็จหรือความรู้ของคนคนหนึ่งเกิดขึ้นได้โดยการต่อยอดผลงานของคนรุ่นก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา