ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 140

หลิงอวี๋มองไปทางชิวเหวินซวงที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางรับใช้และแม่นมในเรือนต่างเชื่อฟังนาง เฮยจื่อหายตัวไปครั้งนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับชิวเหวินซวงด้วย

“เซียวหลินเทียน ข้าบอกว่าข้าไม่รู้ว่าเฮยจื่ออยู่ที่ใด เจ้าเชื่อหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม

“พระชายา พระชายาบอกที่อยู่ของเฮยจื่อของพวกเรามาเถิด! เขายังเด็ก ทำผิดพลั้งไปเราก็ค่อย ๆ สอนเขาก็ได้! พระชายาให้โอกาสเขาสักครั้งเถิด!”

ชิวเหวินซวงเอ่ยเตือน ‘ด้วยความหวังดี’

หลิงอวี๋รำคาญแม่นางดอกบัวขาวที่ช่างยุแยงให้คนแตกคอกันนี่เหลือเกิน เสแสร้งทำเป็นคนดีนัก!

“เซียวหลินเทียน ข้าไม่ได้เอาตัวเฮยจื่อไป ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ใด! ข้าคงปล่อยตัวเขามิได้หรอก!”

หลิงอวี๋คร้านจะสนใจชิวเหวินซวง พลางเอ่ยไปตรง ๆ “หากเจ้าเชื่อก็เชื่อ หากไม่เชื่อก็ช่าง! ตีข้าให้ตาย ข้าก็พูดเช่นเดิม!”

เซียวหลินเทียนจ้องมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เองก็จ้องเขาตอบอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ

หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ย “เจ้าไปสืบหาดูก็ได้ หากยืนยันว่าข้าเป็นคนลักพาตัวเฮยจื่อไปจริง ๆ ข้าจะยอมทำตามที่เจ้าต้องการ!”

เซียวหลินเทียนกับนางต่างไม่มีใครยอมใครอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ยังคงมีท่าทางแข็งขืนอยู่ เขาก็หน้านิ่งไป

“เจ้าไม่บอกใช่หรือไม่? ได้ ข้าไปหาเอง!”

“หลิงอวี๋ ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเจ้าเป็นคนลักพาตัวเฮยจื่อไป ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เยี่ยงครั้งก่อนเป็นแน่!”

“พวกเราไป!”

เซียวหลินเทียนออกคำสั่ง เพียงชั่วครู่ในเรือนนั้นก็เหลือเพียงคนของเรือนบุหงาสี่คน

“เยวี่ยเยวี่ย เจ้าไม่ได้ถูกไอ้กีบเท้าหมูนั่นรังแกเอาใช่หรือไม่?”

หลิงอวี๋เห็นว่าพวกเขาไปกันแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปหาหลิงเยวี่ยอย่างเป็นห่วง

หลิงเยวี่ยส่ายหน้า “ท่านแม่ ไอ้กีบเท้าหมูนั่นไม่ได้รังแกข้าขอรับ!”

แม่นมลี่ก็เอ่ยขึ้นมา “ครั้งนี้ท่าทีของท่านอ๋องดีขึ้นมากเจ้าค่ะ มาถึงก็เพียงแต่ซักถามว่าเมื่อเช้าพวกท่านไปทำอันใดที่เรือนเฮยจื่อ! พูดกับเยวี่ยเยวี่ยก็พูดอย่างเกรงใจเจ้าค่ะ!”

หลิงอวี๋ฟังแล้วถึงโล่งอก นางเอ่ยถามอย่างสงสัย “เหตุใดเฮยจื่อจึงหายตัวไป?”

แม่นมลี่ก็เชื่อว่าหลิงอวี๋ไม่มีทางลักพาตัวเฮยจื่อไป จึงเอ่ย

“บ่าวก็ไม่รู้เจ้าค่ะ ได้ยินว่าไม่เห็นเฮยจื่ออกไปจากประตูนะเจ้าคะ! ท่านอ๋องให้องครักษ์ค้นตำหนักอ๋องอี้สองรอบแล้วก็ไม่พบร่องรอยของเฮยจื่อเลยเจ้าค่ะ!”

หลิงอวี๋มองไปทางกำแพงที่ล้อมรอบเรือนบุหงา แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย

“ไม่ได้เดินไปเอง ก็มีคนพาเขาออกไป!”

“กำแพงรอบตำหนักอ๋องอี้ไม่ได้สูง คนที่มีวรยุทธสามารถพาเขาออกไปได้สบาย ๆ!”

แม่นมลี่ก็ตั้งสติพลางเอ่ยอย่างแปลกใจ “คุณหนู คุณหนูสงสัยว่าจะมีคนพาตัวเขาออกไป เพราะอยากจะใช้เรื่องนี้มาใส่ร้ายคุณหนูหรือเจ้าคะ?”

“หรือไม่ใช่? ข้ามีประวัติที่ไม่ดีกับเขา เยวี่ยเยวี่ยก็เพิ่งจะมีเรื่องขัดแย้งกับเฮยจื่อพอดี คนที่จะพาตัวเฮยจื่อไปในเวลานี้ หากไม่สงสัยข้าแล้วจะไปสงสัยใครกันเล่า!”

หลิงอวี๋ยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ข้าว่าเรื่องนี้มีโอกาสสูงมากที่พวกพี่น้องชิวเหวินซวงนั่นจะเป็นคนทำ! ในตำหนักนี้ก็มีพวกเขาที่ไม่ชอบหน้าข้าใช่หรือไม่เล่า!”

“คุณหนู แต่บ่าวได้ยินว่าตั้งแต่ที่ชิวเฮ่าดวงตาหายดี ก็ถูกท่านอ๋องส่งตัวไปทำงานที่นอกเมืองนะเจ้าคะ” แม่นมลี่เอ่ยเตือน

หลิงอวี๋ถึงได้นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เจอชิวเฮ่ามาเป็นเวลานานแล้ว

นางจ้องมองไปที่ประตูใหญ่อย่างโกรธเกรี้ยว พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“แม้ว่าชิวเฮ่าจะไม่อยู่ ชิวเหวินซวงก็น่าจะมีวิธีลักพาตัวคนออกไป!”

“พวกนางรับใช้และแม่นมในตำหนักล้วนเชื่อฟังนาง หากคิดจะเอาตัวเด็กคนหนึ่งออกไปมันจะยากอะไรเล่า!”

“หลบอยู่ในรถม้าหรือไม่ก็ตะกร้าผักอะไรสักอย่างออกไป จะมีใครไปสงสัยนางแล้วค้นดูรึ! ”

หลิงเยวี่ยฟังอยู่อีกด้านอย่างสนใจ เมื่อได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นมา

“ท่านแม่ ข้ารู้ว่าสวนด้านหลังคอกม้ามีช่องสุนัขอยู่ มีครั้งหนึ่งพี่เฮยจื่อแอบมุดออกไปเที่ยวเล่นแล้วข้าเห็นเข้า! วันนี้เขาจะแอบหนีออกไปเที่ยวอีกหรือไม่ขอรับ?”

“หา ในตำหนักนี้มีช่องสุนัขด้วยรึ?”

หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงได้เอ่ยออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ดูสิ เซียวหลินเทียนไอ้กีบเท้าหมูนั่นหูเบาเสียจริง ชิวเหวินซวงพูดเยี่ยงไรก็เชื่อไปเสียเยี่ยงนั้น!”

“ยังจะมาใส่ร้ายข้าว่าลักพาตัวเฮยจื่อไปอีก? เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าเด็กที่ตนเองเลี้ยงมีพฤติกรรมเยี่ยงไร ถึงมาใส่ร้ายคนอื่นเยี่ยงนี้!”

“เสียแรงที่ข้าคิดจะอยู่ร่วมกันกับเขาอย่างสันติ แถมยังหายาให้เขา! คนเยี่ยงนี้ ไม่คุ้มค่าที่จะทำดีด้วยเสียจริง!”

“เห้อ ตำหนักอ๋องอี้นี่เหตุใดจึงมีเรื่องเยอะเยี่ยงนี้นะ!”

นับตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่หลิงอวี๋พูดเรื่องจะไปจากที่นี่ แม่นมลี่ก็ไม่ได้มองว่าเซียวหลินเทียนเป็นคนของตนอีกเลย

กอปรกับที่เห็นว่าตอนนี้หลิงอวี๋สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเองแล้ว ต่อไปพวกเขาแม่ลูกก็ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตแล้ว ก็ยิ่งหวังว่าหลิงอวี๋จะไปจากตำหนักอ๋องอี้แห่งนี้ให้เร็วที่สุด

“แม่นม ไม่พูดถึงเขาแล้ว! ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลย พวกเจ้ากินหรือยัง?”

หลิงอวี๋ไม่เอาเรื่องของเฮยจื่อมาใส่ใจ คิดว่าเด็กคงห่วงเล่น เดี๋ยวเล่นเหนื่อยแล้วก็คงจะกลับมาเอง

“ยังเจ้าค่ะ! ท่านอ๋องทรงเสด็จมาโวยวายถึงที่นี่ หลิงซินไม่กล้าไปทำอาหารเลยเจ้าค่ะ!”

หลิงซินยิ้มอย่างซื่อ ๆ พลางเอ่ย “ท่านอ๋องพระพักตร์ดำคร่ำเคร่งนั่งอยู่ตรงนั้น บ่าวกังวลว่าชีวิตจะหาไม่เจ้าค่ะ มีหรือจะกล้าไปทำอาหาร! คุณหนู ประเดี๋ยวบ่าวไปทำก่อนนะเจ้าคะ!”

“ตอนเช้ายังมีอาหารเหลืออยู่ใช่หรือไม่ ข้าจะไปทำข้าวผัดไข่ให้พวกเจ้าเอง!”

หลิงอวี๋ถกแขนเสื้อ แล้วไปเข้าครัวด้วยตัวเอง แล้วทำข้าวผัดไข่ในแบบของตัวเอง

จ้าวซวนซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ฟังอยู่ครู่หนึ่งไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ก็ออกไปจากเรือนบุหงาอย่างเงียบ ๆ

จ้าวซวนไปที่สวนไชด้านหลังคอกม้า ผลก็คือเจอช่องสุนัขที่หลิงเยวี่ยพูดถึงจริง ๆ หญ้าที่แห้งปกคลุมอยู่บนนั้นถูกดึงไปอีกด้านหนึ่ง

ช่องสุนัขนั้นมีขนาดเพียงพอให้เฮยจื่อมุดออกไป

จ้าวซวนมองผ่านกำแพงล้อมรอบนั้นไป เห็นว่าด้านนอกช่องสุนัขคือคฤหาสน์ที่อยู่ติดกัน คฤหาสน์ทั้งสองหลังอยู่ห่างกันหนึ่งเมตร ปกคลุมไปด้วยวัชพืชสูงเท่าตัวคน

เขาตรวจสอบดู พบว่าวัชพืชถูกเหยียบย่ำไปจำนวนมาก และเป็นรอยการเดินตุปัดตุเป๋ผ่านไปตรงข้างหน้า

จ้าวซวนตรวจสอบดูหนึ่งรอบ แล้วถึงได้กลับไปหาเซียวหลินเทียนที่เรือนริมวารี

เซียวหลินเทียนนั่งอยู่ในห้องตำรา

จ้าวซวนบอกเรื่องบทสนทนาระหว่างหลิงอวี๋กับแม่นมลี่ทั้งหมดที่คุยกันหลังจากที่เซียวหลินเทียนเดินออกมาให้ฟังอย่างละเอียด

ตอนเซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋ด่าตนเองว่าไอ้กีบเท้าหมูก็ดูงุนงง นี่มันคำด่าคนอะไรกัน เหตุใดเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

จ้าวซวนก็บอกเรื่องช่องสุนัขและสิ่งที่ตนเองพบเจอด้วย

กระทั่งจ้าวซวนพูดจบ เซียวหลินเทียนก็ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยอย่างหงุดหงิด

“แม้ว่าเฮยจื่อจะแอบออกไปเที่ยวเล่น แต่นี่มันกี่ชั่วยามเข้าไปแล้ว ก็น่าจะกลับบ้านมาตั้งนานแล้วสิ!”

“ถนนหนทางแถวนี้ลู่หนานกับหลู่ชิ่งก็ไปหามาหมดแล้ว แต่ก็ไม่พบใครเลย! หากว่าหลิงอวี๋ไม่ได้ลักพาตัวเขาไป เช่นนั้นเฮยจื่อไปที่ใดกัน?”

จ้าวซวนส่านหน้า “กระหม่อมเองก็มองไม่ออกพ่ะย่ะค่ะ! บทสนทนาของพระชายากับแม่นมลี่ดูปกติมาก ดูเหมือนว่าพวกนางจะไม่รู้จริง ๆ ว่าเฮยจื่ออยู่ที่ใด!”

เซียวหลินเทียนถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าด้วยกัน เงียบไปครู่หนึ่งแล้วถึงเอ่ยขึ้นมา

“มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งก็คือหลิงอวี๋ไม่ได้ลักพาเฮยจื่อไปจริง ๆ !”

“ส่วนอีกอย่างก็คือมีคนส่งเสริมให้เฮยจื่อแอบออกไป อย่างที่หลิงอวี๋บอกว่าจะใช้เรื่องนี้มาใส่ร้ายนาง!”

จ้าวซวนเอ่ยถามอย่างสงสัย “เหตุใดถึงต้องใส่ร้ายพระชายาพ่ะย่ะค่ะ?”

เซียวหลินเทียนมองเครื่องยาสมุนไพรที่อยู่บนโต๊ะ พลางยิ้มเยาะ “บางทีอาจจะมีคนอยากให้ข้ากับหลิงอวี๋เกลียดชังกันก็ได้!”

จ้าวซวนมองตามสายตาของเซียวหลินเทียนไปที่เครื่องยาสมุนไพร แล้วใจก็บีบแน่น

เขาเอ่ยถามเสียงเบา “ท่านอ๋องสงสัยว่า มีคนไม่อยากให้ท่านอ๋องหายดีหรือพ่ะย่ะค่ะ? เช่นนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฮยจื่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!?”

เมื่อจ้าวซวนพูดเช่นนี้ออกไป หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรง

เซียวหลินเทียนมองเขา สายตาจริงจังแต่กลับเอ่ยอย่างใจเย็น

“เฮยจื่อคงจะไม่เป็นอะไรหรอก! หากคนที่ลักพาตัวเฮยจื่อไปคิดจะฆ่าเขา เช่นนั้นเราก็คงได้เห็นศพไปนานแล้ว!”

“หากยังไม่มีการยืนยัน ทุกอย่างก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน! แต่แม้ว่าจะเป็นข้อสันนิษฐาน ก็ต้องป้องกันการถูกปองร้าย!”

เซียวหลินเทียนเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “จับตามองหลิงอวี๋ต่อไป!”

“ทางด้านเฮยจื่อ ให้ศฤคาลเงินส่งคนไปหาต่อ! ค้นหาตามถนนหรือตรอกซอกซอยใด ๆ ก็ตามที่เป็นสถานที่ที่สามารถซ่อนตัวได้!”

“จริงสิ ทางด้านชิวเหวินซวง ก็ให้คนจับตาดูไว้ด้วย!”

ตอนที่เซียวหลินเทียนเอ่ยประโยคนี้ออกมาดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

จ้าวซวนมองเขา แล้วก็ลังเลตามอยู่สักพักแล้วถึงได้กระซิบถาม “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องสงสัยชิวเหวินซวงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมีนัยแฝง “เมื่อวานเฉี่ยวชุนนางรับใช้ข้างกายของเฮยจื่อกล้าที่จะใส่ร้ายหลิงเยวี่ย… คำพูดของหลิงอวี๋นั้นไม่ผิดเลย นางรับใช้และแม่นมในตำหนักล้วนเชื่อฟังชิวเหวินซวง!”

“ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะสงสัยนาง!”

“แต่ว่า สมมติถ้าหลิงอวี๋ไม่ได้โกหก เช่นนั้นเหตุใดนางรับใช้และแม่นมในเรือนของเฮยจื่อถึงได้บอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนลักพาตัวเฮยจื่อไปอย่างแน่นอนเล่า?”

เซียวหลินเทียนยิ้มเย็นชา “หากตัดเรื่องสมมติออกไปทั้งหมดแล้ว ที่เหลือนั้นแลคือเรื่องจริง!”

“จ้าวซวน ข้าไม่มีทางให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก! ข้าจะต้องตรวจสอบทั้งชิวเหวินซวงและหลิงอวี๋ และจะต้องตรวจสอบให้เท่าเทียมกัน!”

“นางรับใช้และแม่นมในเรือนของเฮยจื่อนั่น ให้ส่งคนไปสอบสวนดูอีกที พยายามตามหาเฮยจื่อให้เจอโดยเร็วที่สุด”

จ้าวซวนพยักหน้าเข้าใจ “กระหม่อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา