คนของจ้าวซวนเรียกนางรับใช้และแม่นมทั้งหมดในเรือนของเฮยจื่อไปสอบปากคำอีกครั้ง
นางรับใช้และแม่นมทุกคนยืนกรานในคำให้การก่อนหน้านี้ บอกว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นไปที่เรือนของเฮยจื่ออีก
เฉี่ยวเหลียนถูกถามก็ร้อนใจพลางเอ่ยอย่างคับข้องใจ “พี่จ้าว พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดเฮยจื่อจึงหายตัวไป!”
“พระชายาอยู่ในห้องนั้นนานมาก แม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนพาเฮยจื่อไป นางก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่!”
“จะต้องเป็นนางที่ดุด่าเฮยจื่อ ทำให้เฮยจื่อทนไม่ไหวถึงได้แอบหนีไป! ขอเพียงหาตัวเฮยจื่อเจอ ก็จะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นความผิดของพระชายาหรือไม่!”
จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่ได้ผลอะไร จึงทำได้เพียงให้พวกนางกลับกันไปก่อน
คนในตำหนักอ๋องอี้ล้วนถูกซักถามกันหมดแล้ว เบาะแสเดียวที่ได้คือเบาะแสที่ปี้ไห่เฟิงเป็นคนบอก
ปี้ไห่เฟิงบอกว่า ตอนที่เขาให้อาหารม้าเขาเห็นเฮยจื่อมาที่คอกม้า แต่พอเขาหอบหญ้ากลับมาก็ไม่เจอเฮยจื่อแล้ว
ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าเฮยจื่อแค่มาเดินเล่นรอบ ๆ
ข้อมูลทั้งหมดรวบรวมไว้ที่ห้องตำราของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนร้อนใจขึ้นมาทันที
คำบอกเล่าของปี้ไห่เฟิงเป็นการยืนยันได้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เฮยจื่อจะมุดช่องสุนัขแล้วออกไปเอง น่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับหลิงอวี๋
แต่นี่ฟ้ามืดแล้ว ยังไม่มีข่าวของเฮยจื่อเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้เซียวหลินเทียนอยู่ไม่สุขแล้ว
เฮยจื่อถูกคนลักพาตัวไป หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรกันแน่?
“หาต่อไป! คืนนี้ไม่ต้องนอนกัน! จ้าวซวน เจ้าเอาตราประทับของข้าไปหาแม่ทัพเฉิน ให้เขาส่งคนไปช่วยหา!”
เซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด “แล้วให้เขาเอารายชื่อคนที่น่าสงสัยว่าจะมีส่วนพัวพันเรื่องการค้าเด็กในเมืองให้ข้าด้วย เมื่อได้รับรายชื่อมาแล้วก็ให้ตรวจสอบรายบุคคล!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวซวนรับคำสั่งแล้วไปทำตามทันที
แม้ว่าที่เฮยจื่อหายตัวไปจะไม่เกี่ยวอะไรกับหลิงอวี๋ แต่ความวุ่นวายในตำหนักอ๋องอี้ก็ไปถึงหูของหลิงอวี๋
หลิงอวี๋นอนไปแล้วตกใจตื่นมากลางดึก ได้ยินเสียงด้านนอกยังมีคนเคลื่อนไหวกันอยู่ นางก็ค่อนข้างกังวลใจ
ตอนนี้ยังหาเฮยจื่อไม่เจออีกหรือ?
เช่นนั้นไม่ใช่การห่วงเล่นแล้วหนีออกไปเองแล้ว จะต้องเกิดเรื่องอะไรกับเขาแน่ ๆ
หลิงอวี๋นึกขึ้นได้ว่าครั้งที่แล้วเฮยจื่อถูกหลอกให้ออกไปก็ถูกทบตีจนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าน หากครั้งนี้เสียชีวิตไปจริง ๆ ความสัมพันธ์ของนางกับเซียวหลินเทียนที่เพิ่งจะปรองดองกันจะต้องกลับไปอยู่ในจุดที่เย็นชาใส่กันอีกแน่!
มันจะเลวร้ายกว่าจุดเยือกแข็งอีกแน่ ๆ!
ครั้งที่แล้วเซียวหลินเทียนสามารถโบยตนเองห้าสิบแส้ได้โดยไม่เกรงกลัวใด ๆ หากครั้งนี้เฮยจื่อตายไป เซียวหลินเทียนไม่มีทางยอมนางอีกแน่!
หลิงอวี๋เพิ่งจะทำให้คนของเรือนบุหงามีชีวิตที่สบายได้ไม่กี่วันเอง แม้ว่าจะว่ากังวลว่าพวกนางจะไม่ติดตามตนเองก็ควรจะทำอะไรสักหน่อย!
หลิงอวี๋รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วหยิบตะเกียงไปที่ห้องแม่นมลี่
“แม่นม ยังหาเฮยจื่อไม่พบเลย ข้านอนไม่หลับ เราไปดูกันเถิดว่าสามารถช่วยอะไรได้หรือไม่!”
หลิงอวี๋กับแม่นมลี่คุยกัน แล้วก็เดินไปที่เรือนริมวารี
เห็นแต่ไกลว่าเรือนริมวารียังมีแสงไฟสว่างอยู่ หลิงอวี๋เพิ่งจะเดินเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงร้อนใจของชิวเหวินซวงแล้ว
“ท่านอ๋องเพคะ นี่ก็หามาค่อนคืนแล้วยังไม่เจอเลย! เฮยจื่อจะ… ตายแล้วหรือไม่เพคะ?”
“ถ้ามีชีวิตก็ต้องหาตัวให้เจอ ถ้าตายก็ต้องหาศพให้เจอ! ข้าไม่มีทางยอมแพ้หรอก!”
เซียวหลินเทียนพูดอย่างหงุดหงิด “ให้ข้าหาเจอก่อนเถิดว่าใครลักพาตัวเฮยจื่อไป ข้าจะทำให้มันตายทั้งเป็นเลย!”
“บ่าวคิดว่าเรื่องนี้ต้องสอบปากคำพระชายานะเพคะ! นางคือคนสุดท้ายที่ได้พบเฮยจื่อ!”
“ท่านอ๋องจับตัวนางมาแล้วให้นางพูดออกมาว่าเหตุใดจึงหลอกล่อให้เฮยจื่อออกไปดีหรือไม่เพคะ!”
พ่อบ้านฟั่นเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “คนคนหนึ่งเอาไปซ่อน คนสิบคนหาไม่พบ พวกเราหาไปเช่นนี้ก็ไม่ได้อะไร! ท่านอ๋องทรมานนางเถิดพ่ะย่ะค่ะ นางจะต้องทำแน่นอน!”
ได้ยินดังนั้นหลิงอวี๋จึงหยุดฝีเท้า อยากจะฟังว่าเซียวหลินเทียนจะพูดเยี่ยงไร
เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว เขาอยากจะสอบปากคำหลิงอวี๋มา แต่นึกถึงก่อนหน้านี้ที่กล่าวหานางไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว...
แล้วจากที่จ้าวซวนสืบค้นเรื่องราวของหลิงอวี๋มา หลิงอวี๋น่าจะไม่มีความผิดอะไร
เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเย็นชา “ในขณะที่ความจริงยังไม่กระจ่าง ข้าจะไปกล่าวหาคนที่ไม่มีความผิดไม่ได้! พ่อบ้านฟั่น บอกคนเบื้องล่างว่าให้หาต่อ! หากหาเฮยจื่อพบข้ามีรางวัลให้อย่างงาม!”
“พ่อบ้านฟั่น ท่านอ๋องพูดถูก! พระชายาอภิเษกเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้นี้เพราะว่าองค์จักรพรรดิมีราชโองการให้อภิเษก ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่า นางลักพาตัวเฮยจื่อไปก็อย่าพูดจาเหลวไหล!”
ชิวเหวินซวงเอ่ยปลอบใจ “หม่อมฉันให้แม่ครัวทำมื้อดึกให้พวกท่านแล้ว ไปกินเสียหน่อยเถิด! กินอิ่มแล้วจักได้มีแรงตามหากันต่อ!”
หลิงอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าออกไปด้านนอก จึงหมุนตัวเดินออกไปก่อน
เซียวหลินเทียนสามารถพูดคำเหล่านี้ออกมาได้นับว่าน่าชื่นชมยิ่ง และด้วยคำพูดนี้ นางเองก็ต้องช่วยเหลือเขา
นางกลับมาที่เรือนบุหงา รอกระทั่งฟ้าสว่างประตูใหญ่ตำหนักอ๋องอี้เปิดออก แล้วหลิงอวี๋ก็ร้อนใจออกไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวให้เขาช่วยเหลือ
เกิ่งเสี่ยวหาวได้ฟังหลิงอวี๋อธิบายรูปลักษณ์ภายนอกของเฮยจื่อแล้ว ก็ส่งลูกน้องของตนไปตามหาทันที
หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องเฮยจื่อ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่ตนข้ามเวลามา เฮยจื่อถูกคนของเจ้าหนี้นอกระบบทุบตีเสียจนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
นางถึงเอ่ยถามออกไป “เสี่ยวหาว เงินที่ข้าติดหนี้พวกเจ้าในตอนแรก ต่อมาข้าได้รับบาดเจ็บที่หัว ลืมเรื่องราวไปบางส่วน! เหตุใดข้าจึงได้ยินคนเขาพูดกันว่า พวกเจ้าทุบตีเฮยจื่อเสียเกือบตายเล่า?”
เกิ่งเสี่ยวหาวตะลึงไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เป็นไปไม่ได้! พวกเรามีกฎในการทวงหนี้ เราจะลงไม้ลงมือกับแค่พวกนักเลงอันธพาลเท่านั้น!”
“คนชั้นสูงเยี่ยงพวกท่าน พ่อข้ากับข้าไม่แตะได้ก็จะไม่แตะต้องเลย!”
“พวกเรายิ่งไม่มีทางลงมือกับเด็กแน่! เช่นนั้นมันจะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือ?”
ในช่วงเวลานี้หลิงอวี๋มีการติดต่อใกล้ชิดกันกับเกิ่งเสี่ยวหาว ก็นับว่าเข้าใจเกิ่งเสี่ยวหาวว่าเขาไม่ใช่คนที่ชั่วช้าสามานย์เช่นนั้น
หลิงอวี๋ครุ่นคิดพลางเอ่ย “ข้าเชื่อเจ้า! เสี่ยวหาว เรื่องนี้เจ้าจะต้องสืบหาดี ๆ ว่าใครเอาชื่อเสียงของพวกเจ้าไปเอ่ยอ้างทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้!”
“ตอนนั้นโชคดีที่ข้าช่วยชีวิตเฮยจื่อไว้ได้ หากเฮยจื่อตายไป! ความแค้นของพวกเจ้ากับเซียวหลินเทียนจะต้องเกิดขึ้นแน่!”
เกิ่งเสี่ยวหาวหน้าเคร่งขรึม พลางพยักหน้า “ได้ ข้าจะไปสืบดูแน่นอน! หากข้าหาเจอว่าใครที่ทำอะไรลับหลังตระกูลเกิ่งของเรา ข้าจักไม่มีทางปล่อยมันไปแน่นอน!”
ในตอนที่หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวรอข่าวคราวกันอยู่นั้น ก็ไปที่โรงเหยียนหลิงกัน
แม่ทัพเฉินทำงานรวดเร็วเด็ดขาดมาก ตอนที่ไปถึงเลี่ยวหมิงก็ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว
ทันทีที่หมอเลี่ยวเห็นหลิงอวี๋ ก็เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
“แม่นางหลิง เจ้าเก่งจริง ๆ เจ้าบอกว่าจะช่วยเลี่ยวหมิงออกมาในสามวัน นี่เพิ่งสองวัน เลี่ยวหมิงก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว! ขอบคุณ… ขอบคุณมาก!”
เลี่ยวหมิงอยู่ในคุกถูกทุบตีอย่างรุนแรงมาก แต่เขาก็ยังสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ หมอเลี่ยวก็พอใจแล้ว
หลิงอวี๋ตรวจอาการบาดเจ็บให้เลี่ยวหมิง พบว่าเป็นอาการบาดเจ็บภายนอก รักษาดี ๆ สักสิบวันหรือครึ่งเดือนก็กลับมาปกติแล้ว
นางเอายารักษาบาดแผลที่ทำขึ้นเองส่งให้เลี่ยวหมิง แล้วก็แนะนำเกิ่งเสี่ยวหาวให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกัน
พอหมอเลี่ยวได้ยินเรื่องตัวตนของเกิ่งเสี่ยวหาว เริ่มแรกก็รู้สึกไม่ชอบใจนัก ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับพวกอันธพาล
แต่มองลูกชายสองคนของตนที่ถูกทุบตีมาอย่างหนัก หมอเลี่ยวก็รู้ทันที ในเมื่อจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ ก็ต้องหาคนช่วยหนุนหลังให้
หากมีตระกูลเกิ่งคอยสนับสนุน โรงเหยียนหลิงของตนเองกับหลิงอวี๋ถึงจะเปิดต่อไปได้อย่างราบรื่น
ขณะที่หลิงอวี๋กำลังพูดคุยกับหมอเลี่ยวอยู่ ก็เห็นหลิงซินวิ่งโซซัดโซเซเข้ามา
หลิงอวี๋ใจเต้น มีความรู้สึกว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีขึ้นมาทันที
“คุณหนู! เยวี่ยเยวี่ยมาที่นี่หรือไม่เจ้าคะ?”
หลิงอวี๋ยืนขึ้นทันที จ้องหลิงซินตาโต แล้วเอ่ยถามน้ำเสียงเยือกเย็น
“เขาไม่ได้มา เกิดเรื่องอันใดขึ้น? หรือว่าเยวี่ยเยวี่ยก็หายตัวไปด้วย?”
หลิงซินหน้าซีด ดูเหมือนสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมด ทรุดนั่งลงกับพื้น
“คะ… คุณหนู… เยวี่ยเยวี่ยหายตัวไปเจ้าค่ะ!”
“บ่าวนึกขึ้นได้ว่า โรงเหยียนหลิงอยู่ใกล้ ๆ ยังนึกว่าเยวี่ยเยวี่ยวิ่งมาหาคุณหนู! แต่เขาไม่ได้มาที่นี่! เช่นนั้นเขาไปที่ใดกันเจ้าคะ?”
หลิงซินพูดจนถึงสุดท้าย ก็อดไม่ไหวร้องไห้ออกมา
“หายไปไหนกัน?”
หลิงอวี๋ร้อนใจ ขัดจังหวะการร้องไห้ของนาง คุกเข่าลงเอ่ยถาม “ไม่ต้องร้องแล้ว บอกข้ามาให้ชัดเจน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...