หลิงซินถูกหลิงอวี๋ตะคอกจนไม่กล้าร้องไห้แล้ว นางเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย
“บ่าวกับแม่นมลี่พาเยวี่ยเยวี่ยออกไปจ่ายตลาด พอซื้อของครบแล้ว แม่นมลี่ก็ลื่นล้มไปเจ้าค่ะ!”
“บ่าวก็เลยพยุงแม่นมลี่ขึ้น แต่พอหันกลับไป เยวี่ยเยวี่ยก็หายไปแล้ว!”
หลิงซินพูดถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวก็ร่วงลงมาอย่างอดไม่ได้
“บ่าวกับแม่นมลี่ต่างก็ตกใจ พากันตามหาทั่วทุกที่ แต่ก็ไม่พบเลยเจ้าค่ะ! แม่นมก็ยังตามหาอยู่ที่ตลาดอยู่เลย บ่าวนึกขึ้นได้ว่าเยวี่ยเยวี่ยอาจจะมาที่โรงเหยียนหลิง ก็เลยวิ่งมาหา...”
หลิงอวี๋หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสงบสติได้แล้ว
“เสี่ยวหาว เจ้ารีบหาคนสักสองสามคน ไปช่วยข้าหาที่ตลาด แล้วก็หาคนไปถามที่ตำหนักอ๋องอี้ว่าเยวี่ยเยวี่งกลับตำหนักแล้วหรือยัง! หากยังไม่กลับให้หาตามเส้นทางไปตำหนักอ๋องอี้!”
เกิ่งเสี่ยวหาวเคยเจอเยวี่ยเยวี่ยและชอบเด็กฉลาดคนนั้นมาก ทันทีที่ได้ยินจึงเอ่ยขึ้นมา
“ท่านพี่ ท่านวางใจได้ ข้าจะส่งคนไปช่วยพี่หา!”
“อืม ได้ข่าวแล้วก็บอกข้า!”
หลิงอวี๋ดึงหลิงซินขึ้น ไปบอกลาหมอเลี่ยวแล้วจึงเดินออกไป
หมอเลี่ยวได้ยินจากบทสนทนาของทั้งสามคนแล้วนึกขึ้นได้ว่าชื่อของหลิงอวี๋คุ้นหู ที่แท้นางก็เป็นพระชายาอ๋องอี้นี่เอง!
ทันทีที่ได้ยินว่าเด็กที่เคยมาโรงเหยียนหลิงกับหลิงอวี๋หายตัวไป หมอเลี่ยวก็ร้อนใจไปด้วยทันที จึงบอกให้เลี่ยวหมิงกับเลี่ยวเชียนเฝ้าบ้าน ส่วนตนก็ออกไปตามหาด้วยอีกแรง
หลิงอวี๋พาหลิงซินไปที่ตลาดอย่างเร่งรีบ ระหว่างทางนางก็ยังมีความหวังว่า บางทีหลิงเยวี่ยอาจจะอยู่ตรงมุมไหนสักมุมที่หลิงซินกับแม่นมลี่ละเลยไป
ไหนเลยจะคิดว่ากระทั่งไปถึงที่ตลาดแล้ว จะเห็นแม่นมลี่วิ่งวุ่นไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนกราวกับแมลงวันไร้หัวและบ่นพึมพำไปด้วย
“เยวี่ยเยวี่ย อย่าแอบแม่นมเลย รีบออกมาเถิด! แม่นมร้อนใจจะตายแล้ว!”
“แม่นม ยังไม่เจอเยวี่ยเยวี่ยหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม
“คุณหนู… คุณหนูมาแล้ว! เยวี่ยเยวี่ยเป็นเด็กรู้ความมาโดยตลอด ไม่มีทางไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนโดยไม่มีเหตุผล นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ?”
หลิงอวี๋ได้ยินก็ตกใจ นางเห็นแม่นมลี่ร้อนใจจนอกสั่นขวัญหายไปหมด ร่างกายตรงที่ล้มยังคงมีรอยคราบเปื้อนอยู่เลย
นางจึงรีบเอ่ย “แม่นม แม่นมกลับไปดูที่ตำหนักอ๋องอี้ก่อนว่าเยวี่ยเยวี่ยกลับไปหรือไม่! หากเขามิได้กลับไปแม่นมก็รออยู่ที่เรือนบุหงา เดี๋ยวข้ากับหลิงซินจักไปตามหาเอง!”
แม่นมลี่พยักหน้า ของที่ซื้อล้วนไม่ต้องการแล้ว รีบตรงดิ่งกลับไปทันที
หลิงอวี๋หับหลิงซินแยกทางกันตามหาในตลาดต่อ
แต่จนกระทั่งทั้งสองคนกลับมาพบกัน ก็ยังไม่พบหลิงเยวี่ยเลย
หลิงอวี๋ร้อนใจเป็นอย่างมาก หากเยวี่ยเยวี่ยถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไป คงต้องถูกพาตัวไปนานแล้วแน่นอน
อาศัยแค่ตนเองกับหลิงซิน แล้วก็คนของเกิ่งเสี่ยวหาวคงไม่พอเพราะกำลังคนมีจำกัด ต้องหาคนช่วยเพิ่มอีก
“หลิงซิน เจ้าหาต่อไป ข้าจะกลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้ให้เซียวหลินเทียนช่วย!”
หลิงอวี๋หันหลังวิ่งไปทางตำหนักอ๋องอี้ ผลคือเมื่อไปถึงเรือนริมวารี มีเพียงแค่หลู่ชิ่งประจำการอยู่
“เซียวหลินเทียนอยู่หรือไม่?” หลิงอวี๋ถามอย่างร้อนใจ
“พระชายา ท่านอ๋องไม่อยู่ขอรับ ท่านพาคนออกไปตามหาเฮยจื่อตั้งแต่เช้าตรู่แล้วขอรับ!” หลู่ชิ่งบอก
หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้สึกกังวลมาก เมืองหลวงกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ นางจะไปตามหาเซียวหลินเทียนที่ใดกัน!
นางรีบเอ่ย “หลู่ชิ่ง เจ้ารีบส่งคนไปรายงานเขา บอกว่าหลิงเยวี่ยก็หายตัวไปเช่นกัน ให้เขาช่วยข้าตามหาที!”
“เจ้าบอกเขาว่าข้าหลิงอวี๋บอกว่าหากเขาไม่ช่วย แล้วเกิดเรื่องอะไรกับหลิงเยวี่ย อย่าคิดว่าชีวิตนี้ข้าจะให้อภัยเขา!”
“ขอรับ ข้าจะส่งคนไปตามหาท่านอ๋อง!”
หลู่ชิ่งได้ยินว่ากระทั่งหลิงเยวี่ยก็หายตัวไปด้วย ก็เครียดขึ้นมาทันที แล้วบอกกับองครักษ์อีกคนว่าให้รีบไปหาเซียวหลินเทียน
หลิงอวี๋วิ่งออกมาจากเรือนริมวารี แล้ววิ่งออกจากตำหนักอ๋องไป
ลูกหายตัวไป ประเด็นสำคัญที่สุดช่วงเวลานาทีทองในยี่สิบสี่ชั่วโมง
ไม่ว่าจุดประสงค์ของการลักพาตัวหลิงเยวี่ยไปในช่วงเวลานี้คืออะไร แต่ลักพาตัวหลิงเยวี่ยไปแล้ว ขั้นต่อไปก็คือเคลื่อนย้ายสถานที่ซ่อนตัว
เมืองหลวงใหญ่ถึงเพียงนั้น การซ่อนตัวเด็กคนหนึ่งไว้เป็นเรื่องสบาย ๆ เลย
เพราะว่าคนของเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นคนเจียงโจว จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรอย่างเอิกเกริกเกินไปในเมืองหลวงได้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้องค์จักรพรรดิสงสัย
คนที่สามารถช่วยตนเองตามหาได้จึงมีเพียงแค่คนของราชวงศ์
ตอนนี้หาเซียวหลินเทียนไม่เจอ เช่นนั้นควรจะไปหาใครให้ช่วยกันเล่า?
จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็นึกถึงท่านอดีตเสนาบดี ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา แล้วรีบวิ่งไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนทันที
ลูกน้องท่านอดีตเสนาบดีมีม้าศึก มีความคุ้นเคยกับเมืองนี้มาก หากเขาออกหน้าตามหาย่อมมีหวังมากกว่าตนวิ่งวุ่นไม่รู้ทิศทางเช่นนี้
นางรีบวิ่งไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนตามความทรงจำ วิ่งไปอย่างไม่สนใจว่าจะเหนื่อยหอบ หลิงอวี๋รีบเข้าไปพูดกับคนเฝ้าประตูทันที
“ท่านอดีตเสนาบดีอยู่หรือไม่? ช่วยไปรายงานให้ข้าที ว่าพระชายาอ๋องอี้มีธุระมาขอพบท่านอดีตเสนาบดี!”
คนเฝ้าประตูไม่พูดอะไร พลางมีคำพูดหนึ่งเอ่ยเยาะเย้ยข้างหลังหลิงอวี๋
“เหอะ นี่พระชายาอ๋องอี่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงวิ่งมาถึงจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนได้เล่า! นี่ถูกท่านอ๋องอี้ทอดทิ้งแล้วหรือ?”
หลิงอวี๋หันไป เห็นเด็กสาวคนหนึ่ง พร้อมด้วยนางรับใช้ที่แต่งตัวดีหลายคนยืนอยู่ข้างหลังตนเอง
เด็กสาวสวมชุดกระโปรงผ้าตาข่ายสีชมพู ตรงเอวพันผ้าไหมสีเดียวกัน บนผมสีเข้มประดับไข่มุกและหยก
หลิงเยี่ยน! หลิงอวี๋จำได้ว่าเด็กสาวคนนี้คือน้องสาวต่างมารดาของตนเองที่เกิดกับแม่เลี้ยงตระกูลหวัง!
ปกติตระกูลหวังโปรดปรานเด็กสาวผู้นี้มาก ทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญศิลปะที่ดีที่สุดให้นาง และซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดีที่สุดให้นาง
หลิงเยี่ยนเป็นคนโปรดจึงวางท่ายโส แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นพี่สาวอย่างหลิงอวี๋อยู่ในสายตาเลย
“ท่านปู่ตัดขาดความสัมพันธ์กับเจ้าไปตั้งนานแล้ว! แม้ว่าเจ้าจะถูกทอดทิ้งมา จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนก็ไม่มีทางรับเจ้าไว้หรอกนะ!”
หลิงเยี่ยนเอ่ยขึ้นมาแปลก ๆ “เจ้าอย่าคิดว่ามาอ้อนวอนท่านปู่ถึงที่นี่ แล้วท่านปู่จะใจอ่อนช่วยใช้หนี้เงินกู้ให้เจ้านะ!”
“หากเจ้าขาดแคลนเงินจริง ๆ ข้าจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง ให้เงินช่วยเจ้าแบบเร่งด่วนสักสองสามตำลึงก็ได้!”
หลิงเยี่ยนยกมือขึ้น างรับใช้คนหนึ่งเข้าใจในทันที ก้าวออกมาโยนเงินลงบนพื้นสองสามตำลึง พลางเอ่ยเยาะเย้ย
“คุณหนูของพวกเราใจดี ให้เงินเจ้าสองสามตำลึงไปซื้อของกินเถอะ!”
หลิงอวี๋โกรธจนหน้าคร่ำเคร่ง คิดว่านางมาถึงที่นี่เพราะต้องการอาหารหรือ?
“ยังไม่เก็บเงินแล้วรีบไปอีก! จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนของพวกเราไม่มีคุณหนูที่น่าอับอายเยี่ยงเจ้า!”
นางรับใช้เห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ไม่ขยับ ก็ยื่นมือไปผลักนางอย่างไม่สบอารมณ์
หลิงอวี๋ยืนอยู่ข้างบันไดหิน ไม่ทันระวังตัว เมื่อนางผลักมา ก็ก้าวพลาดล้มลงไปกับพื้น
ข้อเท้าของนางปวดอย่างรุนแรง เท้าพลิกไปแล้ว! ภาพความเคลื่อนไหวที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนนี้ ดึงดูดสายตาผู้คนที่มารุมล้อมดูจำนวนมาก พลางชี้ไปที่หลิงอวี๋และวิพากษ์วิจารณ์กัน
“เอ๊ะ นี่คือใครกัน? เหตุใดจึงถูกทางจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนไล่ออกมาข้างนอก!”
มีคนจำหลิงอวี๋ได้จึงเอ่ยขึ้นมา “หลิงอวี๋ไงเล่า… คุณหนูตระกูลหลิงที่ถูกตระกูลเซียวขับไล่ แล้วยังเกาะติดท่านอ๋องอี้อย่างไม่รู้จักอาย!”
“หา… นางเองหรือ! นี่คือถูกอ๋องอี้ไล่กลับมาหรือ?”
ชายรูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกองอาจห้าวหาญคนหนึ่งกำลังเดินมาถึงที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ได้ยินคำพูดนี้จึงเข้ามาดู
ดวงตาทั้งสองของหลิงอวี๋ราวกับมีไฟ ไม่ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบแล้ว นางเพียงแต่จ้องมองไปที่นางรับใช้ที่ผลักตนเองลงมา
หลิงเยวี่ยหายตัวไป ก็ทำให้หลิงอวี๋กังวลใจมากแล้ว
การช่วยเหลือคนก็เหมือนกับการดับเพลิง เสียเวลาไปเพียงน้อยนิด ความหวังที่จะหาตัวหลิงเยวี่ยพบก็จะน้อยลงไปอีก!
นางรับใช้ต่ำต้อยของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนผู้หนึ่งไม่ช่วยก็ไม่ว่ากัน แต่ยังกล้ามารังแกตนเอง ให้ตนเองต้องเสียเวลาอีก!
มันยิ่งซ้ำเติมทำให้นางลำบากยิ่งขึ้นจริง ๆ ทุกคนล้วนอยากเหยียบย่ำอย่างนั้นหรือ?
นางก้าวเข้าไปเรื่อย ๆ …
นางรับใช้หลายคนยังคงยิ้มเยาะเย้ยกับความดุร้ายของหลิงอวี๋
หลิงอวี๋หน้าไม่สบอารมณ์ ดวงตาลุกเป็นไฟ ขึ้นไปบนบันไดหินใหม่อีกครั้ง แล้วง้างมือขึ้น
“เพียะ!” แล้วสะบัดฝ่ามือตบลงบนหน้าของนางรับใช้ที่ผลักตนเอง
นางรับใช้ผู้นั้นกุมใบหน้าอย่างตกใจ จากนั้นก็ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้า… เจ้ากล้าตบข้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...