ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 142

หลิงซินถูกหลิงอวี๋ตะคอกจนไม่กล้าร้องไห้แล้ว นางเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย

“บ่าวกับแม่นมลี่พาเยวี่ยเยวี่ยออกไปจ่ายตลาด พอซื้อของครบแล้ว แม่นมลี่ก็ลื่นล้มไปเจ้าค่ะ!”

“บ่าวก็เลยพยุงแม่นมลี่ขึ้น แต่พอหันกลับไป เยวี่ยเยวี่ยก็หายไปแล้ว!”

หลิงซินพูดถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวก็ร่วงลงมาอย่างอดไม่ได้

“บ่าวกับแม่นมลี่ต่างก็ตกใจ พากันตามหาทั่วทุกที่ แต่ก็ไม่พบเลยเจ้าค่ะ! แม่นมก็ยังตามหาอยู่ที่ตลาดอยู่เลย บ่าวนึกขึ้นได้ว่าเยวี่ยเยวี่ยอาจจะมาที่โรงเหยียนหลิง ก็เลยวิ่งมาหา...”

หลิงอวี๋หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสงบสติได้แล้ว

“เสี่ยวหาว เจ้ารีบหาคนสักสองสามคน ไปช่วยข้าหาที่ตลาด แล้วก็หาคนไปถามที่ตำหนักอ๋องอี้ว่าเยวี่ยเยวี่งกลับตำหนักแล้วหรือยัง! หากยังไม่กลับให้หาตามเส้นทางไปตำหนักอ๋องอี้!”

เกิ่งเสี่ยวหาวเคยเจอเยวี่ยเยวี่ยและชอบเด็กฉลาดคนนั้นมาก ทันทีที่ได้ยินจึงเอ่ยขึ้นมา

“ท่านพี่ ท่านวางใจได้ ข้าจะส่งคนไปช่วยพี่หา!”

“อืม ได้ข่าวแล้วก็บอกข้า!”

หลิงอวี๋ดึงหลิงซินขึ้น ไปบอกลาหมอเลี่ยวแล้วจึงเดินออกไป

หมอเลี่ยวได้ยินจากบทสนทนาของทั้งสามคนแล้วนึกขึ้นได้ว่าชื่อของหลิงอวี๋คุ้นหู ที่แท้นางก็เป็นพระชายาอ๋องอี้นี่เอง!

ทันทีที่ได้ยินว่าเด็กที่เคยมาโรงเหยียนหลิงกับหลิงอวี๋หายตัวไป หมอเลี่ยวก็ร้อนใจไปด้วยทันที จึงบอกให้เลี่ยวหมิงกับเลี่ยวเชียนเฝ้าบ้าน ส่วนตนก็ออกไปตามหาด้วยอีกแรง

หลิงอวี๋พาหลิงซินไปที่ตลาดอย่างเร่งรีบ ระหว่างทางนางก็ยังมีความหวังว่า บางทีหลิงเยวี่ยอาจจะอยู่ตรงมุมไหนสักมุมที่หลิงซินกับแม่นมลี่ละเลยไป

ไหนเลยจะคิดว่ากระทั่งไปถึงที่ตลาดแล้ว จะเห็นแม่นมลี่วิ่งวุ่นไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนกราวกับแมลงวันไร้หัวและบ่นพึมพำไปด้วย

“เยวี่ยเยวี่ย อย่าแอบแม่นมเลย รีบออกมาเถิด! แม่นมร้อนใจจะตายแล้ว!”

“แม่นม ยังไม่เจอเยวี่ยเยวี่ยหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม

“คุณหนู… คุณหนูมาแล้ว! เยวี่ยเยวี่ยเป็นเด็กรู้ความมาโดยตลอด ไม่มีทางไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนโดยไม่มีเหตุผล นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ?”

หลิงอวี๋ได้ยินก็ตกใจ นางเห็นแม่นมลี่ร้อนใจจนอกสั่นขวัญหายไปหมด ร่างกายตรงที่ล้มยังคงมีรอยคราบเปื้อนอยู่เลย

นางจึงรีบเอ่ย “แม่นม แม่นมกลับไปดูที่ตำหนักอ๋องอี้ก่อนว่าเยวี่ยเยวี่ยกลับไปหรือไม่! หากเขามิได้กลับไปแม่นมก็รออยู่ที่เรือนบุหงา เดี๋ยวข้ากับหลิงซินจักไปตามหาเอง!”

แม่นมลี่พยักหน้า ของที่ซื้อล้วนไม่ต้องการแล้ว รีบตรงดิ่งกลับไปทันที

หลิงอวี๋หับหลิงซินแยกทางกันตามหาในตลาดต่อ

แต่จนกระทั่งทั้งสองคนกลับมาพบกัน ก็ยังไม่พบหลิงเยวี่ยเลย

หลิงอวี๋ร้อนใจเป็นอย่างมาก​ หากเยวี่ย​เยวี่ย​ถูกพวกค้ามนุษย์​จับตัวไป​ คงต้องถูกพาตัวไปนานแล้วแน่นอน

อาศัย​แค่ตนเองกับหลิงซิน​ แล้วก็คนของเกิ่งเสี่ยวหาวคงไม่พอเพราะกำลังคนมีจำกัด​ ต้องหาคนช่วยเพิ่มอีก

“หลิงซิน​ เจ้าหาต่อไป​ ข้าจะกลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้ให้เซียวหลินเทียนช่วย!”

หลิงอวี๋หันหลังวิ่งไปทางตำหนักอ๋องอี้​ ผลคือเมื่อ​ไปถึงเรือนริมวารี​ มีเพียงแค่หลู่ชิ่งประจำการอยู่

“เซียวหลินเทียนอยู่หรือไม่?” หลิงอวี๋ถามอย่างร้อนใจ

“พระชายา​ ท่านอ๋องไม่อยู่ขอรับ​ ท่านพาคนออกไปตามหาเฮยจื่อตั้งแต่เช้าตรู่แล้วขอรับ!” หลู่ชิ่งบอก

หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้สึกกังวลมาก​ เมืองหลวงกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้​ นางจะไปตามหาเซียวหลินเทียนที่ใดกัน!

นางรีบเอ่ย​ “หลู่ชิ่ง​ เจ้ารีบส่งคนไปรายงานเขา​ บอกว่าหลิงเยวี่ย​ก็หายตัวไปเช่นกัน​ ให้เขาช่วยข้าตามหาที!”

“เจ้าบอกเขาว่าข้าหลิงอวี๋บอกว่า​หากเขาไม่ช่วย​ แล้วเกิดเรื่องอะไรกับหลิงเยวี่ย​ อย่าคิดว่าชีวิตนี้ข้าจะให้อภัยเขา!”

“ขอรับ​ ข้าจะส่งคนไปตามหาท่านอ๋อง!”

หลู่ชิ่งได้ยินว่ากระทั่งหลิงเยวี่ยก็หายตัวไปด้วย​ ก็เครียดขึ้นมาทันที​ แล้วบอกกับองครักษ์​อีกคน​ว่าให้รีบไปหาเซียวหลินเทียน

หลิงอวี๋วิ่งออกมาจากเรือนริมวารี​ แล้ววิ่งออกจาก​ตำหนักอ๋องไป

ลูกหายตัวไป​ ประเด็นสำคัญ​ที่สุด​ช่วงเวลา​นาทีทองในยี่สิบ​สี่ชั่วโมง​

ไม่ว่าจุดประสงค์​ของการลักพาตัวหลิงเยวี่ย​ไปในช่วงเวลา​นี้คืออะไร​ แต่ลักพาตัว​หลิงเยวี่ย​ไปแล้ว​ ขั้นต่อไปก็คือเคลื่อนย้าย​สถานที่​ซ่อนตัว​

เมืองหลวงใหญ่ถึงเพียงนั้น​ การซ่อนตัวเด็กคน​หนึ่ง​ไว้เป็นเรื่องสบาย​ ๆ​ เลย

เพราะว่าคนของเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นคนเจียงโจว​ จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรอย่างเอิกเกริก​เกินไปในเมืองหลวงได้​ เพื่อเลี่ยงไม่ให้องค์จักรพรรดิ​สงสัย

คนที่สามารถช่วยตนเองตามหาได้จึงมีเพียงแค่คนของราชวงศ์​

ตอนนี้หาเซียวหลินเทียนไม่เจอ​ เช่นนั้นควรจะไปหาใครให้ช่วยกันเล่า?

จู่​ ๆ​ หลิงอวี๋ก็นึกถึงท่านอดีตเสนาบดี​ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา​ แล้วรีบวิ่งไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนทันที

ลูกน้องท่านอดีตเสนาบดี​มีม้าศึก​ มีความคุ้นเคยกับเมืองนี้มาก​ หากเขาออกหน้าตามหาย่อมมีหวังมากกว่าตนวิ่งวุ่นไม่รู้ทิศทางเช่นนี้

นางรีบวิ่งไปที่จวนเสนาบดี​เจิ้นหย่วนตามความทรงจำ​ วิ่งไปอย่างไม่สนใจว่าจะเหนื่อยหอบ​ หลิงอวี๋รีบเข้าไปพูดกับคนเฝ้าประตูทันที

“ท่านอดีตเสนาบดีอยู่หรือไม่? ช่วยไปรายงานให้ข้าที​ ว่าพระชายาอ๋องอี้มีธุระมาขอพบท่านอดีตเสนาบดี!”

คนเฝ้าประตูไม่พูด​อะไร​ พลางมีคำพูดหนึ่งเอ่ยเยาะเย้ยข้างหลังหลิงอวี๋

“เหอะ​ นี่พระชายาอ๋องอี่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงวิ่งมาถึงจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนได้เล่า! นี่ถูกท่านอ๋องอี้ทอดทิ้งแล้วหรือ?”

หลิงอวี๋หันไป​ เห็นเด็กสาวคนหนึ่ง​ พร้อมด้วยนางรับใช้ที่แต่งตัวดีหลายคน​ยืนอยู่ข้างหลังตนเอง

เด็กสาวสวมชุดกระโปรงผ้าตาข่ายสีชมพู​ ตรงเอวพันผ้าไหมสีเดียวกัน​ บนผมสีเข้มประดับไข่มุกและหยก

หลิงเยี่ยน! หลิงอวี๋จำได้ว่าเด็กสาวคนนี้คือน้องสาวต่างมารดาของตนเองที่เกิดกับแม่เลี้ยงตระกูลหวัง!

ปกติตระกูลหวังโปรดปรานเด็กสาวผู้นี้มาก​ ทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญศิลปะที่ดีที่สุดให้นาง​ และซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดีที่สุดให้นาง

หลิงเยี่ยนเป็นคนโปรดจึงวางท่ายโส​ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นพี่สาวอย่างหลิงอวี๋อยู่ในสายตาเลย

“ท่านปู่ตัดขาดความสัมพันธ์​กับเจ้าไปตั้งนานแล้ว! แม้ว่าเจ้าจะถูกทอดทิ้งมา​ จวนเสนาบดี​เจิ้นหย่วนก็ไม่มีทางรับเจ้าไว้หรอกนะ!”

หลิงเยี่ยนเอ่ยขึ้นมาแปลก​ ๆ​ “เจ้าอย่าคิดว่ามาอ้อนวอนท่านปู่ถึงที่นี่​ แล้วท่านปู่จะใจอ่อนช่วยใช้หนี้เงินกู้ให้เจ้านะ!”

“หากเจ้าขาดแคลนเงิน​จริง​ ๆ​ ข้าจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง​ ให้เงินช่วยเจ้าแบบเร่งด่วนสักสองสามตำลึงก็ได้!”

หลิงเยี่ยนยกมือขึ้น างรับใช้คนหนึ่งเข้าใจในทันที​ ก้าวออกมาโยนเงินลงบนพื้นสองสามตำลึง พลางเอ่ยเยาะเย้ย

“คุณหนูของพวกเราใจดี ให้เงินเจ้าสองสามตำลึงไปซื้อของกินเถอะ!”

หลิงอวี๋โกรธจนหน้าคร่ำเคร่ง คิดว่านางมาถึงที่นี่เพราะต้องการอาหารหรือ?

“ยังไม่เก็บเงินแล้วรีบไปอีก! จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนของพวกเราไม่มีคุณหนูที่น่าอับอายเยี่ยงเจ้า!”

นางรับใช้เห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ไม่ขยับ ก็ยื่นมือไปผลักนางอย่างไม่สบอารมณ์

หลิงอวี๋ยืนอยู่ข้างบันไดหิน ไม่ทันระวังตัว เมื่อนางผลักมา ก็ก้าวพลาดล้มลงไปกับพื้น

ข้อเท้าของนางปวดอย่างรุนแรง เท้าพลิกไปแล้ว! ภาพความเคลื่อนไหวที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนนี้ ดึงดูดสายตาผู้คนที่มารุมล้อมดูจำนวนมาก พลางชี้ไปที่หลิงอวี๋และวิพากษ์วิจารณ์กัน

“เอ๊ะ นี่คือใครกัน? เหตุใดจึงถูกทางจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนไล่ออกมาข้างนอก!”

มีคนจำหลิงอวี๋ได้จึงเอ่ยขึ้นมา “หลิงอวี๋ไงเล่า… คุณหนูตระกูลหลิงที่ถูกตระกูลเซียวขับไล่ แล้วยังเกาะติดท่านอ๋องอี้อย่างไม่รู้จักอาย!”

“หา… นางเองหรือ! นี่คือถูกอ๋องอี้ไล่กลับมาหรือ?”

ชายรูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกองอาจห้าวหาญคนหนึ่งกำลังเดินมาถึงที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ได้ยินคำพูดนี้จึงเข้ามาดู

ดวงตาทั้งสองของหลิงอวี๋ราวกับมีไฟ ไม่ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบแล้ว นางเพียงแต่จ้องมองไปที่นางรับใช้ที่ผลักตนเองลงมา

หลิงเยวี่ยหายตัวไป ก็ทำให้หลิงอวี๋กังวลใจมากแล้ว

การช่วยเหลือคนก็เหมือนกับการดับเพลิง เสียเวลาไปเพียงน้อยนิด ความหวังที่จะหาตัวหลิงเยวี่ยพบก็จะน้อยลงไปอีก!

นางรับใช้ต่ำต้อยของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนผู้หนึ่งไม่ช่วยก็ไม่ว่ากัน แต่ยังกล้ามารังแกตนเอง ให้ตนเองต้องเสียเวลาอีก!

มันยิ่งซ้ำเติมทำให้นางลำบากยิ่งขึ้นจริง ๆ ทุกคนล้วนอยากเหยียบย่ำอย่างนั้นหรือ?

นางก้าวเข้าไปเรื่อย ๆ …

นางรับใช้หลายคนยังคงยิ้มเยาะเย้ยกับความดุร้ายของหลิงอวี๋

หลิงอวี๋หน้าไม่สบอารมณ์ ดวงตาลุกเป็นไฟ ขึ้นไปบนบันไดหินใหม่อีกครั้ง แล้วง้างมือขึ้น

“เพียะ!” แล้วสะบัดฝ่ามือตบลงบนหน้าของนางรับใช้ที่ผลักตนเอง

นางรับใช้ผู้นั้นกุมใบหน้าอย่างตกใจ จากนั้นก็ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้า… เจ้ากล้าตบข้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา