สำหรับเด็กที่อายุสิบปีขึ้นไป หลิงอวี๋ยังจัดตั้งวิชาทักษะให้เป็นพิเศษด้วย
เด็กที่มาจากตระกูลยากจน จะมีผู้ใดที่เป็นดั่งคุณหนูและคุณชายตระกูลร่ำรวยเหล่านั้นในเมืองหลวงที่เล่นดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพอยู่ทุกวัน และโอดครวญโดยที่มิได้เจ็บป่วยใด ๆ
หากมีคนที่มีทักษะที่สามารถเลี้ยงชีพได้ หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่าจะเป็นการช่วยเหลือพวกเขาได้ดีที่สุด
วิชาทักษะเหล่านี้ครอบคลุมไปด้วยงานฝีมือ การผลิตและวิชาการแพทย์เป็นต้น และจะแบ่งห้องเรียนตามความสนใจของพวกเด็ก ๆ
วิชาทักษะเหล่านี้มิเพียงแต่เปิดสอนแต่เด็กผู้หญิงเท่านั้น หออักษรของเด็กผู้ชายก็มีการส่งเสริมเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ครูที่ต้องการจึงมีหลากหลายด้าน หลิงอวี๋จึงได้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติของครูที่ได้รับการแนะนำมาทีละคน
การศึกษาเป็นรากฐานของแคว้น หลิงอวี๋มิอยากให้ครูที่คุณธรรมจริยธรรมมิดีมาสอนสิ่งที่มิดีให้ศิษย์
ครูบุรุษหาได้ง่าย แต่ครูสตรีจะหายากสักหน่อย
สตรีจำนวนมากล้วนมีทัศนคติแบบดูเชิงไปก่อน พวกนางได้รับการศึกษาแบบดั้งเดิมจึงรู้สึกว่าการแสดงตัวต่อสังคมมิดี
ครูที่ได้เรียกตัวมานอกจากจะเป็นครูในด้านดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพแล้ว ครูในวิชาทักษะก็มีเพียงแม่นางเหมยจากเรือนหยกอำไพเท่านั้นที่มาสอนในเรื่องการเย็บปักถักร้อย
หลิงอวี๋เพิ่มเบี้ยหวัดขึ้นแล้วก็มิอาจโน้มน้าวสตรีที่คอยดูเชิงเหล่านั้นได้
หลิงอวี๋คิดวิธีการมิออก สุดท้ายเมื่อเห็นขุนนางสตรีของสถานการกุศล หลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นมา
ยามนี้สตรีที่เป็นขุนนางเป็นสิ่งล้ำค่าและหายากยิ่ง แม้ว่าขุนนางสตรีผู้เป็นหัวหน้าในวังจะมีคุณสมบัติดี แต่ก็ล้วนอยู่ต่ำกว่าระดับหก ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็มิอาจเลื้อนขึ้นไปได้อีกตลอดชีวิต
อีกทั้งเบี้ยหวัดที่ได้รับก็ต่างกันกับขุนนางที่เป็นบุรุษในระดับเดียวกันอีก
หากได้ขึ้นอยู่ในระดับสูงแต่มิได้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่าก็ไม่มีแรงจูงใจ
ในสายตาของหลิงอวี๋ การทำงานไม่มีการแบ่งแยกสูงต่ำ ในเมื่อต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงาน แต่เหตุใดจึงมิได้รับค่าตอบแทนเท่ากับคนที่ทำงานในระดับเดียวกัน
สามารถต่อสู้ให้เลื่อนขั้นได้ถึงระดับสี่และรับค่าตอบแทนที่เท่ากันกับตำแหน่งเดียวกันมาให้สตรีได้ก็เป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
หลิงอวี๋เองก็มิได้ยืนกรานที่จะให้ครูที่เป็นสตรีเป็นขุนนางสตรี เมื่อได้รับการเลือกเข้าทำงานแล้วก็เป็นขุนนางระดับแปด ได้รับค่าตอบแทนของขุนนางระดับแปด เมื่อถึงเวลาสิ้นปีก็มีการประเมินและได้รับการเลื่อนขั้นได้เหมือนขุนนางบุรุษ
แม้ว่าหลิงอวี๋จะถอยให้หนึ่งก้าวแล้ว แต่หลังจากวันที่สิบห้าเมื่อเซียวหลินเทียนได้ขึ้นว่าราชกิจวันแรก ได้หยิบยกเรื่องบุรุษสตรีที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันจะได้รับค่าตอบแทนเท่ากันและขุนนางสตรีจะเลื่อนขั้นได้ถึงระดับสี่ขึ้นมาหารือ ก็ยังถูกเหล่าขุนนางคัดค้าน
จ้าวฮุยเอ่ยขึ้นมาก่อน “ฝ่าบาท นับแต่โบราณมาขุนนางสตรีจะอยู่ระดับหกลงไป ประวัติศาสตร์ดำเนินมานับร้อยปีแล้ว ฝ่าบาทมิสามารถเปลี่ยนแปลงกฎให้พวกนางเลื่อนตำแหน่งได้ตามพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”
ใต้เท้าหลี่ซึ่งเป็นพวกของจ้าวฮุยเองก็เอ่ยขึ้นมาอย่างมีเหตุผล “ความสามารถของสตรีมีจำกัด หน้าที่รับผิดชอบของพวกนางก็คือการร่วมมือกับสามีคอยสั่งสอนลูกและจัดดูแลบ้านเล็กบ้านน้อย!”
“ฝ่าบาทจะให้พวกนางได้รับเบี้ยหวัดตามตำแหน่งที่เท่าเทียมกันกับพวกเรา สิ่งนี้จะกระตุ้นความทะเยอทะยานของพวกนางให้อยู่มิติดบ้านพ่ะย่ะค่ะ! ทำเช่นนี้มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
ขุนนางระดับสี่เหล่านั้นนึกถึงว่า ในภายภาคหน้าสตรีจะได้เลื่อนขั้นมาอยู่ในระดับสี่เท่าตนก็พากันลุกขึ้นคัดค้านทันที

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
สนุกมาค่ะ มาต่ออีก...
รอ...
นางเอกโดนแผนร้ายไล่ล่าเจ็บตัวจะตายอ่า200+ตอน สุดท้ายจบครึ่งตอน คนร้ายบอกเข้าใจผิด นิยายฟวยไรอ่ะปัญญาอ่อนทั้งเรื่อง...
waitinggg for youuuuuuu...
ความลับยังไม่ได้เปิดเผยเลยค่ะ...
จบแบบนี้ไม่ได้นะคะ...
กลับมาได้เเล้ว...
ขอบคุณนะที่ลงเพิ่ม กำลังสนุกมาก...
คนเขียนกลับมาก๊อนนนน🥹 ทางนี่ใจจะขาดแล้วฮะ...
รอสนุกมาก...