อันเจ๋อยังมิทันได้ชักนิ้วกลับมาก็ถูกอาจารย์หลินกัดเข้าไปอย่างแรง เขาส่งเสียงร้องออกมาอย่างอึดอัด อยากจะดึงนิ้วออกแต่ก็ดึงมิออก
อันเจ๋อหมดคำพูดไปเลยทีเดียว นี่อาจารย์หลินคิดว่านิ้วตนเป็นไม้หรือไร?
เขาลองเอานิ้วออกอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายแล้วก็มิสำเร็จ
แรงกัดเช่นนี้ หากเป็นลิ้นของอาจารย์หลินเองก็คงจะถูกเขากัดขาดกระมัง!
อันเจ๋อเห็นว่าอาจารย์หลินชักเกร็งพร้อมกับเหงื่อเปียกโชกไปทั้งตัว จึงทำได้เพียงอดกลั้นความเจ็บเอาไว้แล้วปล่อยให้เขากัดต่อไป
เฉาเฉียงเห็นว่าเหงื่อของอันเจ๋อไหลลงมาจากบนหัวแต่อันเจ๋อก็มิได้โกรธเกรี้ยว
เฉาเฉียงจึงมองอันเจ๋อเปลี่ยนแปลงไป รู้สึกได้ว่ามิใช่ว่าขุนนางทุกคนจะน่ารังเกียจดังเช่นผู้ว่าการหวาง!
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น อาจารย์หลินคงจะกินยาของอันเจ๋อลงไปแล้วมิได้เจ็บปวดมากแล้ว จึงผ่อนคลายแล้วเลิกกัดนิ้วของอันเจ๋อ
อันเจ๋อดึงนิ้วออกมา ทั้งนิ้วนั้นเต็มไปด้วยเลือดอย่างน่าเวทนา
เขาทรุดตัวลงกับพื้น มองอาจารย์หลินที่มิได้ชักแล้วพลางถอนหายใจโล่งอก
“ดีขึ้นแล้ว ยาของข้าออกฤทธิ์แล้ว แต่ยังมิได้ตรวจสาเหตุของอาการป่วยให้แน่ชัด ยานี้ทำได้เพียงให้เขาผ่านพ้นครั้งนี้ไปได้เท่านั้น!”
อันเจ๋อนึกถึงวิชาเภสัชวิทยาที่หลิงอวี๋ถ่ายทอดมาถึงตนพลางเอ่ย “หากอาการปวดหัวของอาจารย์หลินเป็นอาการเจ็บป่วยมานาน ข้าข้อแนะนำว่าให้ไปหาแม่นางหลิงให้นางตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดจะดีกว่า มิเช่นนั้นจะมิได้รักษาที่ต้นเหตุ และหากอาการเขากำเริบบ่อย ๆ ก็จะส่งผลต่อสุขภาพและการมีชีวิตของเขา!”
“ขอบคุณใต้เท้าอันมากขอรับ!”
อาจารย์หลินนับว่าเป็นทั้งอาจารย์และสหายสำหรับเฉาเฉียง เขาได้รับความเคารพจากเฉาเฉียงเป็นอย่างมาก
การที่อันเจ๋อช่วยให้อาการปวดของอาจารย์หลินทุเลาลงและเอ่ยข้อเสนอที่ตรงจุดเช่นนี้ อีกทั้งเมื่อเห็นนิ้วของเขาถูกอาจารย์หลินกัดจนเลือดอาบเช่นนั้น ทัศนคติของเฉาเฉียงที่มีต่ออันเจ๋อจึงเปลี่ยนแปลงไป
“พาใต้เท้าอันไปพักผ่อนที่ห้องรับแขก รอให้อาจารย์หลินหายก่อนค่อยว่ากัน!”
ตนในฐานะจักรพรรดิหากมิทำให้ราษฎรมีความเชื่อมั่นเรื่องปากท้อง เช่นนั้นในภายภาคหน้าก็รังแต่จะมีเรื่องวุ่นวายเกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เซียวหลินเทียนครุ่นคิดอยู่หนึ่งวันก็ตัดสินใจใช้แผนแทรกซึมที่หลิงอวี๋ได้พูดเอาไว้ เพื่อใช้กรุยทางสำหรับแผนปฏิรูปที่ดินของตนก่อน
เซียวหลินเทียนเรียกรวมตัวเหล่าขุนนางว่าการและขุนนางกรมพระคลังเพื่อมาหารือเรื่องการเพาะปลูกในวสันตฤดูอย่างสงบเยือกเย็น เขาให้ขุนนางแต่ละคนแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยมุ่งเน้นไปที่การเสนอแผนการที่เป็นประโยชน์ต่อเรื่องที่ดินทำกินส่วนใหญ่ที่รกร้างว่างเปล่า
ขุนนางว่าการเหล่านั้นต่างระดมความคิดช่วยเซียวหลินเทียนคิดหาวิธีการ แต่ความคิดเห็นที่เสนอออกมาล้วนมิเข้าทาง
วันรุ่งขึ้นเซียวหลินเทียนจึงเสนอเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญให้เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊หารือกันในราชสำนัก และเขาก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเหตุผล “การจลาจลที่เจิ้งโจวครานี้ พวกของเฉาเฉียงรวมตัวเหล่าราษฎรก่อเหตุขึ้นด้วยเหตุกล่าวอ้างที่ว่าขาดแคลนอาหารอาภรณ์!”
“ตัวข้าคิดว่า แม้ข้ออ้างนี้ของเฉาเฉียงจะค่อนข้างเกินจริงไป แต่ข้าได้ตรวจสอบความจริงแล้ว มีราษฎรเป็นจำนวนมากที่ขาดแคลนอาหารจริง ๆ!”
“เพราะเหตุนี้ ข้าจึงคิดว่า ในการเพาะปลูกช่วงวสันตฤดูจำเป็นต้องให้ความสำคัญเสียหน่อย! พวกเจ้าจงแสดงความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมา ผู้ใดเสนอแผนการดี ๆ ที่สามารถแก้ไขเรื่องที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาได้ ในทุก ๆ ข้อเสนอจะได้รับรางวัลหนึ่งพันตำลึง หากข้อเสมอดีมาก ๆ จนสามารถทำได้จะได้รับรางวัลสูงสุดสองหมื่นตำลึง”
ขุนนางบางส่วนมิได้สนใจในสิ่งนี้ แม้ว่าจะมีเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นรางวัล แต่คนเหล่านี้ก็มิได้เห็นเงินหนึ่งพันตำลึงนี้อยู่ในสายตาเลย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
สนุกมาค่ะ มาต่ออีก...
รอ...
นางเอกโดนแผนร้ายไล่ล่าเจ็บตัวจะตายอ่า200+ตอน สุดท้ายจบครึ่งตอน คนร้ายบอกเข้าใจผิด นิยายฟวยไรอ่ะปัญญาอ่อนทั้งเรื่อง...
waitinggg for youuuuuuu...
ความลับยังไม่ได้เปิดเผยเลยค่ะ...
จบแบบนี้ไม่ได้นะคะ...
กลับมาได้เเล้ว...
ขอบคุณนะที่ลงเพิ่ม กำลังสนุกมาก...
คนเขียนกลับมาก๊อนนนน🥹 ทางนี่ใจจะขาดแล้วฮะ...
รอสนุกมาก...