หลิงซินกำลังมองหลิงอวี๋อย่างเหม่อลอย เนื่องถูกคำพูดครานี้ทำให้รู้สึกสะเทือนอารมณ์ และนึกถึงทุกสิ่งอย่างที่หลิงอวี๋ประสบมา
ทันใดนั้นนางก็เข้าใจความเหนื่อยยากของคุณหนูตัวเองแล้ว
ใช่ หากคนผู้หนึ่งแม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วยังจะกลัวอะไรอีกเล่า!
“คุณหนู เป็นหลิงหลานตีเจ้าค่ะ! หลิงหลานเคยเรียกบ่าวไปสอบถาม… นางถามว่าคุณหนูตายแล้วหรือยัง!”
“หลิงหลาน นางกล่าว… ว่าให้ข้าจับตาดูพระชายา! หากพระชายามีการเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานนางทันทีเจ้าค่ะ!”
“นาง… นางกล่าวว่าตราบใดที่บ่าวเชื่อฟังจะขอให้ชิวเหวินซวงย้ายบ่าวไปเป็นนางรับใช้ของท่านอ๋องเจ้าค่ะ!”
หลิงอวี๋มองนางอย่างเงียบ ๆ ไม่กล่าวคำ
ทว่าแม่นมลี่กลับอดด่าขึ้นไม่ไหว “พระชายายังทรมาน พวกเจ้าทุกคนทรยศเจ้านาย ไยสวรรค์ไม่สาดอสนีบาตฟาดพวกเจ้าให้ตายไปเสีย! ”
หลิงซินส่ายหน้าลนลาน “แม่นม มิใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ! ข้ามิได้รับปากนาง!”
“พระชายาเคยช่วยชีวิตบ่าวในปีนั้น! หากไม่มีพระชายาบ่าวคงสิ้นชีพไปนานแล้ว! บ่าวจะไม่มีวันทรยศพระชายาไปชั่วชีวี”
“เพราะเจ้าไม่ยินยอม นางจึงตีเจ้ารึ?”
หลิงอวี๋ดูออกว่าหากหลิงซินสาวน้อยผู้นี้รับสินบนจากหลิงหลานจริง ๆ ก็คงไม่ถูกทุบตีอย่างนี้
“เจ้าค่ะ พระชายาเฉียบแหลมนัก! หลิงหลานดึงหูข้าและผลักเข้ากำแพงเจ้าค่ะ!”
“นางยังกล่าวด้วยว่า คราก่อนที่บ่าวลอบออกตำหนักอ๋องไปขายสิ่งของ พ่อบ้านฟั่นยังจำมันได้อยู่!”
“นางให้บ่าวกลับมาคิดให้ดี ๆ หากไม่เชื่อฟังนาง นางจะให้พ่อบ้านฟั่นเอาบ่าวไปขายในซ่องโสเภณีเจ้าค่ะ!”
หลิงซินเผยความอึดอัดใจออกมาหมด “พ่อบ้านฟั่นก็มิใช่คนดีเช่นกัน ตาแก่ผู้นั้นไม่ตาย… เขา เขามักฉวยโอกาสตอนไม่มีคนลวนลามนางรับใช้!”
ขณะหลิงซินกำลังเอ่ยก็คุกเข่าลง ร่ำไห้กล่าวว่า “คุณ คุณหนู ข้าก็ไม่อยากเพิ่มเรื่องยุ่งยากท่าน แต่พวกเขาทำเกินไปจริง ๆ เจ้าค่ะ...”
เนื่องหลิงเยว่ก็อยู่ที่นี่ หลิงซินก็เลยลำบากใจที่จะกล่าวตรงไปตรงมาเกินไป
แต่ใบหน้าแดงระเรื่อของนางก็ทำให้หลิงอวี๋กระจ่างแจ้งแล้ว
นึกถึงท่าทีที่พ่อบ้านฟั่นปฏิบัติต่อหลิงซินอย่างตาเฒ่าไม่เคารพแม้แต่ตนเอง หลิงอวี๋ก็ล้วนโทสะจนหน้าเขียวหมดสิ้น!
หลิงซินเพิ่งอายุสิบสองปีเท่านั้น พ่อบ้านฟั่นก็กล้าลงมือนางแล้ว ช่างเป็นตาเฒ่าเดรัจฉานโดยแท้!
“เจ้ากล้าตีคนหรือไม่?” หลิงอวี๋กัดฟันกรอดถามขึ้น
ดวงตาหลิงซินทอประกาย ทราบดีว่าหลิงอวี๋ต้องแก้แค้นเพื่อตนแน่แท้ในครานี้ นางรวบรวมความกล้าตอบเสียงดังกังวานว่า “กล้าเจ้าค่ะ!”
เรื่องใหญ่สุดก็แค่ความตาย การถูกทุบตีเยี่ยงนี้ ถึงจะเป็นคนที่มีความอดทนสูงแค่ไหนก็มีขีดจำกัด ต้องมีน้ำโหกันบ้าง!
“อย่างนั้นก็ไป!”
หลิงอวี๋ถกแขนเสื้ออย่างดุดัน ตะโกนว่า “วันนี้พวกเราจะไปคิดบัญชีความแค้นทั้งเก่าและใหม่ด้วยกัน! คอยดูว่าตัวข้าผู้เป็นคุณหนูจะชำระแค้นเพื่อพวกเจ้าเยี่ยงไร!”
“ถึงคราวที่จะพวกเขาจะได้เห็นว่า ไยบุพผาถึงเป็นสีแดงเพียงนี้!”
เดี๋ยวรู้เลย!
บังอาจมารังแกคนของนาง!
คิดว่านางหลิงอวี๋ตายแล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
หากวันนี้พวกเขาไม่ได้เห็นจุดแข็งของนาง นางหลิงอวี๋ก็อย่าได้อยู่ใต้หล้าแห่งนี้อีกเลย!
หลิงอวี๋เดินนำหน้าออกมา นางเห็นไม้ตะบองที่ถูกทิ้งไว้หลายท่อนในลานจวน ก่อนจะหยิบขึ้นมาใช้มือชั่งน้ำหนักแล้วส่งให้หลิงซินหนึ่งท่อน
ตัวหลิงอวี๋เองก็หยิบมาหนึ่งท่อนเหมือนกัน!
หลิงเยว่เห็นแล้วก็อยากหยิบไปเหมือนกัน หลิงอวี๋หุบยิ้มกล่าวว่า “เจ้ายังเด็กนัก เอาท่อนเล็กก็พอ!”
หลิงเยว่ยังหยิบท่อนไม้ตะบองที่สูงเท่าตัวเขาชูขึ้นอย่างมีพลานุภาพ และถามคำถามที่เมื่อครู่เขายังไม่เข้าใจ
“ท่านแม่ เหตุใดอยากให้พวกเขารู้ว่าไยบุปผาถึงเป็นสีแดง? ไยไม่เป็นสีเหลืองหรือสีม่วงเล่าขอรับ?”
หลิงอวี๋หัวเราะลั่น เขี่ยจมูกอย่างเจ้าเล่ห์ กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แน่นอนว่าคือการทุบตีให้พวกเขารู้ว่าบุปผาแดงนั้นชุ่มไปด้วยโลหิตสด ๆ !”
คนในเรือนบุหงาหลั่งเลือดกันมาตลอด คราวนี้เปลี่ยนเป็นคนเหล่านั้นที่รังแกพวกนางหลั่งเลือดเสียบ้าง!
หลิงเยว่เหมือนจะเข้าใจ แถมยังเลียนแบบหลิงอวี๋ชูไม้ตะบองอย่างดุดันด้วย ตะโกนลั่นว่า “อย่างนั้นก็ทำให้พวกเขารู้ว่า ไยบุปผาถึงเป็นสีแดงเพียงนี้!”
แม่นมลี่มองอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รีบห้ามปรามว่า “คุณหนู ท่านไม่อาจไปก่อเรื่องได้นะเจ้าคะ! ”
หลิงซินอายุน้อย และมุ่งหวังให้คุณหนูตัดสินใจเพื่อนางอย่างแน่วแน่
อย่างไรเสียแม่นมลี่อายุมากแล้ว รู้ว่ายามนี้พวกนางกำลังพึ่งพาอาศัยผู้อื่นมิควรวู่วามเช่นนี้...
“แถมนายน้อยก็มิควรถูกสั่งสอนเยี่ยงนี้เช่นกันเจ้าค่ะ!”
มารดาบ้านอื่นกลัวว่าบุตรของตนจะก่อเรื่อง มีที่ไหนจะเป็นแบบหลิงอวี๋ส่งเสริมให้บุตรก่อเรื่อง!
แต่หลิงอวี๋กลับไม่คิดแบบนี้ กล่าวว่า “หลิงเยว่เรียกพี่หลิงซิน ถ้าหลิงซินมีอะไรอร่อย ๆ เขาล้วนได้ก่อน บัดนี้หลิงซินถูกรังแก เขาเป็นน้องชาย ไยจะไม่อาจไปแก้แค้นให้หลิงซินได้!”
“ในเรือนบุหงาแห่งนี้ พวกเราคือครอบครัว! มีสุขร่วมสุข มีทุกข์ร่วมทุกข์!”
“หากเราไม่สามัคคีกัน ผู้อื่นก็รังแกเรา!”
“หัวใจหนึ่งดวงของพวกเรารวมเป็นหนึ่งแห่งความแข็งแกร่ง มิมีผู้ใดโค่นล้มเราได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...