ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 50

การกระทำของหลิงซินทั้งรวดเร็วและดุร้าย ครั้นรอให้ตีเสร็จสามสิบฝ่ามือปรางแก้มสองข้างของหลิงหลานล้วนบวมเป่ง และนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น

“มาคุยกันต่อเถอะ! ข้ายังมีอะไรไม่อาจแพร่งพรายได้อีก! วันนี้ข้าผู้เป็นพระชายาให้โอกาสเจ้าปรึกษาพูดคุยอย่างดี!”

หลิงอวี๋กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าหลิงหลานปูดบวม ไฉนเลยจะพูดได้!

มิหนำซ้ำนางเข้าใจแล้ว วันนี้หลิงอวี๋มีเจตนากรมณ์มาแก้ข่าวให้ตัวเอง นางไม่มีหลักฐานอันเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรผลสุดท้ายก็จะคงเดิม

“เหตุใดไม่กล่าวแล้วเล่า? มิใช่ว่าเจ้าเคยพูดว่า ข้าว่าท่านอ๋องไร้ประโยชน์กระทำเรื่องด้านนั้นมิได้หรอกรึ?”

“วันนี้เจ้าก็กล่าวต่อข้าผู้เป็นพระชายา… ให้กระจ่าง ข้ากล่าวคำพูดนี้ที่ไหนเวลาใดรึ?”

หลิงอวี๋บีบคั้นไปทีละก้าว น้ำเสียงดุดันขึ้นในแต่ละประโยค

“พระชายา บ่าว… บ่าวผิดไปแล้ว… คำพูดเหล่านั้นบ่าวล้วนฟังหลิงผิงมาทั้งสิ้น บ่าวมิเคยได้ยินพระชายาเอ่ยเลยเจ้าค่ะ!”

“บ่าวมิควรเชื่อหลิงผิง เรื่องนี้เป็นนางพูดทั้งนั้น พระชายาไปไต่สวนหลิงผิงเถิดเจ้าค่ะ!”

หลิงหลานถูกหลิงอวี๋ทำให้ประหวั่นพรั่นพรึงแล้ว นางร่ำไห้สะอึกสะอื้นและโยนให้ปัญหาหลิงผิง

อย่างไรหลิงผิงก็เป็นเด็กที่ชิวเหวินซวงทอดทิ้งแล้ว ชิวเหวินซวงรู้ดีว่าจะเลือกปกป้องผู้ใด!

“ได้สิ งั้นก็เรียกหลิงผิงมาเสีย! ข้าก็ต้องปรึกษาพูดคุยเรื่องหยกห้อยเอวด้วยเหมือนกัน!”

หลิงอวี๋ทุบตีหลิงหลานจนนางไม่อาจต้านทานได้ หวั่นว่าเซียวหลินเทียนจะหมดความอดทนฟังเลยไม่คิดตีนางต่อ

หัวใจชิวเหวินซวงเต้นตึกตัก หากนำหลิงผิงมา หยกห้อยเอวก็จะพัวพันถึงพ่อบ้านฟั่น...

สถานการณ์นี้ก็จะยิ่งใหญ่และโกลาหลขึ้น!

“พระชายา เปลี่ยนวันไต่สวนเถิดได้หรือไม่ขอรับ? หลิงผิงนางเอ็นร้อยหวายขาดแล้ว ไป่สือให้นางพักผ่อนในเรือน ขยับเขยื้อนให้น้อย!”

หลิงอวี๋จ้องมองชิวเหวินซวงยิ้มอ่อน “ที่จริงแล้วแม้หลิงผิงไม่มา ข้าก็ย่อมกล่าวให้กระจ่างได้เช่นกัน อยู่ที่ท่านอ๋องแล้วว่าจะเชื่อหรือไม่!”

ดวงตาของชิวเหวินซวงเป็นประกาย พลันกล่าวว่า “พวกเราเชื่อพระชายา ตราบใดที่ท่านกล่าวมีเหตุผล!”

“ท่านอ๋อง หยกห้อยเอวชิ้นนั้นยังอยู่กับท่านหรือไม่เพคะ?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม

“อยู่ที่ห้องตำรา ลู่หนานไปเอามา!”

เซียวหลินเทียนอยากลองดูว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีหลิงผิงอยู่ลาน นางจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้เยี่ยงไร

ลู่หนานได้รับสั่งให้นำหยกห้อยเอวมา

หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่ออกตำหนักจึงถามว่า “ท่านอ๋องเพคะ หากพิสูจน์ได้ว่า หม่อมฉันไม่ได้ลอบคบชู้กับผู้อื่น เช่นนั้นท่านจะอนุญาตให้หม่อมฉันออกตำหนักอย่างอิสระได้หรือไม่?”

เซียวหลินเทียนมองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง เงียบชั่วขณะถึงพยักหน้า “ย่อมได้!”

เขาดูออกว่าหลิงอวี๋กล่าวอธิบายกระจ่างให้ตนฟังอย่างอดกลั้นไปทีละเรื่องนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อออกจากตำหนัก

หากไม่ปล่อยนางออกตำหนัก หลิงอวี๋ก็คงจะก่อความวุ่นวายต่อนั้นแล!

ประเดี๋ยวเดียวลู่หนานก็นำหยกห้อยเอวมาแล้ว หลิงอวี๋รับมาตรวจดูแล้วคลี่ยิ้ม

“ข้าขอพูดเลยว่ามันง่ายมากและเป็นตามคาดจริง!”

เซียวหลินเทียนไม่ได้เห็นอะไรแปลกผิดปกติ หยกห้อยเอวชิ้นนี้เขาทิ้งไว้ในห้องตำรา ไม่ได้ตั้งใจดูละเอียด

“ครานั้นหลิงผิงบอกว่าเป็นสิ่งของที่ฉินซานให้ข้า ถูกหรือไม่?”

หลิงอวี๋กำลังถือหยกห้อยเอวเข้าใกล้เซียวหลินเทียน กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านอ๋องรู้คุณสมบัติหยกห้อยเอวแตกฉานกว่าหม่อมฉันเป็นแน่! และเราไม่ต้องถกกันเรื่องมูลค่าของหยกห้อยเอวเลยด้วยซ้ำ!”

“หม่อมฉันเอ่ยถึงข้อสงสัยเพียงข้อเดียวก็สามารถลบล้างคำกล่าวหาของหลิงผิงได้!”

ชิวเหวินซวงมองหลิงอวี๋อย่างแปลกใจ ข้อสงสัยข้อเดียวก็ลบล้างได้เลยงั้นหรือ?

ข้อสงสัยอันใด?

หรือว่าหยกห้อยเอวชิ้นนี้ไม่ธรรมดา?

“ท่านอ๋อง ท่านรู้คุณสมบัติหยกห้อยเอวอย่างทะลุปรุโปร่ง ทว่าลวดลายหยกห้อยเอวท่านรู้ไม่มากนัก!”

หลิงอวี๋ชี้ให้เซียวหลินเทียนดู “ท่านดูสิ บนหยกห้อยเอวนี้สลักเป็นต้นไผ่!”

เซียวหลินเทียนดูสักพักก็เห็นสลักต้นไผ่จริง แต่นี่นับเป็นข้อสงสัยอันใด!

“ท่านอ๋องมิเข้าใจลวดลายหยกห้อยเอวมีสิ่งใดไม่ถูกต้องใช่หรือไม่? หม่อมฉันจะอธิบายความรู้ภายในนี้ให้ท่านอ๋องรู้สักหน่อย!”

“นี่ก็เหมือนสตรีซื้อเสื้อผ้า… แล้วเหตุใดสตรีอย่างเรา ๆ ถึงชอบซื้อเสื้อผ้าล่ะ?”

“อีกอย่างไยทุกฤดูกาลล้วนต้องซื้อใหม่เล่า? เสื้อผ้าของปีก่อนไม่ยอมสวมในปีนี้แล้วหรือ?”

“นั่นเป็นเพราะกระแสความนิยม! เนื่องแต่ละฤดูรูปแบบเสื้อผ้าปีก่อนและปีนี้ล้วนแตกต่างกัน ถ้าท่านสวมรูปแบบของปีก่อน ก็จะถูกผู้คนโดยรอบหัวเราะเยาะว่าล้าสมัยอย่างไรเล่าเพคะ!”

หลิงอวี๋อธิบายอย่างอดทน “หยกห้อยเอวก็เช่นกัน ก็เหมือนกับสองปีก่อน ไร้พิรุณโปรยนมนาน น้ำค้างจากสวรรค์กลั่นหยด หลังพิรุณโปรยเมฆมงคลปรากฏแก่พระเนตรเสด็จพ่อ ถือโอกาสตรัสถึงเมฆานิมิตหมายดีประปรายเป็นลางแห่งสิริมงคล!”

“ครั้นตรัสคำพูดแพร่ออกไปในครานั้น ส่งผลให้เมืองหลวงมีเครื่องประดับลายเมฆมงคลดาษดื่น หยกห้อยเอวนี้ก็เป็นลางแห่งสิริมงคลที่ต้นกำเนิดมาจากเสด็จพ่อ!”

“เมื่อปีก่อน เสด็จพ่อให้ไทเฮากราบอวยพรวันพระบรมราชสมภพและถวายปิ่นปักผมหัวพยัคฆ์สิบสองนักษัตรให้ ดังนั้นตามท้องตลาดจึงมีสิ่งของลวดลายหัวพยัคฆ์แพร่หลาย ผู้คนต่างพูดกันว่าเพื่อแบ่งปันความเป็นสิริมงคลจึงทำตามไทเฮา!”

“มิใช่ว่าไทเฮาทรงพระประชวรมาตลอดระยะหนึ่งในปีนี้หรือ?”

“เสด็จพ่อได้เชิญไต้ซือ(1)มาดูฮวงจุ้ยให้นาง เห็นบอกว่าให้ปลูกต้นไผ่รอบห้องบรรทมของไทเฮา ต้นไผ่เป็นสัญลักษณ์ของอายุที่ยืนยาว มีชีวิตชีวาเปี่ยมด้วยพลัง! เสด็จพ่อทรงปลูกต้นไผ่ให้ไทเฮาแล้วไทเฮามิใช่ว่าสุขภาพค่อย ๆ ดีขึ้นหรอกหรือ?”

“ฉะนั้นนอกพระราชวังจึงมีลวดลายต้นไผ้ตามมาอย่างแพร่หลาย!”

“แต่ฉินซานจากไปเมื่อสี่ปีก่อน แล้วเวลานั้นเป็นดอกเหมยกำลังเป็นที่นิยมในเมืองหลวง!”

“ตามคำพูดของหลิงผิง หยกห้อยเอวเป็นของฉินซาน! แต่ฉินซานไม่อาจมอบหยกห้อยเอวลายต้นไผ่แก่ข้าได้!”

“คุณสมบัติและลวดลายของหยกห้อยเอวชิ้นนี้ล้วนไม่เหมือนกับเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว คำชี้แจ้งปัญหานี้ยังไม่เพียงพอหรือ?”

“หลิงผิงนางก็ใส่ไคล้ข้า!”

ไต้ซือ (大师) คือ หลวงจีน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา