คำพูดร่ายยาวของหลิงอวี๋ทำเอาทุกคนตกตะลึง
ลู่หนานมองหยกห้อยเอวอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าลวดลายนี้มันจะยังมีรายละเอียดพิถีพิถันเหล่านี้ด้วย!
เซียวหลินเทียนก็หมดคำพูด เขามิได้ศึกษาเกี่ยวกับของชิ้นนี้เลยจริง ๆ
แต่เมื่อก่อนมักจะได้ยินอันเจ๋อเพื่อนสนิทของเขาโจมตีตัวเขาอยู่บ่อย ๆ ว่าเสื้อผ้าที่เขาใส่มันล้าสมัยแล้ว!
เครื่องประดับเองก็ไม่ได้ตามสมัยเช่นกัน!
เขาฟังแล้วก็ปล่อยผ่านมันไป ไม่เคยเอาคำพูดเรื่อยเปื่อยของอันเจ๋อมาใส่ใจเลย
ในสายตาของเขา ผู้ชายควรจะตั้งมั่นอยู่กับเป้าหมายที่สูงเข้าไว้
พวกเรื่องรูปแบบเสื้อผ้าที่พิถีพิถันเหล่านี้ นั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไปถึงจะให้ความสนใจ!
เขาไม่เคยรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่มีอะไรที่มันไม่เหมาะสม พวกลู่หนานเองก็ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากมายกับเรื่องพวกนี้ มีหรือจะนึกถึงว่าในนี้จะมีรายละเอียดเหล่านี้อยู่!
ครั้งนี้ชิวเหวินซวงทึ่งกับหลิงอวี๋มาก หลิงอวี๋ผู้นี้นับวันจะยิ่งฉลาดมากขึ้นทุกทีแล้ว!
พูดน้อยก็จะผิดพลาดน้อย!
ตอนนี้นางจะต้องพิจารณาหลิงอวี๋เสียใหม่ก่อน แล้วค่อยแข่งขันกับนาง!
หลิงผิงถูกตัดเอ็นร้อยหวายไปแล้ว หลังจากวันนี้ก็จะไม่สามารถใช้งานได้มาก! เป็นได้เพียงหมากสังเวย(1)เท่านั้น!
คิดถึงเรื่องนี้ ชิวเหวินซวงก็หันไปพูดทันที
“ท่านอ๋องเพคะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว! ว่าต้องเป็นหลิงผิงแน่นอนที่ขโมยปิ่นติดผมและเสื้อผ้าของพระชายา แล้วเกรงว่าพระชายาจะพบเข้า ถึงได้วางยาพิษหวังจะฆ่าพระชายา!”
“หยกห้อยเอวนี่ก็ไม่รู้ว่านางไปเอามาจากไหน เห็นว่าถูกพ่อบ้านฟั่นค้นเจอ เกรงว่าจะพูดไม่ชัดเจนแล้วถือโอกาสใส่ร้ายพระชายาเพคะ!”
“บ่าวกลับกลอกผู้นี้! พวกเราล้วนถูกนางหลอกแล้ว! นางกล่าวหาพระชายา!”
“ท่านอ๋อง ท่านทรงต้องการร้องเรียนไปถึงทางการหรือไม่เพคะ?”
เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ วันนี้เขาสามารถอดทนอยู่กับนางจนตัดสินคดีได้ ก็ถึงขีดจำกัดความอดทนของเขาแล้ว
หากหลิงอวี๋ได้คืบจะเอาศอกอีก ทำให้ตำหนักอ๋องวุ่นวายไปหมด เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าเขาไม่เกรงใจก็แล้วกัน!
คิดมาถึงตรงนี้ เซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลิงผิงวางยาพิษปองร้ายพระชายา เป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้! ส่วนหลิงอวี๋เจ้าไปตัดเอ็นร้อยหวายของนาง ก็นับว่าเป็นลงโทษชนิดหนึ่งเช่นกัน!”
“นี่เป็นเรื่องภายในของตำหนักอ๋องอี้ ไม่จำเป็นต้องร้องเรียนไปถึงทางการ! หลิงผิงใส่ร้ายพระชายา ต้องโทษโบยสามสิบที และขับไล่ออกจากตำหนักอ๋องอี้!”
“เปิ่นหวางจัดการเช่นนี้ หลิงอวี๋ เจ้าไม่ติดใจอะไรใช่หรือไม่?”
“แม่นมเกาเล่า นางใส่ร้ายหลิงซิน ไม่ลงโทษนางหรือ?”
หลิงอวี๋เหลือบมองแม่นมเกาที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน ยิ้มเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้นมา
เซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋เตือนเช่นนี้ ถึงได้นึกขึ้นได้ว่ายังมีคนที่ไม่ถูกลงโทษ จึงเอ่ย “แม่นมเกาใส่ร้ายหลิงซินว่าขโมยของ ต้องโทษชดใช้เงินเดือนให้หลิงซินเป็นเวลาครึ่งปี!”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่ติดใจเอาความแล้ว!” หลิงอวี๋พูดอย่างพอใจ
บรรลุเป้าประสงค์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องต่อ
เอ็นร้อยหวายของหลิงผิงก็ถูกนางตัดไปแล้ว หากจะต้องถูกตีถูกขับไล่อีกก็นับว่าใจไม้ไส้ระกำเกินไป นางรู้จักความพอดีอยู่!
แม่นมเกาถูกหักเงินเดือนมาชดใช้ให้หลิงซินก็นับว่าเป็นการลงโทษเล็ก ๆ
ส่วนเรื่องที่แม่นมเกาสาดน้ำใส่ตัวนาง เวลานี้ก็คงไม่เหมาะที่จะเอ่ยขึ้นมาอีก
ส่วนพวกชิวเหวินซวงกับพ่อบ้านฟั่นพวกนั้น...
ในสถานการณ์ที่ไม่ได้มีหลักฐานประจักษ์ชัด นางก็ไม่มีทางที่จะจับพวกเขาได้ในคราวเดียว คนเหล่านี้จะเก็บไว้ก่อนแล้วหลังจากนี้ค่อยจัดการไปอย่างช้า ๆ !
“เช่นนั้นก็เอาตามนี้! เจ้าถอนพิษให้ชิวเฮ่าเถิด!”
เซียวหลินเทียนบอก
“เอาสิ่งนี้ไป เอาไปผสมน้ำสะอาดแล้วให้เขาล้างตาก็หายแล้ว!”
หลิงอวี๋หยิบขวดเล็ก ๆ ขวดหนึ่งส่งให้ลู่หนาน
หลังจากนั้นก็กวักมือเรียกหลิงเยว่ พลางพูดยิ้ม ๆ “ไป เยว่เยว่ แม่จะพาพวกเจ้าไปกินอาหารดี ๆ !”
นางโยนหยกห้อยเอวในมือราวกับจะโอ้อวด พลางยิ้มตาหยีแล้วพูด “หากพวกเราขายอันนี้แล้ว อยากจะกินอะไรก็กินได้เลย!”
เพราะว่าหลิงเยว่ยังคงเป็นเด็กอยู่ เขาจึงวิ่งไปดึงมือของหลิงอวี๋พลางเอ่ยถาม “ท่านแม่ ของอร่อยอะไรก็สามารถซื้อได้จริง ๆ หรือขอรับ?”
“แน่สิ ขอเพียงเจ้าไม่กินถึงขั้นงานเลี้ยงโต๊ะจีนหลวง แม่ก็สามารถซื้อให้เจ้าได้!”
หลิงอวี๋ไม่ได้สนใจมองคนอื่น ๆ นางเรียกแม่นมลี่กับหลิงซินแล้วก็ออกไป
หลิงเยว่เองก็ไม่ได้สนใจมองคนเหล่านั้นเช่นกัน เขาดึงหลิงอวี๋พลางเอ่ยถาม “ท่านแม่ อะไรคืองานเลี้ยงโต๊ะจีนหลวงหรือขอรับ?”
“งานเลี้ยงโต๊ะจีนหลวงหรือ ก็คือมีอาหารหนึ่งร้อยแปดอย่าง... เนื้อแกะนึ่ง อุ้งตีนหมีนึ่ง หางกวางนึ่ง เป็ดย่าง ไก่ย่าง ห่านย่าง หมูตุ๋น เป็ดตุ๋น ไก่ต้มซีอิ๊ว เนื้อรมควัน เนื้อตากแห้ง ไส้กรอก ไก่รมควัน อะไรพวกนั้น...”
หลิงอวี๋ร่ายรายชื่ออาหารที่ตัวเองจำได้ออกมารวดเดียวเลย หลังจากนั้นจำไม่ค่อยได้แล้ว!
แต่นี่ก็มากพอที่จะทำให้หลิงเยว่ฟังจนตาค้างแล้ว เขากลืนน้ำลายแล้วเอามือจับพุงท้องน้อย ๆ ของตัวเอง พลางเอ่ย
“แต่ว่าเยว่เยว่พุงเล็ก กินมากขนาดนั้นไม่ไหวหรอกขอรับ!”
หลิงอวี๋หัวเราะฮ่า ๆ ออกมา แล้วยื่นมือไปขยี้ผมของเขา “เจ้าเด็กน่ารัก ใครให้เจ้าฝืนกินให้หมดกันเล่า? กินไม่ไหว เราก็กินวันละนิดได้!”
ลู่หนานกับเหล่าองครักษ์ตะลึงไปกับรายการอาหารที่หลิงอวี๋ร่ายยาวมา นี่มันอาหารเลิศรสอะไรกัน ชื่ออาหารบางอย่างพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย!
ลู่หนานเป็นนักกิน เขาไม่สนใจเซียวหลินเทียนที่อยู่ ณ ที่นั้น แล้วดึงองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ พลางกระซิบถาม “เมืองหลวงมีภัตตาคารเช่นนี้มาเปิดเมื่อใดกัน? อยู่ที่ไหน?”
องครักษ์ผู้นั้นก็กลืนน้ำลาย พลางส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ หากเจ้าสืบรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็เรียกข้าด้วย พวกเราพี่น้องนัดไปกินด้วยกันเถิด!”
ใจของเซียวหลินเทียนไม่ได้อยู่ที่อาหารเลย เขาทำแค่เพียงมองแผ่นหลังของหลิงอวี๋
หยกห้อยเอวชิ้นนั้น นางจะเอาไปขายเช่นนี้เลยหรือ?
พ่อบ้านฟั่นที่อยู่ข้าง ๆ เห็นภาพนั้น ก็แทบจะกระอักเลือด!
นั่นคือหยกห้อยเอวที่เขาจ่ายเงินซื้อมาสองร้อยตำลึงนะ! นี่จะถูกหลิงอวี๋เอาไปขายแล้ว?
นี่มันช่างเป็นอะไรที่เสียเปรียบจริง ๆ จะเอาเปรียบคนอื่นมากก็ไม่ได้ อีกทั้งยังต้องเป็นฝ่ายเสียหายเองอีก!
หมากสังเวย หมายถึง ตัวหมากที่ลงไปเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามกินแลกกับวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...