ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 53

วันรุ่งขึ้นเป็นวันครบรอบการตายของหลานฮุ่ยจวน ก่อนรุ่งสาง แม่นมลี่ก็เร่งให้ทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง แล้วรีบไปไหว้หลายฮุ่ยจวนที่วัดชิงเหลียนซึ่งอยู่นอกเมืองยี่สิบลี้

แม่นมลี่เตรียมอาหารให้ทั้งสามคนไว้ให้เอาไปกินระหว่างทาง

หลิงอวี๋แต่งตัวให้หลิงเยว่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ยกของเดินออกไป แล้วแม่นมลี่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานเอาแต่สนใจซื้อของ ๆ ๆ จนลืมจองรถม้าไปเลย

แม่นมลี่ส่งของให้หลิงซิน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปเรียกรถที่ถนน!”

หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ในตำหนักไม่มีรถม้าหรือ?”

แม่นมลี่สีหน้าลำบากใจ “หากท่านอ๋องไม่ได้สั่ง ที่โรงม้าก็ไม่สามารถเตรียมรถม้าให้พวกเราได้เจ้าค่ะ!”

“ไม่ลองจะรู้ได้เยี่ยงไรกัน!”

หลิงอวี๋นึกขึ้นได้ว่า หลิงเยว่กับปี้ไห่เฟิงผู้ดูแลโรงม้ามีมิตรภาพที่ดีต่อกัน จึงหันไปมองแล้วพูด

“เยว่เยว่ เจ้าไปกับแม่นมลี่! พวกเราออกเงินก็น่าจะได้แล้ว!”

หลิงเยว่ตอบรับอย่างแข็งขัน แล้วเดินจับมือกับแม่นมลี่เข้าไป

หลิงอวี๋รอไม่นาน รถม้าก็พาหลิงเยว่ออกมาจากประตูด้านข้างแล้ว คนที่บังคับรถม้าก็คือปี้ไห่เฟิงนั่นเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เจอปี้ไห่เฟิง เห็นว่าเขาอายุสี่สิบกว่า ใบหน้าคล้ำ ดวงตาถูกหมวกปิดไว้ข้างหนึ่งเห็นไม่ชัด มีเพียงโดยรอบมุมปากที่โผล่ออกมาเท่านั้นที่เต็มไปด้วยริ้วรอย

หลิงอวี๋ได้ยินแม่นมลี่บอกว่าปี้ไห่เฟิงบาดเจ็บที่มือขวา ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นนายทหารแล้ว จึงพาตัวเองไปเลี้ยงม้าอยู่ที่โรงม้า

อาจจะยกดาบไม่ไหวแล้วก็ได้ ถึงจะติดตามไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด จึงมักจะดื่มสุราจนเมามายอยู่บ่อย ๆ !

หลิงอวี๋คิดถึงตรงนี้ ก็มองไปที่มือของเขาโดยไม่รู้ตัว

มือที่จับบังเหียนของปี้ไห่เฟิงคือมือซ้าย มือขวาถือแส้ไว้ นิ้วของเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนทั่วไป ดูท่าทางแล้วปลายแขนส่วนบนของเขาคงได้รับบาดเจ็บมา

“ขอบคุณเจ้าค่ะลุงปี้!”

หลิงอวี๋ขึ้นรถม้าด้วยการช่วยเหลือของหลิงซิน ปี้ไห่เฟิงเองก็รอให้หลิงซินขึ้นรถม้าเสียก่อน แล้วถึงบังคับรถม้าให้ออกเดินทาง

หลิงอวี๋ซาบซึ้งใจที่ปี้ไห่เฟิงเห็นแก่หลิงเยว่ แล้วเดินทางไปด้วยในครั้งนี้ไม่ให้พวกนางต้องลำบาก

นางยกม่านกั้นตรงหน้ารถขึ้นกลางเอ่ยถาม “ลุงปี้ ข้าพอจะรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง ได้ยินแม่นมลี่บอกว่า มือของลุงบาดเจ็บ ประเดี๋ยวหากกลับมาแล้วลุงไม่รังเกียจให้ข้าช่วยดูให้เถิด!”

“ขอบคุณขอรับ แต่ไม่ต้องหรอก!” ปี้ไห่เฟิงก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน เป็นคนถนอมคำพูดราวกับทองคำ (1)

หลิงอวี๋ก็ไม่ท้อแท้เช่นกัน นางสัมผัสสภาพมือขวาของปี้ไห่เฟิงดู พบว่าทันทีที่ออกแรงจะมีความเจ็บปวดเล็กน้อย จึงบอก

“มือของลุงปี้น่าจะยังสามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้อยู่ใช่หรือไม่ นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเส้นประสาทยังไม่ได้เสียหายไปทั้งหมด ขอเพียงรักษาอย่างเหมาะสม จะต้องสามารถฟื้นคืนมาได้ดังเดิมแน่นอน! ”

“ลุงปี้ ลุงได้ยินเรื่องความแค้นของข้ากับชิวเฮ่าหรือไม่? หัวใจของข้าถูกเขาทำร้าย ข้าก็เดินออกมาอย่างดีใช่หรือไม่? ”

“ลุงปี้ลองพิจารณาดูเถิด หากอยากจะรักษา ก็มาหาข้าได้เลย!”

ปี้ไห่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อนึกถึงข่าวลือในตำหนักเมื่อหลายวันก่อน เขาก็ใจเต้นขึ้นมา

แต่เมื่อมองมือขวาของเขาที่ไม่สามารถออกแรงได้ ประกายในดวงตาของเขาก็นิ่งไปทันที

ผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว จะสามารถรักษาให้ดีได้อย่างไร!

หลิงอวี้หยุดพูดเพียงเท่านั้น ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรอีก แล้วให้หลิงเยว่เอาอาหารไปส่งให้ปี้ไห่เฟิง แล้วก็แบ่งกันกินอาหารเช้ากับพวกแม่นมลี่

ตื่นเช้ากันมาก ทั้งสี่คนจึงหลับใหลกันไปท่ามกลางแรงสะเทือนของรถม้า

กระทั่งถึงวัดชิงเหลียน ตะวันก็ทักทายขอบฟ้า รถม้าเข้าไปไม่ได้ ทั้งสี่คนจึงทำได้เพียงลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าไป

วัดชิงเหลียนสร้างขึ้นกลางภูเขา เมื่อมองจากระยะไกลดูสง่างามยิ่ง มีชายคาแบบโค้งอยู่กลางอากาศ มีต้นไซเปรสโบราณอยู่ตลอดทาง มีต้นแปะก๊วยที่สูงตระหง่าน ทั้งยังมีความงดงามและความเงียบสงบ

หลิงอวี๋ถามอย่างค่อนข้างแปลกใจ “แม่นม เหตุใดแม่ข้าถึงมาฝังอยู่ที่นี่เล่า? ตระกูลหลิงไม่มีสถานที่ฝังศพของตนรึ?”

ตระกูลใหญ่ ๆ สมัยโบราณ ล้วนมีสุสานบรรพบุรุษของตน หลานฮุ่ยจวนเป็นภรรยาคนแรกของหลิงเสียงเซิง ตามหลักแล้วนางจึงควรถูกฝังไว้ในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลหลิง!

ทันทีที่แม่นมลี่ได้ฟังคำพูดนั้น ก็ส่ายหน้าแล้วพูด “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลืมแล้วหรือ ปีก่อนที่ท่านแม่ของคุณหนูจะตาย นางตั้งใจพูดกับท่านเสนาบดีไว้ ว่าไม่อยากให้ฝังอยู่ในสุสานบรรพบุรุษตระกูลหลิง อยากจะให้ฝังที่วัดชิงหลาน”

“นางบอกว่าที่นี่สามารถมองเห็นบ้านเกิดนางได้ ในตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่นั้นมิสามารถกลับไปได้ ก็หวังว่าวิญญาณจะได้กลับไปยังบ้านเกิดเจ้าค่ะ!”

หลิงอวี๋นึกถึงปิ่นติดผมลึกลับของหลานฮุ่ยจวนแล้วถามว่า "แม่นม ไม่มีใครในครอบครัวท่านแม่ข้าอีกแล้วรึ?"

แม่นมลี่มองเธออย่างขุ่นเคืองแล้วจึงพูด "คุณหนูมีท่านตาอยู่ เดิมเป็นอัครมหาเสนาบดีอยู่ในราชวงศ์ ต่อมาหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่งก็ไปที่จางโจว เพียงแต่หลายปีมานี้ขาดการติดต่อไป ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”

หลิงอวี๋ถูกนางมองก็ไม่สบายใจ นี่ต้องเป็นเพราะว่าตัวนางเองที่ยืนกรานจะแต่งงานกับเซียวหลินเทียนให้ได้แน่นอน ท่านตาเลยโกรธ ดังนั้นถึงได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับนางเหมือนกับที่ท่านเสนาบดีทำ!

ถนอมคำพูดราวกับทองคำ หมายถึง เป็นคนประหยัดคำพูด ไม่ค่อยพูดจา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา