“แม่นม ก่อนหน้านี้เป็นข้าเองที่สับสน หลังจากนี้ข้าจะไม่มีทางสับสนอีกต่อไปแล้ว! รอให้ข้าหาเวลา ไปยอมรับผิดกับท่านปู่ ไปขอให้เขายกโทษให้ข้า!”
“ทางด้านท่านตา ข้าก็หาเวลาไปตามหาเขาเช่นกัน!”
ในความทรงจำของหลิงอวี๋ ไม่เพียงแต่ท่านเสนาบดีที่ปฏิบัติต่อนางอย่างดี ท่านอัครเสนาบดีก็รักนางมากเช่นกัน!
หลิงอวี๋ลูบจมูกอย่างรู้สึกผิด พลางพูดอย่างจริงใจ
“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว! ท่านเสนาบดีคอยดูคุณหนูเติบโต รักคุณหนูมาก ๆ มาตลอด มีหรือจะโกรธคุณหนูจริง ๆ ได้ลง!”
แม่นมลี่พูดอย่างจริงใจ “คุณหนูเป็นลูกหลานในตระกูล ขอเพียงคุณหนูก้มหัวยอมให้ก่อน มีหรือจะโกรธกับท่านเสนาบดีไปตลอดชีวิตเพราะคำพูดที่เกิดจากความโกรธของท่านเพียงชั่วครู่!”
“อื้ม ๆ ! ข้าเชื่อฟังเจ้าทั้งหมด!”
หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ขึ้นเขากันมาได้หนึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ถึงภูเขาด้านหลังของวัดชิงเหลียนแล้ว แม่นมลี่อายุมากแล้วเดินไปก็ขาสั่นไปหมด
หลิงเยว่เป็นเด็ก แม้ว่าจะขาเล็ก ๆ จะปวด แต่กลับยืนหยัดอยู่โดยไม่งอแงเลย
หลิงซินคิดจะไปแบกเขา เขาก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้ความพลางพูด “พี่หลิงซินแบกเครื่องเซ่นไหว้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว! เยว่เยว่ช่วยเหลืออะไรพี่ไม่ได้ เยว่เยว่ไปทำให้พี่เหนื่อยยิ่งขึ้นอีกไม่ได้หรอกขอรับ!”
หลิงซินพูดอยู่หลายครั้งก็ล้วนถูกเขาปฏิเสธทั้งหมด
หลิงซินจึงพูดอย่างซึ้งใจ “คุณหนูเจ้าคะ คุณชายน้อยเยว่เยว่เด็กแค่นี้ก็รู้ความถึงเพียงนี้แล้ว ในอนาคตเขาจะต้องเป็นคนที่มีอนาคตที่ดีแน่นอนเลยเจ้าค่ะ!”
แม่นมลี่ก็พูดอย่างชื่นใจ “ใช่ เยว่เยว่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทั้งยังมีมารยาท แล้วก็กตัญญูอีก!”
“ไม่เหมือนกับอธิราชน้อยของบ้านพระชายาผิงหยาง โตกว่าเยว่เยว่ก็หลายปี แต่กลับไม่รู้จักมารยาท! วัน ๆ รู้จักแต่ถือแส้พาหมาไปเดินเล่นตามท้องถนน!”
“ใครมาขวางทางเขา เขาก็จะใช้แส้หวดคนโดยไม่มีการแยกแยะถูกผิดใด ๆ เลย!”
“ใช่ บางครั้งก็ยังมีการดุด่าคนชราอย่างเกินไปด้วย บอกว่าคนชรามาขวางทางเดินของหมาเขา ทั้งยังบังคับให้คนชราคำนับขอโทษหมาของเขาด้วย!” หลิงซินพูดอย่างโกรธเคือง
“ไม่มีใครจัดการรึ?” หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลกใจ นี่มันไม่ใช่เด็กร้ายธรรมดาแล้วนะ
“มีเจ้าค่ะ… ตอนนั้นท่านเสนาบดีเดินผ่านมาพอดี พอเห็นเลยเข้าไปห้ามไว้! อธิราชน้อยผู้นั้นก็ยังไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำเอาแส้มาฟาดใส่ท่านเสนาบดีอีกเจ้าค่ะ!”
“ผลก็คือ ถูกท่านเสนาบดีแย่งแส้มาแล้วฟาดใส่เขาไปหนึ่งที!” หลิงซินพูดด้วยสีหน้านับถือ “ท่านเสนาบดีสง่ามากเลยเจ้าค่ะ!”
หลิงเยว่ฟังแล้วแววตาเป็นประกาย แล้วเอ่ยขึ้นมา “ต่อไปหากข้าโตแล้วก็จะสง่าให้เหมือนกับท่านเสนาบดี! ใช้แส้หวดใส่คนเลวที่มารังแกท่านแม่ของข้าให้ตายไปเลย!”
เหอะ ๆ หลิงอวี๋ยิ้มพลางลูบหัวเขาไปด้วย แล้วเอ่ยปากให้กำลังใจ
“เช่นนั้นเยว่เยว่ต้องกินให้มากขึ้น จะโตไปแล้วสูงด้วยแข็งแรงด้วย ถึงจะสามารถสง่าได้เหมือนกับท่านเสนาบดี!”
หลิงเยว่พยักหน้าของตั้งใจ “เช่นนั้นต่อไปข้าจะกินข้าวสามถ้วยทุกมื้อเลย! แม่นม… หากเยว่เยว่กินเช่นนี้ จะไม่กินอาหารของพวกเราหมดไปหรือไม่ขอรับ?”
แม่นมลี่หัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูดหยอกล้อ “พุงเล็ก ๆ ของเยว่เยว่รองรับข้าวสามถ้วยได้หรือเจ้าคะ?”
หลิงเยว่เอียงหัว แล้วยื่นมือไปลูบพุงเล็ก ๆ ของตน พลางมองไปทางหลิงอวี๋ด้วยใบหน้าผิดหวัง
“ท่านแม่… เยว่เยว่สามารถกินข้าวได้แค่ถ้วยเดียวเองขอรับ...”
“ฮ่า ๆ ...”
หลิงอวี๋หัวเราะในท่าทีของเขา เหตุใดเด็กผู้นี้ถึงได้น่ารักเพียงนี้นะ!
แม่นมลี่พาทั้งสามคนไปหาหลุมศพของหลานฮุ่ยจวน
หลุมศพอยู่ท่ามกลางวัชพืช เนินดินก็ถูกวัชพืชบดบังเอาไว้
หลิงอวี๋มองแล้วก็รู้สึกปวดใจ ท่านแม่ถูกฝังอยู่ที่นี่ ท่านพ่อหลิงเสียงเซิงไม่สนใจอะไรเลยหรือ?
วัชพืชเหล่านี้ขึ้นจนรก มองไปแล้วก็น่าจะมิเคยมีใครมาจัดการนานมากแล้ว
หลิงอวี๋วางเครื่องเซ่นไหว้ลง แล้วไปกำจัดพวกวัชพืชกับหลิงซิน
แม่นมลี่พร่ำบ่นไป “ท่านพ่อของคุณหนูเป็นผู้ชายใจดำที่ชอบของใหม่แล้วก็เกลียดชังของเก่า ไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนแรกท่านอัครเสนาบดีคิดเยี่ยงไร คงคิดว่าลูกชายที่ท่านเสนาบดีเลี้ยงมาจะต้องพึ่งพาได้เป็นแน่! ไหนเลยจะคิดว่าเขาจะทำผิดต่อท่านแม่ของคุณหนูไปทั้งชีวิตเลย!”
พอนางพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ในหัวของหลิงอวี๋ก็ปรากฏภาพที่หลานฮุ่ยจวนกับหลิงเสียงเซิงทะเลาะกัน
ครั้งสุดท้ายที่หลิงอวี๋ได้เจอหลานฮุ่ยจวน หลานฮุ่ยจวนก็ผอมแห้งจนกลายเป็นหลังหุ้มกระดูก นางทะเลาะกับหลิงเสียงเซิงอยู่
แล้วนางก็โวยขึ้นมา “พวกเจ้าทำร้ายข้า! หลิงเสียงเซิง ต่อให้ข้าเป็นผีข้าก็จะไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไป...”
พวกเจ้าที่พูดถึงนี้หมายถึงใครกันนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...