หลิงอวี๋เห็นนางรับใช้ร่างใหญ่หน้ากลมผู้นี้มีผิวขาวผ่อง แม้จะด่าตน แต่ประโยคสุดท้ายกลับมีท่าทีพูดที่ดีเพื่อตนเสียอย่างนั้น
นางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเขาร้องของความช่วยเหลือ… เทือกเขารกร้างห่างไกลนี้มิมีผู้ใดมาช่วยพวกเจ้าได้หรอก!”
“ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้าเป็นโรคหอบหืด! พลังหยิน(1)ในเขาลึกหนักเกินไป ทำให้หอบหืดกำเริบขึ้นง่าย!”
หลิงอวี๋ล้วงยาพ่นหอบหืดในมือออกมา กล่าวว่า “นี่คือโอสถสรรพคุณพิเศษของข้า ให้นางสูดหายใจเข้าสักหน่อยแล้วนางจะพ้นอันตราย!”
แม่นมเว่ยมองขวดประหลาดบนมือหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าระมัดระวัง มิเชื่อคำพูดนางอย่างเด่นชัด
“แบบนี้...”
หลิงอวี๋เปิดฝาพ่นใส่จมูกของตัวเองสองสามทีแล้วกล่าว
“แม่นมเจ้าดูสิ ไม่มีสิ่งใดมิเหมาะ! ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้ายังเป็นโรคกลัวด้วย หากหายใจไม่ออกมาจะม่องเท่งเอานะ!”
“แม้พวกเจ้าจะไปเรียกคนแล้ว แต่ถ้าฮูหยินใหญ่ยังมิได้รับการรักษาตัวอยู่อีก คาดว่าจะรอไม่ทันคนมาน่ะสิ! เจ้าดูนี่ สีหน้าฮูหยินใหญ่ม่วงหมดแล้ว!”
แม่นมเว่ยก้มศีรษะต่ำลงมอง เห็นฮูหยินใหญ่ของตัวเองสีหน้าม่วงจริง เพียงหายใจออกแต่ไม่หายใจเข้าแล้ว!
นางรีบจับมือฮูหยินใหญ่ทันควัน ก่อนจะตะโกนทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง “ท่าน… ฮูหยินใหญ่!”
“ยาของเจ้าได้ผลขนาดนั้นจริงหรือ?” นางรับใช้รีบเอ่ยถาม
“แน่นอน หากข้าช่วยชีวิตฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้ามิได้ ข้าคงมิสอดมือเรื่องของชาวบ้าน!”
“มิหนำซ้ำที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา ข้ามิกล่าวเท็จ ช่วยชีวิตคนหนึ่งชีวิตได้กุศลมหาศาลยิ่งกว่าทำบุญสร้างสถูปเจดีย์เจ็ดชั้น… แม้ข้ามิใช่นักพรตแต่ก็มีความโอบอ้อมอารี!”
คำพูดของหลิงอวี๋คราวนี้ขจัดความกังวลของนางรับใช้ไปแล้ว นางรับใช้รีบกล่าวว่า
“แม่นมเว่ย ให้… ให้ฮูหยินใหญ่ใช้ยาเถอะ! อย่างไรก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว...”
“เรา… มิอาจมองอยู่เฉย ๆ ดูฮูหยินใหญ่จากไปเช่นนี้ได้...”
นางรับใช้ดึงปกคอเสื้อของแม่นมเว่ยอย่าแรง กระซิบอะไรบางอย่างใกล้หูของนาง
“แม่นมเว่ยถึงกับลังเลใจแล้วพยักหน้า “ได้… ฮูหยินท่านนี้ หากท่านช่วยฮูหยินใหญ่ของพวกเราได้จริง ท่านไม่เพียงมีพระคุณช่วยชีวิตฮูหยินใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณของข้าและไป่ซุ่ยอีกด้วย… พวกเราจะตอบแทนท่านแน่นอน!”
หลิงอวี๋ไม่สนใจกับคำพูดเพ้อเจ้อของพวกนาง รีบเดินไปข้างหน้าแล้วคุกเข่าลงข้างกายฮูหยินใหญ่ ป้อนยาบรรเทาอาการวูบวาบสองสามเม็ดไว้ใต้ลิ้นของนาง
จากนั้นพ่นโอสถโรคหอบหืดให้ฮูหยินใหญ่
นางจับชีพจรของฮูหยินใหญ่ด้วยท่าทางมีประสบการณ์และทักษะทำให้แม่นมเว่ยกับไป่ซุ่ยมองกันและกัน ทั้งสองล้วนวางใจได้เล็กน้อย
คนผู้นี้ชำนาญวิชาแพทย์จริง ๆ !
หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าการหายใจของฮูหยินใหญ่ดีขึ้นบ้างแล้ว จึงบอกใบ้แม่นมเว่ยกับไป่ซุ่ยประคองฮูหยินใหญ่ขึ้นนั่ง ทั้งยังพ่นโอสถให้นางอย่างต่อเนื่อง
พวกแม่นมลี่และหลิงซินมาถึง ครั้นเห็นหลิงอวี๋กำลังช่วยชีวิตคนก็ไม่กล้ารบกวนนางจึงมองดูอยู่ห่าง ๆ
ใช้เวลาราว ๆ หนึ่งก้านธูป ฮูหยินใหญ่ก็หายใจราบรื่นแล้ว สีหน้าก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกัน
เมื่อหลิงอวี๋เห็นนางกะพริบตาอยากกล่าวคำ ก็ถอดขวดพ่นลงกล่าวว่า “ฮูหยินใหญ่ ท่านอยากเอ่ยสิ่งใดหรือ?”
ฮูหยินใหญ่กลืนน้ำลายถึงเอ่ยว่า “โอสถนี้ของเจ้าทำจากอะไร? อ่า… ข้ารู้สึกสบายยิ่ง!”
“โรคนี้ข้าหาหมอที่มีชื่อเสียงมามากมายแล้ว แต่ไหนมาก็ยังไม่เคยใช้ยาแบบนี้ของเจ้ามาก่อน!”
หลิงอวี๋คลี่ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “นี่คือยาฉุกเฉิน เป็นตัวข้าเองทำขึ้นมาเป็นพิเศษ!”
“ฮูหยินใหญ่ ป่วยครานี้ท่านโชคดีที่บังเอิญพบข้าเข้า หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นนั่นก็ยากที่จะกล่าวแล้ว!”
ฮูหยินใหญ่ผงกศีรษะ ถอนหายใจกล่าวว่า “สภาพของตัวข้าเองย่อมรู้ตัวดี! อันที่จริง… ถ้าไม่มีเจ้า ครานี้ข้าคงอยู่ในเงื้อมมือจ้าวแห่งความตายจริง ๆ แล้ว!”
“ฮูหยินใหญ่ ท่านพูดได้แล้ว? ท่านไม่เป็นอะไรแล้ว? ขอบคุณสวรรค์ที่คุ้มครอง!”
แม่นมเว่ยมองฮูหยินใหญ่ไม่ได้หอบหายใจแล้ว ก่อนจะคุกเข่าลงที่เดิมด้วยความตื่นเต้นแล้วกราบแสดงความเคารพ
“ขอบคุณฮูหยินท่านนี้ ท่านช่วยชีวิตฮูหยินใหญ่ของพวกเราไว้ บ่าวขอคำนับให้ท่านแทนฮูหยินใหญ่ของพวกเราแล้ว!”
“มิกล้ารับ มิกล้ารับ!”
หลิงอวี๋ประคองนางขึ้นอย่างตะลีตะลาน เอ่ยว่า “ช่วยชีวิตคนหนึ่งชีวิตได้กุศลมหาศาลยิ่งกว่าทำบุญสร้างสถูปเจดีย์เจ็ดชั้น ข้าเป็นหมอ ไฉนเลยจะมองดูคนตายมิช่วยเหลือได้! ข้ารับมรรยาทนี้ของแม่นมไว้มิได้หรอก!”
“ย่อมรับได้… ย่อมรับได้!”
ไป่ซุ่ยก็คุกเข่าลงคำนับให้หลิงอวี๋เช่นกัน “เพียงท่านช่วยชีวิตฮูหยินใหญ่ของพวกเราได้ ท่านก็ถือว่าช่วยชีวิตบ่าวกับแม่นมเว่ยด้วยแล้ว! บ่าวมิมีสิ่งใดจะตอบแทนเจ้าได้ในเวลานี้ งั้นก็คำนับให้เจ้าสามทีเถอะ!”
นางไม่สนใจแล้วก็คำนับสามทีเสร็จถึงลุกขึ้น
แม่นมเว่ยเห็นไป่ซุ่ยคำนับก็ไม่ได้คำนับอีก ดึงหลิงอวี๋มากล่าวว่า
“ฮูหยิน ท่านล้วนมองออกว่า สุขภาพฮูหยินใหญ่ของพวกเราป่วยเป็นโรคอะไร และยังมีโอสถสรรพคุณพิเศษที่ช่วยได้ แล้วมีโอสถสรรพคุณพิเศษที่ช่วยฮูหยินใหญ่ของพวกเรากำจัดต้นตอของโรคหรือไม่?”
พลังหยิน เป็นตัวแทนของความมืด ความเย็น ความสงบ การหยุดนิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...