หลิงอวี๋เห็นฮูหยินใหญ่กำลังมองตนอย่างกอดความหวังไว้เช่นกัน นางจึงยิ้มสักพักกล่าวว่า
“ขออภัยฮูหยินใหญ่ โรคเจ็บป่วยนี้จะกำเริบขึ้นบ่อยครั้ง ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้!”
ดวงตาของฮูหยินใหญ่หมองลง หลิงอวี๋ค่อนข้างอดกลั้นไม่ไหว ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง นางจนปัญญาทนสายตาที่สิ้นหวังของผู้ป่วยเป็นที่สุด
นางรีบกล่าวปลอบโยนว่า “แต่ข้าสามารถสอนหลายวิธีป้องกันการกำเริบต่อท่านได้! ท่านทำตามสิ่งที่ข้าบอกและดูแลรักษาให้ดีก็จะไม่กำเริบง่าย ถึงขั้นไม่กำเริบในอนาคตอีกด้วย!”
อ่า มีดีขนาดนี้เชียวหรือ?
แม่นมเว่ยกล่าวทันทีว่า “ฮูหยิน พวกเราจะไปทำตามวิธีที่ท่านสอนแน่นอน ท่านช่วยบอกว่าควรใส่ใจกับสิ่งใด! ไป่ซุ่ย เจ้าก็ตั้งใจช่วยฮูหยินใหญ่จำด้วย!”
หลิงอวี๋ตอบว่า “ข้อแรกคือใส่ใจการบริโภค กินแค่ของอ่อนและกินผักผลไม้ให้มากเช่น ไชเท้าและบวบเป็นต้น พวกมันมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ขับเสมหะและล้างปอด เป็นประโยชน์ต่อคนเป็นโรคหอบหืดอย่างยิ่ง”
หลิงอวี๋บอกไป่ซุ่ยเกี่ยวกับอาหารที่ควรเลี่ยงและกินได้ ครั้นดูท่าทีของไป่ซุ่ยที่จดจำลำบาก นางก็กล่าวขึ้นว่า
“สักครู่ข้าจะไปยืมพู่กันกับกระดาษเขียนให้เจ้าแล้วกัน!”
ไป่ซุ่ยพยักหน้าเข้าใจอย่างซาบซึ้ง
“ข้อสอง ต้องออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เดินเล่นหลังอาหารและข้าจะสอนวิธีรำไท่เก๊กเจ้าหนึ่งชุดมันช่วยออกกำลังกายได้ แถมยังช่วยยืดอายุให้ยาวนานได้ด้วย...”
หลิงอวี๋นึกถึงมวยไท้เก๊กที่คุณปู่ในอดีตฝึกปรืออยู่บ่อย ๆ ก็กล่าวว่า
แม่นมเว่ยได้ยินว่ายืดอายุให้ยาวนาน ดวงตาล้วนทอประกายไม่รอให้หลิงอวี๋กล่าวคำก็เอ่ยขึ้น
“ฮูหยินใหญ่ บ่าวคิดว่ามิสู้เชิญฮูหยินท่านนี้มาพักที่วัดชิงเหลียนสักสองวันเถิด! ให้ท่านฝึกฝนวิธีรำไท่เก๊กกับแม่นาง แบบนี้ดีกว่ากินยา!”
ฮูหยินใหญ่ก็เกิดความคิดเปลี่ยนใจ อมยิ้มมองหลิงอวี๋กล่าวว่า “มิรู้ว่าจะทำให้ฮูหยินผู้นี้เสียเวลาหรือไม่!”
หลิงอวี๋ยังไม่ทันตอบ แม่นมลี่ก็กล่าวที่อยู่ข้างๆ โพล่งขึ้นว่า “คุณหนู เยว่เยว่กว่าจะได้ออกมาเที่ยวเล่น วันพรุ่งวัดชิงเหลียนได้จัดงานวัด เอิกเกริกเป็นอย่างมาก!”
“มิฉะนั้นเราก็จะพักที่วัดชังเหลียนสักวันหนึ่ง วันพรุ่งให้เยว่เยว่ไปร่วมงานแล้วค่อยกลับ!”
หัวใจหลิงอวี๋เต้นผิดจังหวะ เมื่อนึกถึงชีวิตวัยเด็กที่น่าสลดของหลิงเยว่ ก็พยักศีรษะกล่าวว่า “ก็ได้ งั้นก็พักสักวันหนึ่งเถอะ!”
“ไป่ซุ่ย เจ้าลงไปก่อน ครั้นเห็นหลิวจื่อก็สั่งให้ไปตระเตรียมที่พักสำหรับฮูหยินท่านนี้เสียก่อนและให้พักอยู่ห้องข้าง ๆ ฮูหยินใหญ่ด้วยเถอะ!”
แม่นมเว่ยใช้สายตาบอกใบ้ไป่ซุ่ย และไป่ซุ่ยก็รีบตอบรับก่อนจะวิ่งรุดออกไป
“ฮูหยิน บ่าวยังมิรู้ว่าจะเรียกท่านว่ากระไร?” แม่นมเว่ยเอ่ยถาม
“ข้านามหลิงอวี๋ เขาคือหลิงเยว่บุตรชายของข้า นั่นแม่นมลี่และหลิงซิน!” หลิงอวี๋แนะนำทั้งสี่คนให้รู้จักอย่างใจกว้างไปรอบหนึ่ง
“จากจวนใด?”
แม่นมเว่ยรู้สึกว่าชื่อแซ่นี้ของหลิงอวี๋คุ้นหูอยู่บ้างเลยเอ่ยถาม
“ตำหนักอ๋องอี้...”
เดิมทีหลิงอวี๋ไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้จึงตอบอย่างขอไปที
“ท่านแม่นม เราลงเขากันก่อนเถิด! ในป่านี้พลังหยินหนาเกินไปมันไม่ดีต่อสุขภาพของฮูหยินใหญ่ มาเถอะ ข้าช่วยท่านประคองฮูหยินใหญ่ลงไป!”
“เดิมทีเป็นชายาอ๋องอี้...”
แม่นมเว่ยร้องเสียงตระหนกและมองฮูหยินใหญ่โดยสัญชาตญาณ
ฮูหยินใหญ่ถลึงตามองนางกล่าวว่า “ข้าแซ่เหลียง วันนี้พบกันโดยบังเอิญ หากพระชายาไม่รังเกียจก็เรียกข้าว่าฮูหยินใหญ่เหลียงเถิด!”
“ฮูหยินใหญ่เหลียง!” หลิงอวี๋เรียกขึ้นอย่างเชื่อฟังแล้วช่วยแม่นมเว่ยประคองฮูหยินใหญ่ลงเขา
ระหว่างทาง หลิงอวี๋เล่าความรู้การถนอมสุขภาพประปรายให้ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่เหลียงฟังแล้วก็ผงกศีรษะติดต่อกัน คลี่ยิ้มกล่าวว่า
“วันนี้ข้าโชคดีเสียจริงที่ได้บังเอิญพบท่านเข้า สิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูด หมอพวกนั้นต่างไม่เคยบอกข้ามาก่อนเลย! ข้าจะทำตามวิธีดูแลรักษาสุขภาพที่ท่านสอนเป็นแน่!”
“หากฮูหยินใหญ่ทำตามที่ข้ากล่าวได้ สามารถยืดอายุให้ยาวนานได้เป็นแน่ มีชีวิตร้อยปีก็ไม่เป็นปัญหา!”
หลิงอวี๋คิดว่าคนชราชอบฟังคำพูดพลังบวกก็ไม่ใจแคบที่จะกล่าวออกมา
“เหอะ ๆ อย่างนั้นจะรับคำอวยพรของท่านไว้ ขอบคุณแล้ว!”
ฮูหยินใหญ่ยิ้มตาหยีสุขใจกับคำพูดของหลิงอวี๋
เมื่อคอยให้ถึงวันชิงเหลียน ไป่ซุ่ยก็ออกมาต้อนรับแล้ว กล่าวเคารพนบนอบว่า “ฮูหยินใหญ่ แม่นมเว่ย จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายาอ๋องอี้กับพวกนางก็อยู่ข้าง ๆ ห้องฮูหยินใหญ่ด้วย!”
“อือ! พาชายาอ๋องอี้กับพวกนางไปพักผ่อนเก็บข้าวของก่อนเถิด ข้าก็จะไปพักเสียหน่อย อีกสักพักค่อยรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน… ไปกำชับห้องครัวทำอาหารเจเยอะ ๆ ด้วย!” ฮูหยินใหญ่เหลียงกล่าวยิ้มตาหยี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...