ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 60

“คุณหนู ทำเช่นไรดีเจ้าคะ?”

“งานเฉลิมฉลองของไทเฮาเชิญท่านไป เราก็ต้องเตรียมของขวัญถวายไทเฮา ยังต้องซื้อชุดเสื้อผ้าให้ท่านสวมไปงานด้วย!”

ระหว่างทางกลับ แม่นมลี่นึกถึงเงินห้าสิบตำลึงที่หลิวอวี๋ให้ตนก็เกิดความกลุ้มใจ

ของขวัญถวายไทเฮามิอาจกระจอกงอกง่อยได้ เสื้อผ้าที่คุณหนูสวมเข้าวังก็มิอาจะกระจอกงอกง่อยได้เช่นกัน!

นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ผลาญเงินยิ่ง แต่เหลือเวลาแค่สิบกว่าวันก็ถึงวันงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพแล้ว จะไปหาเงินได้จากไหนเล่า!

หลิงอวี๋กล่าวคัดค้านว่า “แม่นม พระนางแค่พูดตามพิธีรีตองเท่านั้น ไยเจ้าคิดเป็นจริงเป็นจัง!”

“อ่า ตามพิธีรีตอง? เป็นไปมิได้! คำพูดดั่งทองวาจาดั่งหยกของไทเฮา จะตรัสความเท็จได้เยี่ยงไร?” แม่นมลี่ผงะสักพัก

“เมื่อก่อนในวังจัดงานเฉลิมฉลองอะไรก็ไม่เคยเชิญข้า! ไทเฮาจะทรงละเว้นได้เยี่ยงไร!”

หลิงอวี๋ยิ้มอ่อนจาง “ข้าช่วยคนเป็นหน้าที่ ไม่อยากได้อะไรจากพระนาง! แม่นมก็อย่าพะวงไป… หากต้องพะวงจริง ๆ ก็คอยจนกว่าจะได้เห็นบัตรเชิญค่อยว่ากันเถอะ!”

ครั้นแม่นมลี่ได้ฟังคำพูดเช่นนี้ของนางก็หวนนึกถึงทัศนคติของราชวงศ์ที่มีต่อหลิงอวี๋กับหลิงเยว่ก็เลยไม่กอดความหวังแล้วเช่นกัน!

ทั้งสี่คนนั่งรถม้าของปี้ไห่เฟิงกลับตำหนักอ๋องอี้ หลิงอวี๋บอกให้แม่นมลี่มอบเงินสิบตำลึงแก่ปี้ไห่เฟิง

ทว่าปี้ไห่เฟิงมิรับ กล่าวตรงไปตรงมาว่า “พระชายา กระผมส่งพวกท่านมิใช่เพื่อเงิน แต่ทว่าคือเอ็นดูเสี่ยวเมา เด็กผู้นี้ฉลาดมีเมตตา ขอเพียงพระชายาทรงทำดีกับเขาต่อไปก็พอแล้ว!”

หลิงอวี๋หน้าแดง ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนนางเหลวไหลเกินไปแล้วจริง ๆ ...

จากนี้ไปนางจะพยายามเปลี่ยนแปลงความประทับใจของทุกคนที่มีต่อตัวเอง!

“ข้าจะทำนะ! ขอบคุณลุงปี้!”

หลิงอวี๋โค้งคำนับทางปี้ไห่เฟิงอย่างรู้งานและกล่าวขอบคุณ

หลังพักผ่อนไปหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋ก็พาหลิงเยว่ หลิงซินและแม่นมลี่ไปซื้อของ และยังพกยารักษาแผลของตัวเองมาด้วย อยากหาร้านโอสถสมุนไพรคุยเรื่องสร้างรายได้

ครั้นแม่นมลี่ได้ยินว่า หลิงอวี๋ต้องการขายโอสถจึงพานางไปโรงหุยชุนที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวง

ทว่าเมื่อทั้งสี่คนเพิ่งเข้าไป หลิงอวี๋เพียงกล่าวถึงเรื่องขายโอสถ เถ้าแก่ก็เอ่ยอย่างเหลืออดว่า

“โอสถรักษาแผลอะไรจะดีเท่าโอสถของโรงหุยชุนเรา?”

“เป็นสตรีเรียนหมอมาไม่กี่ปีก็กล้าคุยโวว่ายารักษาแผลของเจ้าดีที่สุด!”

“ไป ๆ หากรู้จักวางตัวก็ไปเอง… อย่าให้ข้าเรียกคนไล่พวกเจ้าไป!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็เงียบไม่กล่าวคำเพียงดึงหลิงเยว่ออกไปแล้ว

คนเลือกปฏิบัติผู้นี้ปฏิเสธนางทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดูโอสถรักษาแผลของตนเลยด้วยซ้ำ วันหน้ารอให้โอสถของตนขายดีนะข้าจะปล่อยให้เขานึกหวนเสียใจทีหลัง!

“คุณหนู...”

แม่นมลี่วิ่งแช่มช้าไล่ตามออกมากล่าวเสียงแผ่วว่า

“โรงหุยชุนนี้โด่งดังมากในเมืองหลวงเปิดร้านสาขามากมาย! หากเถ้าแก่ผู้นี้ไม่รับ… ร้านสาขาอื่น ๆ ก็จะไม่รับเหมือนกัน!”

“ข้ามิเชื่อว่านอกจากโรงหุยชุนแล้ว โอสถของข้าจะขายมิออก! พวกเราหาร้านยาสมุนไพรอื่นกันเถอะ!”

หลิงอวี๋กำลังพาพวกนางเข้าร้านยาสมุนไพรสาขาย่อยอย่างเชื่อมั่น ทว่าเข้าไปติดต่อกันหลายร้านแล้ว ผู้อื่นก็มองนางเป็นแค่สตรีผู้หนึ่งจึงไล่พวกนางออกไปอย่างเปิดเผย

ไม่มีใครสักคนยอมดูโอสถรักษาแผลของหลิงอวี๋เลย

แม่นมลี่ถอดใจเสียแล้วเอ่ยอย่างเศร้าซึมว่า

“คุณหนู ท่านไร้ชื่อเสียงเรียงนาม คนอื่นเลยไม่ต้องการโอสถของท่าน! บ่าวดูแล้วช่างมันเถิดเจ้าค่ะ! เราค่อยคิดลู่ทางร่ำรวยทางอื่น!”

“หิวกันรึยัง เราหาที่กินข้าวก่อนเถอะ พอกินเสร็จแม่นมเจ้าก็พาเยว่เยว่กลับไป ข้ากับหลิงซินจะหากันต่อ ข้าไม่เชื่อว่า ในเมืองหลวงใหญ่โตนี้จะมิมีผู้ใดรู้ถึงสรรพคุณโอสถ!”

หลิงอวี๋บ่ายหน้าไปก็เห็นมีภัตตาคารเจียจี๋เสียง(1)อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า

“ชื่อเป็นมงคลเช่นนี้เราไปกินที่นี่กันเถอะ ขอนิมิตดี!”

คำพูดของหลิงอวี๋เพิ่งจะหยุดใบหน้าของแม่นมลี่ก็ซีดลงแล้ว ก่อนจะห้ามอย่างตะลีตะลาน

“คุณหนู มิได้เจ้าค่ะ ท่านลืมแล้วหรือว่า นี่คือภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมืองหลวง การกินอาหารมื้อหนึ่งที่นี่ราคาต่ำสุดก็ปาไปหลายร้อยตำลึงเงินแล้ว!”

“แพงขนาดนี้เชียว?” หลิงอวี๋กะพริบตาแล้วนึกถึงในถุงผ้าไร้เงินรู้สึกหนักใจ

ภัตตาคารที่ดีที่สุดย่อมเสียค่าใช้จ่ายแพงแน่นอน พวกนางมีเพียงห้าสิบตำลึงเงินในถุงเท่านั้นเอง!

หลิงอวี๋เพิ่งคิดก็ถอดใจ

ก่อนจะมีเสียงถากถางของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นด้านข้าง

“อ้าว นี่มิใช่ชายาอ๋องอี้รึ?”

หลิงอวี๋บ่ายหน้าไปมองและในความทรงจำก็ผุดชื่อหนึ่งขึ้น… เสิ่นจวน!

นี่คือบุตรผู้น้องของเซียวหลินเทียน บุตรีของพี่ใหญ่อวิ๋นเฟย

เสิ่นจวนมีคิ้วโค้งได้รูปดวงตาเฉี่ยว รูปร่างสง่าผึ่งผายและส่วนเว้าส่วนโค้งสมบูรณ์แบบ

นางสวมกระโปรงยาวสีชมพู ลำตัวช่วงบนเป็นเสื้อรัดรูปสีชมพูลายมืดวิจิตรปักสีแบบเดียวกัน

เกศาม้วนขึ้นอยู่ยอดศีรษะ และเหลือปอยไว้เล็กน้อยถักเป็นเปียเล็ก ๆ ห้อยลงอยู่หน้าอก ดูแล้วมีเสน่ห์อยู่บ้าง

แต่น้ำเสียงจากปากนี้กลับเปี่ยมด้วยความถากถาง!

หลิงอวี๋นึกถึงความรักใคร่ที่เสิ่นจวนมีต่อเซียวหลินเทียนตลอดมา และทุกคราที่มาจวนอ๋องอี้ล้วนติดตามเซียวหลินเทียนไปทุกที่ ช่างเอาใจใส่ยิ่ง

หลิงอวี๋ทะเลาะเรื่องนี้กับเสิ่นจวนไปหลายหนแล้ว!

เสิ่นจวนก็ไม่ลงรอยกับนางเช่นกัน ทุกครั้งที่พบล้วนต้องแดกดันถากถางและแย่งชิงสิ่งของที่นางชอบ

พอหลิงอวี๋เห็นเป็นนางก็ดึงหลิงเยว่หันกายหมายผละไป นางออกมากินข้าวแล้วอารมณ์กำลังดี ไม่อยากเสียอารมณ์เพราะสตรีผู้นี้!

“ทำไม? เพิ่งมาก็ต้องไปแล้ว? เงินไม่พอ จ่ายไม่ไหวรึ!”

แต่เสิ่นจวนกลับยังไม่ปล่อยนางไป กล่าวถากถางว่า “ได้ยินมาว่าเจ้ายืมเงินกู้ดอกเบี้ยสูงยังไม่คืน! ถ้าไม่มีเงินก็ซ่อนอยู่ตำหนักอย่าออกมาสิ แจ้นออกมาให้ท่านพี่หลินเทียนของข้าต้องขายหน้าแล้ว!”

เหล่าคุณหนูสหายสนิทสองสามคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเสิ่นจวน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้น

เจิงจื่ออวี้บุตรีของเฉิงช่างชูก็เกือบทะเลาะลงไม้ลงมือเพื่อกระโปรงตัวเดียวกับหลิงอวี๋เหมือนกัน พอกลับไปบิดานางก็รู้เข้าเลยต่อว่านางไปหนึ่งชุด

นางรู้สึกขัดตาหลิงอวี๋มาตลอด พอได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวถากถางว่า “เสิ่นจวน เจ้าก็เหมือนกัน รู้แจ้งว่านางจ่ายไม่ไหวยังจะพูดอันใดอีก!”

“คนเช่นนี้ อย่าบอกให้ซ่อนในตำหนักเลย หากข้าเป็นนางคงปลิดชีพตนไปนานแล้ว! เพราะการมีชีวิตอยู่ใต้หล้าทำให้ขายหน้าเป็นที่สุด!”

ครั้นได้ยินคำพูดถากถางแบบนี้ คุณหนูเหล่านั้นก็ยิ่งหัวร่อมีความสุขมากขึ้น!

ท่ามกลางหมู่พวกนางมีสตรีนางหนึ่งมิหัวเราะ ทำเพียงจ้องมองหลิงอวี๋สายตาอาฆาต ท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันนั้นราวกับหลิงอวี๋ติดหนี้นางหลายล้านยังมิคืนก็ไม่ปาน!

หลิงอวี๋มิได้ใส่ใจสตรีนางนั้น ทำเพียงยิ้มให้เจิงจื่ออวี้กล่าวว่า

“ปลิดชีพตน? ร่างกายอวัยวะมาจากบิดามารดามอบให้ ท่านแม่เจ้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและคลอดเจ้าอย่างยากลำบาก ก็เพื่อให้เจ้าพยายามคิดฆ่าตัวตายเนื่องประสบอุปสรรคเล็กน้อยหรือไร?”

“เจ้าไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งรึ? ใต้หล้านี้มีผู้ใส่ร้ายข้า รังแกข้า ด่าข้า หัวเราะข้า ดูถูกข้า ดูหมิ่นข้า เกลียดข้าและหลอกข้าแล้วข้าควรจัดการเช่นไรดี?”

“แค่ต้องอดทน ปล่อยวาง เมินเฉย หลีกเลี่ยง ห้ามใจ นอบน้อมและไม่ต้องไปสนใจเขา รออีกสักสองสามปีดูว่าเขาจะเป็นเยี่ยงไร!” “

หลิงอวี๋ยิ้มอย่างถากถาง “อยากหัวเราะข้า ก็รอตอนที่เจ้าสามารถดูถูกข้าได้ค่อยพูดเถอะ!”

หลังหลิงอวี๋กล่าวจบก็จูงหลิงเยว่ที่กำลังโกรธจนแก้มเล็ก ๆ ป่องเดินจากไป

เจิงจื่ออวี้ก็รู้ตำราเช่นกัน นางตริตรองคำพูดหลิงอวี๋สักพักถึงมีปฏิกิริยาโมโหจนหน้าซีด

“หลิงอวี๋นางหญิงสารเลวผู้นี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าด่าข้าได้!!”

ภัตตาคารเจียจี๋เสียง (家吉祥酒楼) แปลว่า เป็นภัตตาคารที่มีชื่อว่าโชคลาภของครอบครัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา