ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 63

แต่ว่าเวลานี้นางกำลังขาดแคลนเงินมิใช่รึ?

นางไม่รังเกียจทองคำ เงิน หรืออัญมณีสามัญ ๆ หรอกนะ เอาสิ่งพวกนั้นมาอาบนางเลยเถอะ!

งานเฉลิมฉลองพระราชสมภพอะไรกันเปล่าประโยชน์ที่สุด!

เพราะคุณหนูชอบสิ่งของที่จับต้องได้จริง!

แม่นมลี่ใจเต้นผิดจังหวะ เคลื่อนตัวเข้าใกล้หลิงอวี๋กล่าวเสียงแผ่ว

“แรกเริ่มสิ่งที่ไทเฮาตรัสเป็นความจริง! คุณหนู บ่าวบอกแล้ว ท่านจะได้รับเทียบเชิญจากไทเฮาในครานี้แน่นอน!”

“ถูกต้อง ลือกันว่าไทเฮามิโปรดเสียงดัง ฉะนั้นงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพครานี้ไม่ได้เชิญคนเยอะมากมัก!”

“เริ่มส่งเทียบเชิญในวังเมื่อเช้านี้ เล่ากันว่าไม่เกินร้อยคน… และตัวข้าได้รับเทียบเชิญแล้ว! พวกเจ้าได้หรือยัง?”

ชายาผิงหยางกวาดสายตามองทุกคนอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องเต็มประดา แถมยังเจาะจงมองไปทางหลิงอวี๋เป็นพิเศษ

“เพียงร้อยคนเองหรือเพคะ? งั้นเทียบเชิญนี้ช่างเลอค่าเสียจริง! ห่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง ท่านพ่อหม่อมฉันได้รับหนึ่งใบแล้วสามารถพาคนไปด้วยได้คนหนึ่ง ท่านแม่เลยบอกให้หม่อมฉันไป!” เสิ่นจวนก็กล่าวกระหยิ่มยิ้มย่องเช่นเดียวกัน

เจิงจื่ออวี้เองก็เร่งเอ่ยว่า “ท่านพ่อหม่อมฉันก็ได้รับแล้วหนึ่งใบ สามารถพาคนคนหนึ่งไปได้ ท่านแม่ก็ให้โอกาสหม่อมฉันไปเหมือนกัน!”

ตู้ตงหงบุตรีของรองเจ้ากรมสงครามกล่าวด้วยสีหน้าหมองหม่น “ท่านพ่อหม่อมฉันได้รับมาหนึ่งใบ ทว่าไปได้เพียงคนเดียวหม่อมฉันไม่อาจไปได้เพคะ!”

สวี่เหยียนบุตรีของวิญญูสำนักฮั่นหลินส่ายศีรษะกลัดกลุ้ม “ท่านพ่อหม่อมฉันมีคุณสมบัติมิพอ ไม่ได้รับเทียบเชิญ ช่างอิจฉาพวกเจ้าจริง ๆ ที่ได้ไปร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮา!”

เจิงจื่ออวี้สบสายตารู้ใจกันกับเสิ่นจวน การได้เข้าวังถือว่าเป็นเกียรติยิ่ง แต่นี่ล้วนเทียบกับการมีหน้ามีตาในสังคมมิได้ทั้งสิ้น

เมื่อถึงคราวนั้นเป้าหมายแท้จริงของพวกนางคือองค์ชายและคุณชายมั่งคั่งที่ได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพต่างหาก!

ไม่ว่าจะเข้าตาองค์ชายหรือคุณชายมั่งคั่งก็สามารถทะยานขึ้นยอดกิ่งไม้เป็นหงส์ฟ้า(1) จากนั้นก็ได้เสพสุขชีวิตร่ำรวยเงินทองไปชั่วชีวี!

ตู้ตงหง สวี่เหยียนรวมถึงคุณหนูที่ช่วงอายุเหมาะจะออกเรือนไม่ได้ไป ทำให้พวกนางแอบรู้สึกยินดีในใจ เนื่องจากนี่เป็นสัญลักษณ์ว่าคู่แข่งของตนน้อยลงแล้ว!

ทั้งสองคนแอบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ อีกยังคิดว่าท่านพ่อของตนช่างมีอำนาจอิทธิพลยิ่งนัก!

ฉินรั่วซือมีสีหน้าลนลานไม่เป็นสุขและไม่ได้สนใจว่าพวกนางกำลังพูดสิ่งใดกัน นางกำลังจ้องเขม็งหลิงอวี๋อยู่ตลอด เก็บงำความขุ่นเคืองเอาไว้

ฉินซานอายุยี่สิบกว่าปีแล้วและยังไม่เคยสมรส

ญาติมิตรสหายไม่น้อยเสนอการสู่ขอแก่เขา ทว่าเขาล้วนปฏิเสธหมดสิ้น

ฉินรั่วซือเป็นสหายสมัยร่ำเรียนเขียนอ่านของเซียวทงองค์หญิงหก หลังจากที่เซียวทงพบฉินซาน หัวใจดวงนี้ก็พลันตกอยู่กับฉินซานในบัดดล

เซียวทงบอกความในใจของตนอย่างนิ่มนวลต่อฉินรั่วซือหลายหน แต่ฉินรั่วซือไม่กล้าออกความเห็นใด ๆ

นางรู้ว่าฉินซานตัดใจจากหลิงอวี๋ไม่ได้มาตลอด นางคิดอยากแนะนำพี่ชายกับองค์หญิงหกอภิเษกสมรสกัน แต่ก่อนอื่นต้องทำให้ฉินซานตัดใจจากหลิงอวี๋ได้เสียก่อน

มิเช่นนั้น หากทำไม่สำเร็จองค์หญิงหกคงกริ้วแทบขาดใจเป็นแน่!

ฉินรั่วซืออายุจวนสิบเจ็ดปีแล้วเป็นเพราะบิดาถึงแก่กรรมเร็วเป็นเหตุให้ฐานะยากจน ส่วนเรื่องสู่ขอล้วนสูงไปก็รับไม่ไหว ต่ำไปก็ไม่เอา(2)!

เวลานี้แม้ว่าฉินซานจะก้าวหน้าในฐานะเเม่ทัพทหารม้าและองครักษ์มือดาบ แต่เรื่องการตบแต่งของนางก็ยังไม่ราบรื่นนัก!

หากปรารถนาออกเรือนให้สุขสบายต้องมีคนมากอิทธิพลคอยหนุนหลังยิ่งกว่านี้!

และองค์หญิงหกก็คือคนหนุนหลังชั้นยอดที่ฉินรั่วซือเกี่ยวพันได้

การเป็นน้องสาวสามีขององค์หญิงหกนี่มิใช่เป็นทางลัดทางหนึ่งหรอกหรือ?

ฉะนั้น ฉินรั่วซือจึงพร่ำเอ่ยสิ่งดี ๆ ขององค์หญิงหกอยู่ข้างหูฉินซานเป็นเนืองนิตย์ ทว่าทำแบบนี้ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน!

หากคิดอยากให้ฉินซานลืมหลิงอวี๋ ฉินรั่วซือจะต้องจัดการจากตัวหลิงอวี๋เท่านั้น!

หลิงอวี๋ผู้นี้มีสิ่งใดดีนักหนา?

นางโง่เขลาเบาปัญญาทั้งยังออกเรือนมีลูกแล้ว!

ฉินรั่วซือกำลังเพ่งพินิจหลิงอวี๋ ผ่านไม่ชั่วขณะหนึ่งก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าทำอย่างไรให้พี่ชายตัดใจเสีย

“รั่วซือ ทางวังหลวงได้ส่งเทียบเชิญให้ตระกูลเจ้าหรือยัง?”

เจิงจื่ออวี้เห็นนางนิ่งไม่กล่าวคำเลยใช้แขนสะกิดนาง พบว่าสายตาของฉินรั่วซือกำลังจ้องเขม็งหลิงอวี๋อยู่ก็พลันยิ้มกล่าวว่า

“เจ้าจะมองนางโง่นั้นหาปะไร! เวลาในวังมีงานเฉลิมฉลองอะไรล้วนไม่เคยเรียนเชิญนางสักครั้ง! นางไร้คุณสมบัติร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮา!”

“ใช่แล้ว นางกับบุตรนอกสมรสคนนั้น คนในวังหลวงล้วนไม่ยอมรับทั้งสิ้น! ผู้ใดจะเชิญนางเล่า? หากไปก็สร้างความบันเทิงอับอายขายหน้าถูกหัวเราะเยาะเสียเปล่า!”

เสิ่นจวนทำสีหน้าเหยียดหยาม ไม่กล้ากล่าวเสียงดังเกรงว่าเซียวหลินเทียนได้ยินแล้วจะบันดาลโทสะ!

“ข้าเปล่า...!”

ฉินรั่วซือถูกเจิงจื่ออวี้ปลุกสติ ก่อนจะตอบส่งเดช “ผู้ใดมองเจ้าโง่นั่นกัน!”

“เจ้ามิต้องพะวง เจ้าสนิทรักใคร่กับองค์หญิงหกถึงเพียงนี้ นางต้องให้เทียบเชิญเจ้าสักใบเป็นแน่!”

สวี่เหยียนนัยน์ตาลุกวาว คว้าฉินรั่วซือมากล่าวคำ “รั่วซือ เจ้าช่วยข้าสักหน่อยได้หรือไม่? เข้าเฝ้าองค์หญิงหกขอเทียบเชิญช่วยข้าสักใบ ข้าอยากไปร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮายิ่งนัก!

“นี่… มิได้นะ! งานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาเรียนเชิญไม่กี่คนเอง นั่นจะทำให้องค์หญิงหกลำบากใจเอาได้!”

ฉินรั่วซือยิ้มขมขื่น “ข้ามิกล้ารับปากว่าข้าจะทำได้ เมื่อเช้าองค์หญิงหกส่งคนมาให้ข่าวข้าว่านางกำลังลองคิดว่าหนทางเพิ่มอยู่!”

“เฮ้อ มีเพียงร้อยใบ พวกเราก็อย่ามุ่งหวังนักเลย!” ตู้ตงกงกล่าวสิ้นกำลังใจ

ชายาผิงหยางมองอิริยาบถกลัดกลุ้มของเหล่าคุณหนูที่ไม่อาจร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพได้ก็พลันคลี่ยิ้มขึ้น

“พวกเจ้าอย่าเศร้าใจไป ถ้าร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพมิได้ก็คอยถึงงานเลี้ยงวังหลวงฉลองปีใหม่เถิด! คราวนั้นไทเฮาทรงหายจากอาการประชวรแล้วจะต้องจัดงานยิ่งใหญ่เอิกเกริกเป็นแน่!”

“พวกเจ้าคิดดูสิ งานเลี้ยงในวังทุกครั้งก็เชิญพวกเจ้านี่! เพียงครานี้จำนวนจำกัดเลยมิได้เชิญพวกเจ้า...”

“แต่มิเหมือนบางคน มีงานเลี้ยงในวังหลวงกี่ครั้งล้วนไม่รับเชิญนางเลยสักครั้ง… นางไม่เห็นจะร่ำไห้เลย พวกเจ้าจะเศร้าใจไปไย!”

พวกคุณหนูต่างมองไปทางหลิงอวี๋พร้อมเพรียงพลันหัวร่อขึ้น

สวี่เหยียนกล่าว “พระชายาท่านตรัสได้ถูกต้องเกินไปแล้ว! หม่อมฉันเปล่าเศร้าใจ หม่อมฉันกำลังรอร่วมงานงานเลี้ยงวังหลวงฉลองปีใหม่เพคะ!”

ฉินรั่วซือรั้งสายตากลับมามองท่าทีคล้ายห่วงหน้าพะวงหลัง “เราไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร… แต่ชายาอ๋องอี้คือหลานสะใภ้ของไทเฮา นางไม่ไปแสดงความยินดีมิใช่ว่าไม่ให้เกียรติไทเฮาหรือไร?”

เสิ่นจวนยิ้มหยัน “พระองค์มิได้เชิญนาง หากตัวเองยังหน้าด้านไป นั่นจะไม่ถูกองครักษ์ไล่ตะเพิดออกมารึ!”

ฉินรั่วซือหุบยิ้ม ก่อนจะเอ่ยอย่างมีนัยแฝง “พระชายาผิงหยาง ท่านคือคนในราชนิกุล(3) ไยท่านก็ลองช่วยชายาอ๋องอี้ผู้น่าเวทนาคนนี้หน่อยเถิดเพคะ...”

“นางมิเคยได้เข้าวังหลวงเลยสักครั้ง ลูกที่เลี้ยงก็ไม่เคยได้เปิดหูเปิดตา ท่านก็ช่วยนางขอร้องเทียบเชิญสักใบ ให้นางพาลูกไปเห็นโลกเสียบ้าง!”

นัยน์ตาชายาผิงหยางหรี่ลง เอ่ยเรียก “ชายาอ๋องอี้ เจ้าได้ยินพวกคุณหนูพูดคุยกันแล้วหรือไม่? พวกนางให้ตัวข้าช่วยเจ้าไปขอเทียบเชิญ เจ้าอยากร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพหรือไม่?”

หลิงอวี๋ได้ยินชื่อของตัวเองก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ขอบคุณแล้ว แต่ข้าจะไปรับเทียบเชิญเองไม่ลำบากพระชายาหรอก!”

“เจ้ากล่าววาจาโอ้อวดให้น้อยลงหน่อย! ถ้าเจ้าจะได้รับเทียบเชิญ พวกข้าทุกคนต้องมีในมือคนละใบแล้ว!” สวี่เหยียนกล่าวถากถาง

“ถูกต้อง! ชายาอ๋องอี้ ผู้อื่นไม่รู้ ตัวข้าก็จะไม่รู้หรือ? ว่าวังหลวงส่งให้แค่ท่านอ๋องอี้หนึ่งใบเท่านั้น เจ้าจะไปเอามาจากที่ใดกันเล่า!”

ชายาผิงหยางยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ชายาอ๋องอี้ นี่คือโอกาสทองของเจ้าแล้ว! ถือเทียบเชิญเข้าเฝ้าไทเฮาในวังเลย บุตรของเจ้าผู้นี้ให้ไทเฮาได้เห็นสักหน่อยว่าทรงโปรดหรือไม่ มิแน่ว่าอาจได้ลงบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลแห่งราชวงศ์เชียวนะ!”

แม่นมลี่นัยน์ตาทอประกาย หันมองหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณ

หลิงซินก็เกิดความผันใจ คุณชายน้อยไร้ชื่อไร้แซ่ตั้งแต่กำเนิดมา โดนคนอื่นคิดว่าเป็นบุตรนอกสมรส หากได้บันทึกลงลำดับวงศ์ตระกูลแห่งราชวงศ์ล่ะก็ คงไม่มีใครกล้าด่าคุณชายน้อยว่าเป็นบุตรนอกสมรสได้ในภายภาคหน้าแล้ว!

ทะยานขึ้นยอดกิ่งไม้เป็นหงส์ฟ้า อุปมาถึง ผู้หญิงที่เดิมมีพื้นเพไม่ได้ดีมาก แต่เพราะได้อาศัยฐานะร่ำรวยของผู้ชายจึงกลายเป็นคนที่สูงส่งยิ่งขึ้น

สูงไปก็รับไม่ไหว ต่ำไปก็ไม่เอา อุปมาว่า ไม่มีข้อเสนอใดที่น่าพอใจเลย

ราชนิกุล หมายถึง ผู้มีเชื้อสายของพระมหากษัตริย์, ตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา