ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 64

หลิงซินไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่ที่พบอยู่วัดชิงเหลียนคือไทเฮาและไม่รู้ด้วยว่าไทเฮาจะส่งเทียบเชิญให้หลิงอวี๋

ครั้นได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวว่า “พระชายาผิงหยาง ท่านช่วยให้คุณหนูของเราได้รับเทียบเชิญได้จริงหรือเพคะ?”

“นั่นแน่นอน! ตัวข้าคือพระชายาผิงหยางเชียวนะ ลูกพี่ลูกน้องของข้าคือรองเจ้ากรมวังซึ่งสามารถพูดคุยกับไทเฮาต่อหน้าได้!”

“ไทเฮาไม่พบหน้าผู้อื่น แต่ถ้าเป็นเกียรติของตัวข้ากับลูกพี่ลูกน้องล่ะก็ต้องพบแน่นอน!”

ชายาผิงหยางกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “อีกอย่าง ตัวข้าจะส่งแม่นมไปลองถามลูกพี่ลูกน้องดูดีไหมเล่า? ลองดูว่าเขาจะช่วยชายาอ๋องอี้ให้รับเทียบเชิญได้หรือไม่!”

นางหันศีรษะไปใช้สายตาส่งสัญญาณต่อนางรับใช้อาวุโสที่ด้านหลัง

“แม่นม เจ้าไปจวนของท่านลุงเสีย ไปขอเทียบเชิญช่วยพระชายาสักใบ!”

แม่นมผู้นั้นเข้าใจตามสัญชาตญาณ ตอบรับเสียงกังวานพลันวิ่งแช่มช้าจากไป

“พระชายาผิงหยางกับไทเฮาทรงสนิทรักใคร่กันยิ่ง ลูกพี่ลูกน้องเองก็รับหน้าที่แจกเทียบเชิญด้วย บางทีอาจกู้เกียรติพระชายาได้!” เสิ่นจวนยิ้มกล่าวคำ

“แต่ชายาอ๋องอี้เจ้าอย่ากอดความหวังจนมากไป อย่างไรเสียชื่อเสียงเจ้าก็เละเทะ ครานี้อาคันตุกะที่เรียนเชิญต่างมีเกียรติกันทั้งนั้น!”

“ลูกพี่ลูกน้องอาจจะทำเพื่อเกียรติข้า แต่ไทเฮามิให้เกียรติเจ้าเป็นแน่! หากไทเฮามิเห็นพ้อง ลูกพี่ลูกน้องข้าก็ไม่ขวัญกล้ามอบให้เจ้าโดยพลการเช่นกัน!”

สวี่เหยียนเพิ่งคิดบ่นพระชายาผิงหยางที่ยินยอมช่วยหลิงอวี๋ขอเทียบเชิญไม่ยอมช่วยตน แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางและเหล่าคุณหนูก็ล้วนหัวเราะกันขึ้น

แม้แต่แขกของร้านโดยรอบก็เจาะจงดูความบันเทิงพร้อมสายตาถากถางตกสู่บนร่างหลิงอวี๋ตาม ๆ กัน

ไฉนชายาผิงหยางผู้นี้จะหวังดีช่วยหลิงอวี๋ได้ล่ะ?

นี่คือเจตนาทำให้หลิงอวี๋ต้องอับอายน่ะสิ!

เพียงนึกถึงหลิงอวี๋ตกอยู่ในความทุกข์ระทมเฝ้ารอตนให้เทียบเชิญนาง ในใจพระชายาผิงหยางก็พลันหัวเราะเบิกบาน

พระชายาผิงหยางเป็นศัตรูคู่แค้นกับหลิงอวี๋ สามีของนางคืออ๋องไร้ประโยชน์

หากนางได้รับเทียบเชิญมามากมาย ก็ควรจะเก็บนำไปใช้สร้างความสัมพันธ์และแสวงหาผลประโยชน์มิใช่หรือ?

แล้วหลิงอวี๋นางโง่เขลาผู้นี้มีประโยชน์อันใดเล่า?!

“อา พระชายาผิงหยางท่านช่างมีจิตใจกุศลนัก อย่างไรเสียการได้เข้าวังของชายาอ๋องอี้จะมีเพียงความคาดหวังเท่านั้นเพคะ!” สวี่เหยียนหยอกเย้า

“มิผิด มิผิด! ชายาอ๋องอี้ เจ้าต้องขอบพระคุณพระชายาผิงหยางอย่างสุดซึ้ง การได้เผอิญพบกับพระนางคือความเคราะห์ดีที่ใหญ่ยิ่งของเจ้า!”

“เนื่องด้วยพระนางเป็นผู้มีเมตตาเช่นนี้ ผู้ใดจะยินดีช่วยเหลือเจ้า! สมควรที่เจ้าจะคุกเข่าขอบคุณพระนางเสีย!”

พวกคุณหนูเย้าหลิงอวี๋ด้วยการกล่าวล้อเลียนส่งกันไปมา โดยต่างลืมไปเลยว่าอ๋องอี้และองค์รัชทายาทอันเจ๋อยังอยู่ที่นี่

คิ้วของเซียวเทียนขมวดมุ่นสีหน้ามืดครึ้ม

เขาคิดในใจว่า ถ้าหลิงอวี๋ทำอะไรโง่ ๆ เพื่อเทียบเชิญแค่ใบเดียวก็ยอมคุกเข่าขอร้องจริง เช่นนั้นก็คงอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว!

ครั้นเห็นสีหน้าท่าทางสะอิดสะเอียนของเซียวหลินเทียน อันเจ๋อก็สะบัดผัดคลี่เบา ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มแฝงเลศนัย

“ไม่ต้องรีบร้อน! ผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะยังมิรู้เลย!”

“เจ้าคิดว่าพระชายาของเจ้าเป็นคนที่ปล่อยตนอับอายโดยไม่สู้กลับรึ?”

เซียวหลินเทียนมึนงงไปครู่หนึ่งแล้วนึกถึงเหตุการณ์ภายในตำหนักเหล่านั้นที่หลิงอวี๋ดวลตอบหลิงหลาน แล้วอารมณ์เขาก็พลันเย็นลงในทันใด

หลิงอวี๋ เมื่อดูตามความผันเปลี่ยนของนางช่วงเวลานี้ นางมิใช่คนที่ยอมปล่อยให้ตนต้องอับอายเป็นอันขาด!

หลิงซินมีอุปนิสัยตรงไปตรงมาและไม่มีความคิดผิดศีลธรรม นางจึงฟังไม่กระจ่างว่า คำพูดของชายาผิงหยางเปี่ยมด้วยความถากถาง

และยังคิดว่าเพียงขอร้องชายาผิงหยางสักหน่อย นางก็จะช่วยขอเทียบเชิญให้คุณหนูอย่างเต็มที่

พอได้ยินคำว่าคุกเข่าลงก็พลันรีบลุกขึ้นกล่าว

“พระชายาผิงหยาง ตราบใดที่ท่านช่วยขอเทียบเชิญให้คุณหนูของเรา! บ่าวเต็มใจคุกเข่าขอบพระทัยแก่ท่านแทนคุณหนูเพคะ...”

สองขานางโค้งย่อเพิ่งคุกเข่าลงได้ครู่เดียว หลิงอวี๋ก็พลันดึงนางเอาไว้ มองค้อนนางแล้วถึงกล่าวว่า

“คุกเข่าทำไม? เจ้าฟังไม่รู้ความรึ นางกำลังเยาะหยันตัวข้าผู้เป็นพระชายาอยู่นะ?”

หลิงอวี๋ยิ้มเหยียดเอ่ยว่า “แค่เพราะเทียบเชิญใบเดียวรึ? เจ้าวางใจเถอะ วันนี้จะมีคนมาส่งให้ถึงมือตัวข้าผู้เป็นพระชายาโดยเฉพาะ!”

เดิมที่หลิงอวี๋ยังสนเท่ห์เกี่ยวกับไทเฮาที่จะเชิญตนร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของพระองค์ เพียงคิดว่ากล่าวตามพิธีเท่านั้น

ทว่าครั้นได้ยินพระชายาผิงหยางและคนอื่น ๆ พูดว่าไทเฮาว่าจะจัดงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพขึ้นเพื่อขอบคุณผู้มีพระคุณโดยเฉพาะ ก็รู้เลยว่าไทเฮาจะต้องเชิญตนเป็นแน่!

ตนเพียงต้องสงบใจรอรับเทียบเชิญก็พอแล้ว!

หลิงซินมองไปทางหลิงอวี๋อย่างตะลึงตาค้าง นี่คือเรื่องจริงหรือ?

คุณหนูร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด!

“ฮ่าฮ่าฮ่า… ชายาอ๋องอี้ เจ้าช่างอวดดีจริง ๆ ! เทียบเชิญจะส่งถึงมือเจ้าโดยเฉพาะรึ? เจ้าคิดว่า เจ้ามีหน้ามีตาศักดิ์ศรียิ่งใหญ่เพียงใดเชียว ชายาอ๋องอี้?”

“ใช่เพคะ… เอ่ยโป้ปดไม่รู้จักละอาย! ชายาอ๋องอี้ผู้นี้โกหกจนกลายเป็นเนืองนิตย์ซะแล้ว...ติดเป็นสันดาน!”

ชายาผิงหยางยิ้มกล่าว “ชายาอ๋องอี้ นางรับใช้คนนั้นของเจ้ายังรู้จักคิดกว่าเจ้าเสียอีก รู้ว่าควรคุกเข่าขอบคุณข้า! ข้าช่วยเจ้าแต่เจ้ากลับมิซาบซึ้งใจ คนอย่างเจ้านี่มิน่าช่วยเลยจริง ๆ !”

“โอ๊ย ทานอาหารเถอะ เย็นชืดหมดแล้ว! พวกเรามาดูกันว่าเทียบเชิญของไทเฮาจะได้ส่งให้นางหรือไม่! อย่าให้เรารอจนถึงรุ่งสางแล้วกัน!”

พวกคุณหนูกลับมาที่นั่งโต๊ะของตัวเองตาม ๆ กัน กินไปพลางหัวเราะเยาะหลิงอวี๋และหลิงซินไปด้วย

“เจ้าเห็นท่าทีโง่เขลาของนางรับใช้นางหรือไม่ มันยังคิดว่าพระชายาผิงหยางจะช่วยเจ้านายของมันจริง ๆ !”

“มันก็โง่พอ ๆ กันกับเจ้านายมันไงเล่า ลืมเรื่องที่เจ้านายมันเกือบประมือกับพระชายาผิงหยางไปแล้วเราะ?”

“ข้าคิดว่านางมิได้เทียบเชิญหรอก วันพรุ่งพวกนายบ่าวต้องกลายเป็นเรื่องขบขันในเมืองหลวงอีกแน่!”

พวกนางพูดเยาะเย้ยส่งกันไปมา ครั้นหลิงซินได้ยินเช่นนั้นบนหน้าก็ประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวซีด(1)

บัดนี้นางกระจ่างแล้วว่าพวกนางกำลังสัพยอกคุณหนูของตนจริง ๆ !

แล้วนางยังคิดคุกเข่าอย่างซื่อบื้อเพิ่มทวีความอัปยศอดสูให้คุณหนูอับอายมากขึ้นไปอีก

อาหารเลิศรสยิ่ง แต่หลิงซินก้มหน้าอย่างขายหน้าขายตาไร้กะใจกินต่อ

“พอได้แล้ว กินเถอะ! ตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ให้มากขึ้นหุนหันให้น้อยลง!”

เมื่อหลิงอวี๋เห็นหลิงซินรู้สึกผิดก็ตักอาหารให้นางมากมาย กล่าวปลอบใจว่า “อาหารพวกนี้ต้องใช้เงินจ่ายไปมากโข หากไม่กินก็สิ้นเปลืองแล้ว!”

หลิงซินมองหลิงอวี๋อย่างทึ่มทื่อ เหตุใดคุณหนูของตนถึงใจกว้างขนาดนี้!

ยามนี้พะวงเรื่องกินอาหารไม่หมดแล้วจะสิ้นเปลืองหรอกหรือ?

หรือว่ามิควรกังวลเรื่องงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาในวันนั้น แต่ถ้ามิได้รับเทียบเชิญก็จะได้เผชิญกับความอัปยศมิใช่หรือ?

สายตาลอบมองฝูงชนใกล้กินเสร็จ ทันใดนั้นแม่นมของพระชายาผิงหยางก็ถือเทียบเชิญสองใบวิ่งรุดมา ก่อนนางจะร้องลั่นตื่นตระหนกทำตัวไม่ถูก

“พระชายา คนในวังส่งเทียบเชิญมาสองใบเพคะ!”

“เทียบเชิญอะไร? มอบให้ผู้ใด?” พระชายาผิงหยางเอ่ยถามประหลาดใจ

แม่นมตอบด้วยสีหน้าผิดไปจากปกติว่า “เทียบเชิญร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพสองใบของไทเฮา! เชิญพระชายาอ๋องอี้เพคะ!”

“อะไรนะ?!!” ชายาผิงหยางกล่าวอย่างยากที่จะเชื่อ ถลึงตามองแม่นมอย่างโทสะ

หน้าประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวซีด อุปมาถึง ความอึดอัดใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา