หลิงซินไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่ที่พบอยู่วัดชิงเหลียนคือไทเฮาและไม่รู้ด้วยว่าไทเฮาจะส่งเทียบเชิญให้หลิงอวี๋
ครั้นได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวว่า “พระชายาผิงหยาง ท่านช่วยให้คุณหนูของเราได้รับเทียบเชิญได้จริงหรือเพคะ?”
“นั่นแน่นอน! ตัวข้าคือพระชายาผิงหยางเชียวนะ ลูกพี่ลูกน้องของข้าคือรองเจ้ากรมวังซึ่งสามารถพูดคุยกับไทเฮาต่อหน้าได้!”
“ไทเฮาไม่พบหน้าผู้อื่น แต่ถ้าเป็นเกียรติของตัวข้ากับลูกพี่ลูกน้องล่ะก็ต้องพบแน่นอน!”
ชายาผิงหยางกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “อีกอย่าง ตัวข้าจะส่งแม่นมไปลองถามลูกพี่ลูกน้องดูดีไหมเล่า? ลองดูว่าเขาจะช่วยชายาอ๋องอี้ให้รับเทียบเชิญได้หรือไม่!”
นางหันศีรษะไปใช้สายตาส่งสัญญาณต่อนางรับใช้อาวุโสที่ด้านหลัง
“แม่นม เจ้าไปจวนของท่านลุงเสีย ไปขอเทียบเชิญช่วยพระชายาสักใบ!”
แม่นมผู้นั้นเข้าใจตามสัญชาตญาณ ตอบรับเสียงกังวานพลันวิ่งแช่มช้าจากไป
“พระชายาผิงหยางกับไทเฮาทรงสนิทรักใคร่กันยิ่ง ลูกพี่ลูกน้องเองก็รับหน้าที่แจกเทียบเชิญด้วย บางทีอาจกู้เกียรติพระชายาได้!” เสิ่นจวนยิ้มกล่าวคำ
“แต่ชายาอ๋องอี้เจ้าอย่ากอดความหวังจนมากไป อย่างไรเสียชื่อเสียงเจ้าก็เละเทะ ครานี้อาคันตุกะที่เรียนเชิญต่างมีเกียรติกันทั้งนั้น!”
“ลูกพี่ลูกน้องอาจจะทำเพื่อเกียรติข้า แต่ไทเฮามิให้เกียรติเจ้าเป็นแน่! หากไทเฮามิเห็นพ้อง ลูกพี่ลูกน้องข้าก็ไม่ขวัญกล้ามอบให้เจ้าโดยพลการเช่นกัน!”
สวี่เหยียนเพิ่งคิดบ่นพระชายาผิงหยางที่ยินยอมช่วยหลิงอวี๋ขอเทียบเชิญไม่ยอมช่วยตน แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางและเหล่าคุณหนูก็ล้วนหัวเราะกันขึ้น
แม้แต่แขกของร้านโดยรอบก็เจาะจงดูความบันเทิงพร้อมสายตาถากถางตกสู่บนร่างหลิงอวี๋ตาม ๆ กัน
ไฉนชายาผิงหยางผู้นี้จะหวังดีช่วยหลิงอวี๋ได้ล่ะ?
นี่คือเจตนาทำให้หลิงอวี๋ต้องอับอายน่ะสิ!
เพียงนึกถึงหลิงอวี๋ตกอยู่ในความทุกข์ระทมเฝ้ารอตนให้เทียบเชิญนาง ในใจพระชายาผิงหยางก็พลันหัวเราะเบิกบาน
พระชายาผิงหยางเป็นศัตรูคู่แค้นกับหลิงอวี๋ สามีของนางคืออ๋องไร้ประโยชน์
หากนางได้รับเทียบเชิญมามากมาย ก็ควรจะเก็บนำไปใช้สร้างความสัมพันธ์และแสวงหาผลประโยชน์มิใช่หรือ?
แล้วหลิงอวี๋นางโง่เขลาผู้นี้มีประโยชน์อันใดเล่า?!
“อา พระชายาผิงหยางท่านช่างมีจิตใจกุศลนัก อย่างไรเสียการได้เข้าวังของชายาอ๋องอี้จะมีเพียงความคาดหวังเท่านั้นเพคะ!” สวี่เหยียนหยอกเย้า
“มิผิด มิผิด! ชายาอ๋องอี้ เจ้าต้องขอบพระคุณพระชายาผิงหยางอย่างสุดซึ้ง การได้เผอิญพบกับพระนางคือความเคราะห์ดีที่ใหญ่ยิ่งของเจ้า!”
“เนื่องด้วยพระนางเป็นผู้มีเมตตาเช่นนี้ ผู้ใดจะยินดีช่วยเหลือเจ้า! สมควรที่เจ้าจะคุกเข่าขอบคุณพระนางเสีย!”
พวกคุณหนูเย้าหลิงอวี๋ด้วยการกล่าวล้อเลียนส่งกันไปมา โดยต่างลืมไปเลยว่าอ๋องอี้และองค์รัชทายาทอันเจ๋อยังอยู่ที่นี่
คิ้วของเซียวเทียนขมวดมุ่นสีหน้ามืดครึ้ม
เขาคิดในใจว่า ถ้าหลิงอวี๋ทำอะไรโง่ ๆ เพื่อเทียบเชิญแค่ใบเดียวก็ยอมคุกเข่าขอร้องจริง เช่นนั้นก็คงอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว!
ครั้นเห็นสีหน้าท่าทางสะอิดสะเอียนของเซียวหลินเทียน อันเจ๋อก็สะบัดผัดคลี่เบา ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มแฝงเลศนัย
“ไม่ต้องรีบร้อน! ผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะยังมิรู้เลย!”
“เจ้าคิดว่าพระชายาของเจ้าเป็นคนที่ปล่อยตนอับอายโดยไม่สู้กลับรึ?”
เซียวหลินเทียนมึนงงไปครู่หนึ่งแล้วนึกถึงเหตุการณ์ภายในตำหนักเหล่านั้นที่หลิงอวี๋ดวลตอบหลิงหลาน แล้วอารมณ์เขาก็พลันเย็นลงในทันใด
หลิงอวี๋ เมื่อดูตามความผันเปลี่ยนของนางช่วงเวลานี้ นางมิใช่คนที่ยอมปล่อยให้ตนต้องอับอายเป็นอันขาด!
หลิงซินมีอุปนิสัยตรงไปตรงมาและไม่มีความคิดผิดศีลธรรม นางจึงฟังไม่กระจ่างว่า คำพูดของชายาผิงหยางเปี่ยมด้วยความถากถาง
และยังคิดว่าเพียงขอร้องชายาผิงหยางสักหน่อย นางก็จะช่วยขอเทียบเชิญให้คุณหนูอย่างเต็มที่
พอได้ยินคำว่าคุกเข่าลงก็พลันรีบลุกขึ้นกล่าว
“พระชายาผิงหยาง ตราบใดที่ท่านช่วยขอเทียบเชิญให้คุณหนูของเรา! บ่าวเต็มใจคุกเข่าขอบพระทัยแก่ท่านแทนคุณหนูเพคะ...”
สองขานางโค้งย่อเพิ่งคุกเข่าลงได้ครู่เดียว หลิงอวี๋ก็พลันดึงนางเอาไว้ มองค้อนนางแล้วถึงกล่าวว่า
“คุกเข่าทำไม? เจ้าฟังไม่รู้ความรึ นางกำลังเยาะหยันตัวข้าผู้เป็นพระชายาอยู่นะ?”
หลิงอวี๋ยิ้มเหยียดเอ่ยว่า “แค่เพราะเทียบเชิญใบเดียวรึ? เจ้าวางใจเถอะ วันนี้จะมีคนมาส่งให้ถึงมือตัวข้าผู้เป็นพระชายาโดยเฉพาะ!”
เดิมที่หลิงอวี๋ยังสนเท่ห์เกี่ยวกับไทเฮาที่จะเชิญตนร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของพระองค์ เพียงคิดว่ากล่าวตามพิธีเท่านั้น
ทว่าครั้นได้ยินพระชายาผิงหยางและคนอื่น ๆ พูดว่าไทเฮาว่าจะจัดงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพขึ้นเพื่อขอบคุณผู้มีพระคุณโดยเฉพาะ ก็รู้เลยว่าไทเฮาจะต้องเชิญตนเป็นแน่!
ตนเพียงต้องสงบใจรอรับเทียบเชิญก็พอแล้ว!
หลิงซินมองไปทางหลิงอวี๋อย่างตะลึงตาค้าง นี่คือเรื่องจริงหรือ?
คุณหนูร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด!
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ชายาอ๋องอี้ เจ้าช่างอวดดีจริง ๆ ! เทียบเชิญจะส่งถึงมือเจ้าโดยเฉพาะรึ? เจ้าคิดว่า เจ้ามีหน้ามีตาศักดิ์ศรียิ่งใหญ่เพียงใดเชียว ชายาอ๋องอี้?”
“ใช่เพคะ… เอ่ยโป้ปดไม่รู้จักละอาย! ชายาอ๋องอี้ผู้นี้โกหกจนกลายเป็นเนืองนิตย์ซะแล้ว...ติดเป็นสันดาน!”
ชายาผิงหยางยิ้มกล่าว “ชายาอ๋องอี้ นางรับใช้คนนั้นของเจ้ายังรู้จักคิดกว่าเจ้าเสียอีก รู้ว่าควรคุกเข่าขอบคุณข้า! ข้าช่วยเจ้าแต่เจ้ากลับมิซาบซึ้งใจ คนอย่างเจ้านี่มิน่าช่วยเลยจริง ๆ !”
“โอ๊ย ทานอาหารเถอะ เย็นชืดหมดแล้ว! พวกเรามาดูกันว่าเทียบเชิญของไทเฮาจะได้ส่งให้นางหรือไม่! อย่าให้เรารอจนถึงรุ่งสางแล้วกัน!”
พวกคุณหนูกลับมาที่นั่งโต๊ะของตัวเองตาม ๆ กัน กินไปพลางหัวเราะเยาะหลิงอวี๋และหลิงซินไปด้วย
“เจ้าเห็นท่าทีโง่เขลาของนางรับใช้นางหรือไม่ มันยังคิดว่าพระชายาผิงหยางจะช่วยเจ้านายของมันจริง ๆ !”
“มันก็โง่พอ ๆ กันกับเจ้านายมันไงเล่า ลืมเรื่องที่เจ้านายมันเกือบประมือกับพระชายาผิงหยางไปแล้วเราะ?”
“ข้าคิดว่านางมิได้เทียบเชิญหรอก วันพรุ่งพวกนายบ่าวต้องกลายเป็นเรื่องขบขันในเมืองหลวงอีกแน่!”
พวกนางพูดเยาะเย้ยส่งกันไปมา ครั้นหลิงซินได้ยินเช่นนั้นบนหน้าก็ประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวซีด(1)
บัดนี้นางกระจ่างแล้วว่าพวกนางกำลังสัพยอกคุณหนูของตนจริง ๆ !
แล้วนางยังคิดคุกเข่าอย่างซื่อบื้อเพิ่มทวีความอัปยศอดสูให้คุณหนูอับอายมากขึ้นไปอีก
อาหารเลิศรสยิ่ง แต่หลิงซินก้มหน้าอย่างขายหน้าขายตาไร้กะใจกินต่อ
“พอได้แล้ว กินเถอะ! ตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ให้มากขึ้นหุนหันให้น้อยลง!”
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหลิงซินรู้สึกผิดก็ตักอาหารให้นางมากมาย กล่าวปลอบใจว่า “อาหารพวกนี้ต้องใช้เงินจ่ายไปมากโข หากไม่กินก็สิ้นเปลืองแล้ว!”
หลิงซินมองหลิงอวี๋อย่างทึ่มทื่อ เหตุใดคุณหนูของตนถึงใจกว้างขนาดนี้!
ยามนี้พะวงเรื่องกินอาหารไม่หมดแล้วจะสิ้นเปลืองหรอกหรือ?
หรือว่ามิควรกังวลเรื่องงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาในวันนั้น แต่ถ้ามิได้รับเทียบเชิญก็จะได้เผชิญกับความอัปยศมิใช่หรือ?
สายตาลอบมองฝูงชนใกล้กินเสร็จ ทันใดนั้นแม่นมของพระชายาผิงหยางก็ถือเทียบเชิญสองใบวิ่งรุดมา ก่อนนางจะร้องลั่นตื่นตระหนกทำตัวไม่ถูก
“พระชายา คนในวังส่งเทียบเชิญมาสองใบเพคะ!”
“เทียบเชิญอะไร? มอบให้ผู้ใด?” พระชายาผิงหยางเอ่ยถามประหลาดใจ
แม่นมตอบด้วยสีหน้าผิดไปจากปกติว่า “เทียบเชิญร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพสองใบของไทเฮา! เชิญพระชายาอ๋องอี้เพคะ!”
“อะไรนะ?!!” ชายาผิงหยางกล่าวอย่างยากที่จะเชื่อ ถลึงตามองแม่นมอย่างโทสะ
หน้าประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวซีด อุปมาถึง ความอึดอัดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...