แม่นมถูกสายตานางมองจนเหงื่อกาฬผุดพรายท่วมร่าง
สวรรค์รู้ว่าเมื่อกี้นางออกไปเพียงเดินวนเรื่อยเปื่อย เดิมทีไม่ได้ไปจวนท่านลุงด้วยซ้ำ!
ไฉนเลยจะรู้ว่า พอวนกลับมาก็เห็นคนสวมเสื้อผ้าขันทีสองคนถือเทียบเชิญมาสองใบ!
“พระชายา… เดิมทีขันทีสองท่านนั้นอยากมอบให้เองกับมือเพคะ บ่าวเกรงจะลำบากพวกเขาเกินควรเลยตัดสินใจรับมา..”
“เทียบเชิญพวกนี้สำหรับมอบให้พระชายาอ๋องอี้เพคะ!”
แม่นมยื่นส่งเทียบเชิญสองใบออกไป
“โอ้โห พระชายาผิงหยางมีสัมพันธ์อันดีกับไทเฮาจริง ๆ ! เพิ่งไปขอก็ได้มาเลย...”
บรรดาคุณหนูไม่รู้ความจริงจึงเกิดเสียงดังอื้ออึงทันใด ก่อนจะพากันมุงชายาผิงหยางกันอย่างพร้อมเพรียง
ชายาผิงหยางรับเทียบเชิญที่บรรจงเคลือบทองมาอย่างสนเท่ห์แล้วดูให้ละเอียด พบว่านั่นเป็นเทียบเชิญร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาโดยแท้!
บนเทียบเชิญสองใบนั้นเดินทองสวยงาม คือการเชิญชวนหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยคนละใบ!
เทียบเชิญทั้งสองใบเขียนด้วยลายมือมังกรเหินหงส์ระบำ(1) เมฆาล่องลอย สายธารไหลริน(2)
ฝูงชนต่างมองอึ้ง พอผ่านไปสักพัก สวี่เหยียนถึงกับมองค้อนไปทางชายาผิงหยางด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะกล่าวด้วยแรงริษยา
“พระชายากู้เกียรติศักดิ์ศรีให้ชายาอ๋องอี้จริงด้วย ท่านช่วยนางให้ได้รับเทียบเชิญของไทเฮาจริง ๆ ช่างผิดคาดนัก!”
บรรดาคุณหนูก็มองค้อนไปทางชายาผิงหยางด้วยความอัปยศ
มิใช่ว่าอยากทำให้นางโง่เขลาหลิงอวี๋นั่นต้องอับอายหรอกรึ?
ไยถึงยังช่วยเอาเทียบเชิญให้หลิงอวี๋จริง ๆ ?
“นี่...” ชายาผิงหยางไม่กระจ่างว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ไฉนเลยจะกล้าเปิดปากพูดสุ่มสี่สุ่มห้า
นี่คือเทียบเชิญของไทเฮาจริง นางรู้ว่าตนไม่ได้มีความสามารถพอไปรับมาเองได้
ตอนเมื่อคืนนี้มีสตรีมั่งคั่งผู้หนึ่งได้ยินข่าวก็รุดหน้าไปเรือนของนาง สัญญาว่าถ้านางช่วยตนให้ได้รับสักใบก็จะจ่ายห้าหมื่นตำลึงเงิน!
นางเลยไปหาลูกพี่ลูกน้องที่บ้านในตอนเช้าวันนี้ คิดอยากได้เทียบเชิญผ่านเส้นสาย แต่ผลสุดท้ายก็ถูกลูกพี่ลูกน้องปฏิเสธไป
ในขณะนั้นลูกพี่ลูกน้องก็กล่าวดูหมิ่นว่า “ห้าหมื่นตำลึงเงินนับเป็นสิ่งใด! เช้าวันนี้มีคนรุดหน้ามาหาข้าล้วนเสนอหนึ่งแสนตำลึงเงิน!”
“ผู้ใดบ้างไม่อยากออกงานสังคมในวังหลวงและได้รับความสนใจจากไทเฮา? ลูกพี่ลูกน้อง ข้าก็อยากได้เงินนั้นนะ แต่ทำอย่างไรก็เอาเทียบเชิญมาไม่ได้!”
เทียบเชิญสองใบ นั่นเป็นสองแสนตำลึงเงินสว่างตาพราวเชียวนะ!
หากชายาผิงหยางรับเทียบเชิญมาได้จริงนางจะเอาไปขายต่อแน่นอน ไยต้องเอาให้หลิงอวี๋ชั้นต่ำนั่นง่าย ๆ ด้วยเล่า?!
“ชายาอ๋องอี้ เจ้าควรขอบพระคุณพระชายาผิงหยางเสีย ครานี้โขกหัวคำนับไม่กี่ครั้งก็ยังมิเพียงพอต่อเทียบเชิญสองใบแล้ว! เพราะนี่คือบุญคุณมหาศาล!”
“ใช่แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นข้า ผู้ใดทำให้ข้าได้รับเทียบเชิญ ข้าจะโขกหัวคำนับต่อนางยี่สิบทีถึงพอ!”
บรรดาคุณหนูเริ่มถากถางอย่างเจ็บใจ คนที่มุงดูในเหตุการณ์บางคนอิจฉาตาร้อน บางคนอิจฉายินดีและบางคนก็เลื่อมใสชายาผิงหยางเช่นกัน
เทียบเชิญเลอค่าขนาดนี้ ไม่คาดว่าชายาผิงหยางจะช่วยหลิงอวี๋ได้ถึงสองใบ ลูกพี่ลูกน้องของนางมีสัมพันธ์อันดีกับไทเฮาล้นหลามจริง ๆ !
ดูไปแล้ว ตำหนักชายาผิงหยางมิได้ขาดเงินขาดอำนาจดังคาด!
แต่นี้ไปก็เป็นการดีที่จะประจบสอพลอชายาผิงหยาง!
อันเจ๋อสบตากับเซียวหลินเทียนด้วยสายตาฉงนใจ ทั้งสองสีหน้ามืดครึ้มลงเล็กน้อย
หรือว่าในราชสำนักเกิดความแปรผันอะไรขึ้นอีก?
แต่พวกเขาไม่รู้อะไรต่อเรื่องนี้เลยรึ?
“เทียบเชิญเป็นคนในวังหลวงส่งมาจริงหรือ?” มีคนถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“เจ้าค่ะ เป็นขันทีมีอายุสักหน่อยผอมสูงผู้หนึ่ง! ด้านหลังยังมีขันทีน้อยติดตาม!”
แม่นมของชายาผิงหยางกล่าวอึกอัก “บ่าวมิรู้จัก แต่เขาเรียกตัวเองแซ่เซี่ยเพคพะ!”
“นี่เป็นไปไม่ได้! ผู้ที่มีอายุสักหน่อยและแซ่เซี่ยในวังหลวงมีแค่ขันทีเซี่ย!”
“แต่ขันทีเซี่ยเป็นขันทีโปรดใกล้ชิดจักรพรรดิ ไฉนเลยจะกล้ารบกวนเขาให้ส่งเทียบเชิญเล่า?!”
“ใช่ เมื่อเช้าเป็นขันทีน้อยแผนกพิธีการส่งเทียบเชิญให้ท่านพ่อข้า ผู้ใดจะมีเกียรติมากถึงขนาดให้ขันทีเซี่ยส่งบัตรให้โดยเฉพาะกัน!”
หลิงอวี๋มองพวกนางคุยกันสนุกสนาน ก่อนจะยิ้มตาหยีกล่าวคำ “ข้าไง!”
พอเอ่ยออกมา ทุกคนก็หันมองไปทางหลิงอวี๋หมดสิ้น ก่อนที่สายตารังเกียจเหยียดหยามต่างแทงทะลวงบนร่างนางตาม ๆ กันดุจกระบี่
“ชายาอ๋องอี้ เจ้ายังหน้าด้านอยู่อีกรึ! แม้แต่หน้าคร่าตาของเจ้าขันทียังล้วนไม่รู้ทั้งสิ้น เจ้ายังมีหน้ามาพูดว่าเขาเจาะจงส่งเทียบเชิญให้เจ้าโดยเฉพาะงั้นรึ?”
“ถูกต้อง อาจมิใช่ขันทีเซี่ยส่ง แม่นมฟังผิดเป็นแน่!”
“ชายาอ๋องอี้ เป็นอันว่า ขันทีวังหลวงส่งเทียบเชิญให้เจ้า แต่นั่นเป็นเพราะเห็นแก่เกียรติของรองหัวหน้าขันทีกับพระชายาผิงหยางถึงได้รุดหน้ามาครั้งนี้ เจ้ายังคิดว่าเป็นเกียรติของตัวเองอีกรึ!”
“พระชายาผิงหยางขอเทียบเชิญช่วยเจ้า เจ้าไม่ซาบซึ้งก็ช่างเถอะ! แต่ยังพูดไร้คุณธรรมเช่นนี้ หัวใจถูกสุนัขกินไปแล้วกระมัง(3)?”
“ไม่รู้จักบุญคุณก็ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์เดรัจฉาน!”
จากนั้นคนในเหตุการณ์ล้วนพากันประณามหลิงอวี๋
ดวงหน้าของเซียวหลินเทียนมืดครึ้มทั้งดวง ถลึงตามองอันเจ๋ออย่างกริ้วโกรธ เขารู้นานแล้วว่าไม่ควรฟังอันเจ๋อให้มาที่นี่ เขาอยากรีบรุดจากไปเพื่อให้เหตุการณ์อยู่นอกสายตาจึงจะไม่หงุดหงิด!
“ทว่าเหตุการณ์นี้มีความพิกลอยู่เล็กน้อย!”
ชายาผิงหยางนึกแล้วก็ยิ่งรู้สึกมีลับลมคมในขึ้นเรื่อย ๆ นางกำลังคิดที่จะดึงแม่นมเข้าหาตนและแอบถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก็พลันเห็นเสี่ยวเอ้อร์กำลังพาลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งเอ่ยถึงเข้ามากับขันทีสองสามคนแล้ว
พวกเขาส่งเทียบเชิญเสร็จสิ้นแล้ว ทว่าเวลาไม่พอกลับวังหลวงเลยคิดหาที่ทานอาหารก่อนสักที่
ชายาผิงหยางใช้นิ้วหนีบเทียบเชิญของหลิงอวี๋ยื่นเข้าไปใกล้ เอ่ยถามว่า
“ลูกพี่ลูกน้อง มิใช่ว่าท่านเคยบอกหรือว่ายากมากที่จะได้รับเทียบเชิญงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮา? เหตุใดถึง...”
มังกรเหินหงส์ระบำ เป็นสำนวนหมายถึง มีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉง
เมฆาล่องลอย สายธารไหลริน เป็นสำนวนหมายถึง ตัวอักษร ภาพวาดหรือบทกลอนเขียนอย่างไม่มีสิ่งผูกมัด กล่าวคือเขียนออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
หัวใจถูกสุนัขกินแล้วหรือ อุปมาถึง ไร้คุณธรรมหรือขาดจิตสำนึก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...