ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 69

บุตรีสกุลเลื่องชื่อ ยกตนข่มท่านขณะไปข้างนอก ผู้ที่รู้จักกล่าวว่า เจ้าไร้เดียงสาร่าเริง แต่ผู้ที่ไม่รู้จักกลับคิดว่าเจ้าไร้การศึกษาใช่หรือไม่?

“อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า อากัปกิริยาภายนอกที่มิเหมาะสมจะส่งผลต่อบุพเพสันนิวาสของเจ้า?”

“แขกผู้มั่งมีสูงส่งที่มาภัตตาคารจี๋เสียงแห่งนี้ แล้วเจ้ากล้ารับรองหรือไม่ว่าในหมู่พวกเขาจะมีพ่อแม่สามี รวมถึงสามีในอนาคตของเจ้า?”

“เจ้ามักให้คนโขกหัวคำนับอยู่บ่อย ๆ อุปนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ระยําตําบอนเช่นนี้ของเจ้า ผู้ใดจะกล้ามาตบแต่งกับเจ้า?”

แม้คำพูดเหล่านี้ของหลิงอวี๋จะมุ่งไปที่เสิ่นจวน แต่ก็ได้เหมารวมเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนี้เข้าไปด้วย เมื่อได้ฟังก็พากันหน้าแดงหน้าดำสิ้นคำเอ่ยตอบ

เสิ่นจวนรู้สึกทั้งอายเละเคืองอยากด่าหลิงอวี๋ ทว่ามีดก็ยังแตะอยู่บนหน้านาง แม้ว่านางจะมีความหาญกล้าอยู่ประปราย แต่ก็ไม่กล้าด่าอยู่ดี!

กระทั่งความแค้นในหัวใจก็ไม่กล้าเผยออกมา

“รู้ความผิดหรือยัง?”

หลิงอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าชุลมุนแพร่มาจากที่ไกล ๆ และเอ่ยถามตรงไปตรงมาจริงจังว่า

“ท่านพี่สะใภ้ ข้ารู้ความผิดแล้ว!” เสิ่นจวนขานตอบและแสร้งทำตัวน่าสงสาร

“รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าเยี่ยมนัก! ลุกขึ้นเถอะ พี่สะใภ้ไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อเจ้า คราวหน้าระวังขึ้นสักหน่อยเป็นอันพอ!”

หลิงอวี๋เก็บมีด ก่อนจะยื่นมือไปดึงนางลุกขึ้น

เวลานี้เองเสิ่นจวนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเช่นกัน เมื่อครู่นางเห็นฉินรั่วซือไปเรียกคน นี่คงเป็นฉินรั่วซือเรียกเซียวหลินเทียนมาเป็นแน่

นางฉวยโอกาสที่หลิงอวี๋กำลังฉุดตัวเองขึ้น ออกแรงคว้ามือของหลิงอวี๋จับให้มั่นแล้วกระชากนางล้มลง

หลิงอวี๋ไฉนเลยจะคิดว่าเสิ่นจวนจะมาไม้นี้?

หลิงอวี๋ยืนไม่มั่นคงก็พลันล้มลงบนร่างเสิ่นจวน…

“ช่วยด้วย! ท่านพี่สะใภ้อย่าตีข้า… ข้าผิดไปแล้ว ข้ามิกล้าอีกแล้ว!” เสิ่นจวนแผดร้องเสียงดังอย่างอลหม่าน

“หยุดมือ! หลิงอวี๋ เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่?”

เป็นเซียวหลินเทียนมาดังคาด เขาถูกลู่หนานเข็นเข้ามาก็เห็นหลิงอวี๋กำลังประชิดเสิ่นจวนและทั้งคู่กำลังประมือกัน

เสียงของเซียวหลินเทียนแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเคือง แค่เงินจ่ายค่าข้าวไม่ไหวก็ขายหน้าพอแล้ว!

ยังจะประมือกันอยู่หลังภัตตาคารจี๋เสียง หลิงอวี๋ต้องการทำให้ตำหนักอ๋องอี้เสียหน้าให้ถึงที่สุดหรือไร?

“ผู้พี่ ช่วยหม่อมฉันด้วย! หม่อมฉันแค่อยากช่วยพี่สะใภ้จ่ายค่าอาหาร ผู้ใดจะรู้ว่านางไม่ซาบซึ้งแถมยังไม่พอใจทำร้ายหม่อมฉันด้วยเพคะ!”

เสิ่นจวนสบโอกาสคว้าเกศาของหลิงอวี๋ให้มั่นแล้วเอ่ยร้องอย่างไม่เป็นธรรม

“ลู่หนาน ไปแยกพวกนางออกเสีย!” เซียวหลินเทียนตะโกนลั่น

ลู่หนานรีบก้าวไปข้างหน้า คิดอยากดึงคนออก ทั้งยังรู้สึกว่ามิเหมาะสม

ทั้งคู่เป็นสตรี เขาแตะเนื้อต้องตัวผู้ใดล้วนมิดีทั้งสิ้น!

โชคดีที่เสิ่นจวนเห็นสถานการณ์ นางก็กลัวเรื่องชายนอกราชนิกุลแตะเนื้อต้องตัวของตนแพร่สพัดออกไปจะไม่ดี

นางปล่อยหลิงอวี๋และผลักนางไปอย่างแน่วแน่ ก่อนจะแกล้งทำเป็นดิ้นรนหนีเลี่ยงไปด้านข้างอย่างล้มลุกคลุกคลาน

“ผู้พี่ ท่านต้องตัดสินเพื่อหม่อมฉันนะเพคะ พี่สะใภ้ นางรังแกเกินไปแล้ว...!”

เสิ่นจวนลูบใบหน้าตัวเอง พบว่าบนหน้านอกจากหนึ่งฝ่ามือที่หลิงอวี๋ตบ ก็ไม่ได้มีบาดแผลอื่นอีก

นางวางใจเล็กน้อย แต่กลับแสร้งโน้มตัวเข้าใกล้เซียวหลินเทียนอย่างน้อยอกน้อยใจ กล่าวว่า “ผู้พี่ ท่านช่วยลองดูหน้าของหม่อมฉันสักหน่อย...”

“เมื่อครู่พี่สะใภ้ตบหม่อมฉันหนึ่งฝ่ามือและยังถือมีดข่มขู่ด้วย บอกว่าจะทำลายดวงหน้าของหม่อมฉัน! หน้าของหม่อมฉันมิได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่เพคะ?”

เซียวหลินเทียนกวาดมองบนดวงหน้าของนางที่ยังรอยนิ้วมือห้านิ้วประทับอยู่ แต่ไม่มีแผลจากมีด

พอเขาหวนนึกถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ถือมีดจ่อคอตนก็พลันบันดาลโทสะในบัดดล

อภัยได้ ยอมรับได้

ตอนนั้นหลิงอวี๋ถือมีดจ่อตน เขาเองก็ใช้แส้รัดลำคอของนางไว้ เนื่องสถานการณ์เร่งด่วน ทำให้การต่อต้านของหลิงอวี๋จึงยังพอรับมือได้!

แต่ตอนนี้เวลาเหล่าสตรีทะเลาะกัน ถึงขั้นใช้มีดแล้วหรือ?

“หลิงอวี๋ ไม่เห็นกฎแห่งสวรรค์(1)อยู่ในสายตาแล้วจริง ๆ รึ?”

เซียวหลินเทียนตะโกนลั่นว่า “มีดล่ะ ส่งมีดมา! แล้วขอโทษเสิ่นจวนด้วย!”

"ห้ามบอกตัวข้าผู้เป็นอ๋องว่าไม่! ห้ามท้าทายขีดจำกัดของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!"

หลิงอวี๋ลุกยืนขึ้น เกศาของนางล้วนถูกเสิ่นจวนดึงยุ่งเหยิงหมดแล้วและมีปอยผมสองสามเส้นกระจายร่วงหล่นที่หน้าอก

นางมองเซียวหลินเทียนอย่างเยาะหยัน เจ้าบุรุษหลายใจผู้นี้จะฆ่าจะฟันกันตอนอยู่ในตำหนักอ๋องอี้เพราะคำพูดหลิงหลานไม่กี่ประโยค!

ไม่คิดว่าพอออกตำหนักอยู่ข้างนอกก็ยังเป็นเช่นนี้ดั่งเคย เสิ่นจวนพูดสิ่งใดเขาก็เชื่อสิ่งนั้น!

หลิงอวี๋มองออกกระจ่างชัดว่าในใจของเซียวหลินเทียนไม่มีสถานะสำหรับนางอย่างไม่ว่างเว้น กระทั่งข้ารับใช้คนเดียวก็เทียบไม่ได้เหมือนกัน!

นี่นับเป็นสามีภรรยากับผีอะไรกัน เดิมทีเซียวหลินเทียนไม่ได้มีจิตสำนึกในฐานะสามีเลย!

หลิงอวี๋ในอดีตต้องตาบอดโง่เขลาขนาดไหนถึงชอบคนอย่างเซียวหลินเทียนลงได้!

“เซียวหลินเทียน เมื่อก่อนข้าเคยชอบเจ้ายังไง บัดนี้ไปข้าล้วนผกผันไปหมดสิ้นแล้ว!”

หลิงอวี๋หัวเราะเยอะหยัน ครั้นเห็นอันเจ๋อยืนอยู่ด้านหลังเซียวหลินเทียนก็กล่าวว่า “ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะไม่ชอบเจ้าต่อไปอีกแล้ว!”

“เพราะเจ้าไม่คู่ควร!”

เซียวหลินเทียนชะงักงันไปชั่วขณะ นัยน์ตามืดครึ้มเล็กน้อย

“ต่างเอ่ยกันว่าสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียว มีเกียรติและเสื่อมเกียรติร่วมกัน! ทว่าเพื่อเจ้าแล้วครั้นที่ท่านน้าของอ๋องใส่ไคล้เจ้า ข้ายังหาญกล้าโรมรันกับเขา!”

“แล้วเจ้าเล่า? เจ้าทำสิ่งใดไปแล้วบ้าง? เมื่อครู่คนมากมายพวกนั้นรุมต่อว่าข้า แต่เจ้าไม่ช่วยข้าพูดสักประโยคเดียว!”

“ตอนนี้ บุตรีผู้น้องของเจ้าทำให้ข้าต้องอัปยศอดสู บอกให้ข้าเป็นนางรับให้นาง บอกให้ข้าโขกหัวคำนับให้นาง!”

“เจ้าเข้าประตูมากลับไม่ท้วงติงสักคำ ไม่แยกแยะเขียวแดงดำขาว(2) บีบบังคับให้ข้าขอโทษนาง!”

“สามีอย่างเจ้านี้มีไปหาสวรรค์วิมารอันใดเล่า? เพียงเพื่อประดับหรือไร?”

หลิงอวี๋ยกขากรามส่วนล่างขึ้นอย่างเยาะเย้ย “วันนี้ข้าขอปฏิเสธ! ข้าจะไม่ส่งมีดและไม่ขอโทษนาง! จะฆ่าจะฟันก็ตามแต่เจ้าเลือก!”

ทุกคนถูกคำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ตกตะลึงตาค้างพูดไม่ออก โดยเฉพาะอันเจ๋อ เสิ่นจวนและพวกคุณหนู!

พวกนางไม่เคยเห็นกิริยาของหลิงอวี๋ที่คุมเชิงเซียวหลินเทียนมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่าเซียวหลินเทียนเสียเปรียบในน้ำมือของหลิงอวี๋เช่นกัน!

พวกนางเพียงรู้สึกทึ่งมาก มิคาดว่าหลิงอวี๋จะขวัญกล้าเทียมฟ้า(3) กล้าใช้น้ำเสียงแบบนั้นพูดกับเซียวหลินเทียน!

อยู่บ้านอาศัยพ่อ ออกเรือนอาศัยสามี!

พวกนางได้รับคำสั่งสอนเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก มารดาของพวกนางก็สอนพวกนางแบบนี้เช่นเดียวกัน!

ฉะนั้นพวกนางจึงไร้หนทางจินตนาการออกว่า หลิงอวี๋จะกล้าพูดว่าเซียวหลินเทียนสามีเพียงเป็นของประดับเท่านั้น!

(1) ไม่เห็นกฎแห่งสวรรค์ หมายถึง ทำชั่วโดยไม่เห็นกฎแห่งกรรมอยู่ในสายตา

(2) ไม่แยกแยะเขียวแดงดำขาว เป็นสำนวนแปลว่า ไม่แยกแยะถูกผิด

(3) ขวัญกล้าเทียมฟ้า เป็นสำนวนหมายถึง มีความกล้าหาญเกินปกติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา