บุตรีสกุลเลื่องชื่อ ยกตนข่มท่านขณะไปข้างนอก ผู้ที่รู้จักกล่าวว่า เจ้าไร้เดียงสาร่าเริง แต่ผู้ที่ไม่รู้จักกลับคิดว่าเจ้าไร้การศึกษาใช่หรือไม่?
“อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า อากัปกิริยาภายนอกที่มิเหมาะสมจะส่งผลต่อบุพเพสันนิวาสของเจ้า?”
“แขกผู้มั่งมีสูงส่งที่มาภัตตาคารจี๋เสียงแห่งนี้ แล้วเจ้ากล้ารับรองหรือไม่ว่าในหมู่พวกเขาจะมีพ่อแม่สามี รวมถึงสามีในอนาคตของเจ้า?”
“เจ้ามักให้คนโขกหัวคำนับอยู่บ่อย ๆ อุปนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ระยําตําบอนเช่นนี้ของเจ้า ผู้ใดจะกล้ามาตบแต่งกับเจ้า?”
แม้คำพูดเหล่านี้ของหลิงอวี๋จะมุ่งไปที่เสิ่นจวน แต่ก็ได้เหมารวมเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนี้เข้าไปด้วย เมื่อได้ฟังก็พากันหน้าแดงหน้าดำสิ้นคำเอ่ยตอบ
เสิ่นจวนรู้สึกทั้งอายเละเคืองอยากด่าหลิงอวี๋ ทว่ามีดก็ยังแตะอยู่บนหน้านาง แม้ว่านางจะมีความหาญกล้าอยู่ประปราย แต่ก็ไม่กล้าด่าอยู่ดี!
กระทั่งความแค้นในหัวใจก็ไม่กล้าเผยออกมา
“รู้ความผิดหรือยัง?”
หลิงอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าชุลมุนแพร่มาจากที่ไกล ๆ และเอ่ยถามตรงไปตรงมาจริงจังว่า
“ท่านพี่สะใภ้ ข้ารู้ความผิดแล้ว!” เสิ่นจวนขานตอบและแสร้งทำตัวน่าสงสาร
“รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าเยี่ยมนัก! ลุกขึ้นเถอะ พี่สะใภ้ไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อเจ้า คราวหน้าระวังขึ้นสักหน่อยเป็นอันพอ!”
หลิงอวี๋เก็บมีด ก่อนจะยื่นมือไปดึงนางลุกขึ้น
เวลานี้เองเสิ่นจวนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเช่นกัน เมื่อครู่นางเห็นฉินรั่วซือไปเรียกคน นี่คงเป็นฉินรั่วซือเรียกเซียวหลินเทียนมาเป็นแน่
นางฉวยโอกาสที่หลิงอวี๋กำลังฉุดตัวเองขึ้น ออกแรงคว้ามือของหลิงอวี๋จับให้มั่นแล้วกระชากนางล้มลง
หลิงอวี๋ไฉนเลยจะคิดว่าเสิ่นจวนจะมาไม้นี้?
หลิงอวี๋ยืนไม่มั่นคงก็พลันล้มลงบนร่างเสิ่นจวน…
“ช่วยด้วย! ท่านพี่สะใภ้อย่าตีข้า… ข้าผิดไปแล้ว ข้ามิกล้าอีกแล้ว!” เสิ่นจวนแผดร้องเสียงดังอย่างอลหม่าน
“หยุดมือ! หลิงอวี๋ เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่?”
เป็นเซียวหลินเทียนมาดังคาด เขาถูกลู่หนานเข็นเข้ามาก็เห็นหลิงอวี๋กำลังประชิดเสิ่นจวนและทั้งคู่กำลังประมือกัน
เสียงของเซียวหลินเทียนแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเคือง แค่เงินจ่ายค่าข้าวไม่ไหวก็ขายหน้าพอแล้ว!
ยังจะประมือกันอยู่หลังภัตตาคารจี๋เสียง หลิงอวี๋ต้องการทำให้ตำหนักอ๋องอี้เสียหน้าให้ถึงที่สุดหรือไร?
“ผู้พี่ ช่วยหม่อมฉันด้วย! หม่อมฉันแค่อยากช่วยพี่สะใภ้จ่ายค่าอาหาร ผู้ใดจะรู้ว่านางไม่ซาบซึ้งแถมยังไม่พอใจทำร้ายหม่อมฉันด้วยเพคะ!”
เสิ่นจวนสบโอกาสคว้าเกศาของหลิงอวี๋ให้มั่นแล้วเอ่ยร้องอย่างไม่เป็นธรรม
“ลู่หนาน ไปแยกพวกนางออกเสีย!” เซียวหลินเทียนตะโกนลั่น
ลู่หนานรีบก้าวไปข้างหน้า คิดอยากดึงคนออก ทั้งยังรู้สึกว่ามิเหมาะสม
ทั้งคู่เป็นสตรี เขาแตะเนื้อต้องตัวผู้ใดล้วนมิดีทั้งสิ้น!
โชคดีที่เสิ่นจวนเห็นสถานการณ์ นางก็กลัวเรื่องชายนอกราชนิกุลแตะเนื้อต้องตัวของตนแพร่สพัดออกไปจะไม่ดี
นางปล่อยหลิงอวี๋และผลักนางไปอย่างแน่วแน่ ก่อนจะแกล้งทำเป็นดิ้นรนหนีเลี่ยงไปด้านข้างอย่างล้มลุกคลุกคลาน
“ผู้พี่ ท่านต้องตัดสินเพื่อหม่อมฉันนะเพคะ พี่สะใภ้ นางรังแกเกินไปแล้ว...!”
เสิ่นจวนลูบใบหน้าตัวเอง พบว่าบนหน้านอกจากหนึ่งฝ่ามือที่หลิงอวี๋ตบ ก็ไม่ได้มีบาดแผลอื่นอีก
นางวางใจเล็กน้อย แต่กลับแสร้งโน้มตัวเข้าใกล้เซียวหลินเทียนอย่างน้อยอกน้อยใจ กล่าวว่า “ผู้พี่ ท่านช่วยลองดูหน้าของหม่อมฉันสักหน่อย...”
“เมื่อครู่พี่สะใภ้ตบหม่อมฉันหนึ่งฝ่ามือและยังถือมีดข่มขู่ด้วย บอกว่าจะทำลายดวงหน้าของหม่อมฉัน! หน้าของหม่อมฉันมิได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่เพคะ?”
เซียวหลินเทียนกวาดมองบนดวงหน้าของนางที่ยังรอยนิ้วมือห้านิ้วประทับอยู่ แต่ไม่มีแผลจากมีด
พอเขาหวนนึกถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ถือมีดจ่อคอตนก็พลันบันดาลโทสะในบัดดล
อภัยได้ ยอมรับได้
ตอนนั้นหลิงอวี๋ถือมีดจ่อตน เขาเองก็ใช้แส้รัดลำคอของนางไว้ เนื่องสถานการณ์เร่งด่วน ทำให้การต่อต้านของหลิงอวี๋จึงยังพอรับมือได้!
แต่ตอนนี้เวลาเหล่าสตรีทะเลาะกัน ถึงขั้นใช้มีดแล้วหรือ?
“หลิงอวี๋ ไม่เห็นกฎแห่งสวรรค์(1)อยู่ในสายตาแล้วจริง ๆ รึ?”
เซียวหลินเทียนตะโกนลั่นว่า “มีดล่ะ ส่งมีดมา! แล้วขอโทษเสิ่นจวนด้วย!”
"ห้ามบอกตัวข้าผู้เป็นอ๋องว่าไม่! ห้ามท้าทายขีดจำกัดของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!"
หลิงอวี๋ลุกยืนขึ้น เกศาของนางล้วนถูกเสิ่นจวนดึงยุ่งเหยิงหมดแล้วและมีปอยผมสองสามเส้นกระจายร่วงหล่นที่หน้าอก
นางมองเซียวหลินเทียนอย่างเยาะหยัน เจ้าบุรุษหลายใจผู้นี้จะฆ่าจะฟันกันตอนอยู่ในตำหนักอ๋องอี้เพราะคำพูดหลิงหลานไม่กี่ประโยค!
ไม่คิดว่าพอออกตำหนักอยู่ข้างนอกก็ยังเป็นเช่นนี้ดั่งเคย เสิ่นจวนพูดสิ่งใดเขาก็เชื่อสิ่งนั้น!
หลิงอวี๋มองออกกระจ่างชัดว่าในใจของเซียวหลินเทียนไม่มีสถานะสำหรับนางอย่างไม่ว่างเว้น กระทั่งข้ารับใช้คนเดียวก็เทียบไม่ได้เหมือนกัน!
นี่นับเป็นสามีภรรยากับผีอะไรกัน เดิมทีเซียวหลินเทียนไม่ได้มีจิตสำนึกในฐานะสามีเลย!
หลิงอวี๋ในอดีตต้องตาบอดโง่เขลาขนาดไหนถึงชอบคนอย่างเซียวหลินเทียนลงได้!
“เซียวหลินเทียน เมื่อก่อนข้าเคยชอบเจ้ายังไง บัดนี้ไปข้าล้วนผกผันไปหมดสิ้นแล้ว!”
หลิงอวี๋หัวเราะเยอะหยัน ครั้นเห็นอันเจ๋อยืนอยู่ด้านหลังเซียวหลินเทียนก็กล่าวว่า “ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะไม่ชอบเจ้าต่อไปอีกแล้ว!”
“เพราะเจ้าไม่คู่ควร!”
เซียวหลินเทียนชะงักงันไปชั่วขณะ นัยน์ตามืดครึ้มเล็กน้อย
“ต่างเอ่ยกันว่าสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียว มีเกียรติและเสื่อมเกียรติร่วมกัน! ทว่าเพื่อเจ้าแล้วครั้นที่ท่านน้าของอ๋องใส่ไคล้เจ้า ข้ายังหาญกล้าโรมรันกับเขา!”
“แล้วเจ้าเล่า? เจ้าทำสิ่งใดไปแล้วบ้าง? เมื่อครู่คนมากมายพวกนั้นรุมต่อว่าข้า แต่เจ้าไม่ช่วยข้าพูดสักประโยคเดียว!”
“ตอนนี้ บุตรีผู้น้องของเจ้าทำให้ข้าต้องอัปยศอดสู บอกให้ข้าเป็นนางรับให้นาง บอกให้ข้าโขกหัวคำนับให้นาง!”
“เจ้าเข้าประตูมากลับไม่ท้วงติงสักคำ ไม่แยกแยะเขียวแดงดำขาว(2) บีบบังคับให้ข้าขอโทษนาง!”
“สามีอย่างเจ้านี้มีไปหาสวรรค์วิมารอันใดเล่า? เพียงเพื่อประดับหรือไร?”
หลิงอวี๋ยกขากรามส่วนล่างขึ้นอย่างเยาะเย้ย “วันนี้ข้าขอปฏิเสธ! ข้าจะไม่ส่งมีดและไม่ขอโทษนาง! จะฆ่าจะฟันก็ตามแต่เจ้าเลือก!”
ทุกคนถูกคำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ตกตะลึงตาค้างพูดไม่ออก โดยเฉพาะอันเจ๋อ เสิ่นจวนและพวกคุณหนู!
พวกนางไม่เคยเห็นกิริยาของหลิงอวี๋ที่คุมเชิงเซียวหลินเทียนมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่าเซียวหลินเทียนเสียเปรียบในน้ำมือของหลิงอวี๋เช่นกัน!
พวกนางเพียงรู้สึกทึ่งมาก มิคาดว่าหลิงอวี๋จะขวัญกล้าเทียมฟ้า(3) กล้าใช้น้ำเสียงแบบนั้นพูดกับเซียวหลินเทียน!
อยู่บ้านอาศัยพ่อ ออกเรือนอาศัยสามี!
พวกนางได้รับคำสั่งสอนเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก มารดาของพวกนางก็สอนพวกนางแบบนี้เช่นเดียวกัน!
ฉะนั้นพวกนางจึงไร้หนทางจินตนาการออกว่า หลิงอวี๋จะกล้าพูดว่าเซียวหลินเทียนสามีเพียงเป็นของประดับเท่านั้น!
(1) ไม่เห็นกฎแห่งสวรรค์ หมายถึง ทำชั่วโดยไม่เห็นกฎแห่งกรรมอยู่ในสายตา
(2) ไม่แยกแยะเขียวแดงดำขาว เป็นสำนวนแปลว่า ไม่แยกแยะถูกผิด
(3) ขวัญกล้าเทียมฟ้า เป็นสำนวนหมายถึง มีความกล้าหาญเกินปกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...