ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 70

คำพูดที่กล่าวไปพักหนึ่งของหลิงอวี๋ทำให้เซียวหลินเทียนนิ่งอึ้งไป เขากำลังจ้องหลิงอวี๋อย่างมึนงง

มิใช่ว่าเขากลัวเสียเปรียบเลยไม่ลงมือ ทว่า… คำพูดของหลิงอวี๋คล้ายมีความจริงหลายส่วน!

แต่ความนิ่งเงียบไม่กล่าวคำของเขาทำให้ลู่หนานเข้าใจผิด ลู่หนานเคยเห็นเซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋ห้อยไว้บนต้นไม้ด้วยตาตัวเอง เลยหวั่นเซียวหลินเทียนจะออกมือต่อหลิงอวี๋ภายใต้อารมณ์ชั่ววูบ!

แต่นี่อยู่ข้างนอก พวกเขาจะขายหน้าเพราะคนผู้นี้มิได้!

“ท่านอ๋อง อาจจะมีความเข้าใจผิดบางอย่างในหมู่พวกนางจริง ๆ หาไม่แล้ว เราลองฟังที่พระชายาพูดดูเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

ลู่หนานกล่าวโน้มน้าว

เมื่อเสิ่นจวนได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าว “ผู้พี่ หรือว่าท่านมิเชื่อใจหม่อมฉันเพคะ? หม่อมฉันเป็นคนเช่นไรท่านยังไม่รู้แจ้งหรือ?”

“ท่านดูสิ นางตบหน้าหม่อมฉัน ร่องรอยล้วนยังอยู่! อีกอย่างหม่อมฉันยังมีพยานบุคคล...”

เสิ่นจวนดันเจิงจื่ออวี้ออกไป แล้วเจิงจื่ออวี้ก็กล่าวอย่างปราดเปรื่องว่า

“กราบบังคมทูลท่านอ๋อง เป็นพระชายาอ๋องอี้ตบเสิ่นจวนจริงเพคะ แถมยังกล่าวว่าต้องการทำลายดวงหน้าของนาง! เราทุกคนเป็นพยานให้เสิ่นจวนได้เพคะ!”

“หม่อมฉันก็เป็นพยานได้เพคะ!” สวี่เหยียนและเสิ่นจวนเอ่ยพร้อมเพรียง แน่นอนว่าต้องการค้ำจุนพี่น้องของตน

ครั้นตู้ตงหงเห็นทั้งสองเป็นพยานแล้ว ก็ไม่อยากผิดใจกับเสิ่นจวนเลยกล่าวเสียงแผ่ว “หม่อมฉันก็เป็นพยานได้เพคะ!”

“มีทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐาน พี่สะใภ้ เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?” เสิ่นจวนชำเลืองมองหลิงอวี๋อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

หลิงอวี๋คร้านจะมองนาง เพียงกำลังจ้องเซียวหลินเทียนอย่างหัวรั้น

นางตัวคนเดียวไร้ซึ่งพยานบุคคล นั่นก็ขึ้นอยู่ที่เซียวหลินเทียนแล้วว่ายินดีเชื่อใคร!

เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นความยั่วยุ นัยน์ตาของหลิงอวี๋ก็เดาความคิดของนางได้ทันที!

กอปรกับคำพูดเหล่านั้นของหลิงอวี๋เมื่อครู่ นี่ก็ทำให้เซียวหลินเทียนอักอ่วนใจแล้ว!

แม้ว่าเขากับหลิงอวี๋เป็นสามีภรรยากัน แต่เขาก็ไม่เคยยอมรับนางเลย!

มีเกียรติและเสื่อมเกียรติร่วมกันกระไรนั่นเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจเลย เพราะเขารู้สึกว่า เขาก็คือเขา หลิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!

และสหายองครักษ์ของเขาก็มีความคิดแบบเดียวกัน พวกเขาจะไม่ยอมรับว่าหลิงอวี๋กับเขาเป็นหนึ่งเดียวเพียงเพราะได้อภิเษกสมรสกับนาง!

เซียวหลินเทียนไม่อยากทำลายดุลยภาพเช่นนี้ หากวันนี้ออกหน้าเพื่อหลิงอวี๋ สังคมภายนอกก็จะคิดว่าพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน!

และนี้จะช่วยเพิ่มทวีนิสัยของหลิงอวี๋ให้ไร้ซึ่งกฎแห่งสวรรค์มากขึ้นด้วย

ก่อนหน้านางก็กล้าใช้ชื่อเสียงของตนยืมเงินกู้ดอกเบี้ยสูง พอมาวันนี้ยังขวัญกล้าเทียมฟ้าปลอมเทียบเชิญอีก!

หากเขาให้เกียรตินางในวันนี้ นางอาจใช้ชื่อเสียงของตนแพร่สะพัดข่าวที่น่าตกใจจนขวัญเสียยิ่งกว่าเดิม!

เซียวหลินเทียนจึงไม่ออกหน้าเพื่อนางในสถานการณ์นี้!

เซียวหลินเทียนตัดสินใจในพริบตาเดียว เขากล่าวเสียงทุ้ม “หลิงอวี๋ ให้โอกาสเจ้าอธิบายแล้ว! หากเจ้าไม่ยอมพูดก็ทำตามที่ตัวข้าพูดซะ!”

จากนั้นหลิงอวี๋ก็รู้สึกผิดหวังทันใด นางยังคิดว่า คำพูดของตนอย่างน้อยจะทำให้เซียวหลินเทียนหวนคิดได้บ้าง!

ไฉนเลยจะคิดว่า ชายหลายใจผู้นี้จะยังมีพฤติกรรมที่น่าแขยงเหมือนเดิม!

“ข้าอธิบายไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากลงมือก็เข้ามาเลย!”

หลิงอวี๋คร้านที่จะเปลืองน้ำลายเลยกล่าวคำประชดประชัน

จากนั้นสถานการณ์ก็หยุดนิ่งฉับพลัน

เซียวหลินเทียนไม่เข้าใจสตรี เดิมที่คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะประชดประชันขี้งอน ยังคิดอีกว่าที่หลิงอวี๋ยั่วยุตนคือนางพะวงการใช้อาวุธเพราะกลัวจะทำร้ายตัวนางเอง!

สีนัยน์ตาของเขามืดหมองลงทันที ในมือกำแส้ไว้ ก่อนจะกล่าวคำเสียดไรฟันทีละคำทีละประโยค

“เจ้า… ต้องการบีบคั้นตัวข้าผู้เป็นอ๋องให้ลงมือเองใช่หรือไม่?”

หลิงอวี๋มองดูแส้ของเขา ก่อนจะยิ้มหยัน “นี่มิใช่ครั้งแรก เลวร้ายที่สุดก็แค่มัจฉาตายตาข่ายขาด(1)!”

เสิ่นจวนเห็นแส้ในมือเซียวหลินเทียนก็ตื่นเต้นจนเกือบส่งเสียงร้องออกมา…

ฟาดนางซะ ฟาดให้แรง ๆ ฟาดหญิงสารเลวผู้นี้ให้ตาย!

ฉินรั่วซือก็คิดเหมือนนาง แอบมีความสุขบนความทุกข์ของหลิงอวี๋อยู่ภายในใจจนแทบจะโบกธงโห่ร้องช่วยเสริมกำลังใจให้เซียวหลินเทียนอยู่แล้ว!

ลู่หนานตกตะลึงพรึงเพริดทำอะไรไม่ถูก นี่จะประมือกันจริงหรือไร?

นัยน์ตาทั้งสองฝ่ายต่างจ้องกันด้วยแรงโทสะมหาศาล สงครามครั้งใหญ่กำลังจะปะทุขึ้น…

ขณะนี้ ทุกคนก็พลันได้ยินเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง

“เกิดเรื่องสิ่งใดขึ้น เหตุใดมาสร้างความวุ่นวายกันอยู่ที่นี่?”

ทุกคนหันหน้ากลับมาก็พบกับบุรุษสูงผอมในวัยสามสิบได้เดินมา

เขามีรอยกรีดแผลเป็นบนคิ้วหนา สีผิวแทน ทรงหน้าเรียวเล็กและเบ้าตาลึก ดูไปแล้วมีความหม่นหมองประปราย

“ท่านผังท่านมาแล้ว!”

เสี่ยวเอ้อร์ของร้านหลบอยู่ข้าง ๆ จากความวุ่นวายนานแล้ว เมื่อเห็นเขาก็รีบโค้งคำนับแสดงความเคารพ

“เป็นการโต้เถียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะพระชายาอ๋องอี้จ่ายค่าอาหารไม่ไหว เหล่าคุณหนูพูดช่วยข้า จึงเกิดการทะเลาะกันขึ้นขอรับ!”

“ท่านอ๋องอี้ก็อยู่เช่นกัน กำลังแก้ปัญหาขอรับ!”

ครั้นบรรดาคุณหนูเห็นชายนอกราชนิกุลมาถึงต่างรีบสำรวมอาการ ก่อนจะอำพรางใบหน้าครึ่งหนึ่งและหลบไปด้านข้าง

ท่านผังเห็นเซียวหลินเทียนก็ตะโกนเรียกอย่างไม่ยี่หระ “เดิมทีท่านอ๋องอี้ก็อยู่ด้วยนี่เอง!”

เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่ามีคนมาก็สำรวมอาการกริ้วโกรธไว้ก่อนชั่วคราวและพยักหน้าอย่างเย็นชา

“แค่เงินไม่กี่ตำลึงยังรบกวนท่านอ๋องได้ นับวันยิ่งทำงานไม่ได้เรื่องจริง ๆ ! รีบจัดการปัญหาซะ แขกกำลังรอใช้สุขาอยู่!”

ท่านผังตำหนิเสี่ยวเอ้อร์

เสี่ยวเอ้อร์เหลือบมองหลิงอวี๋แล้วกล่าวขึ้นอย่างลำบากใจ “แต่พระชายาอ๋องอี้ไม่มีเงินนะขอรับ!”

ท่านผังขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างคนเดียวโดด ๆ ก็พลันกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า

“พระชายาอ๋องอี้ผู้สง่าผ่าเผยยังขาดเงินหรือ? หากนางไม่มีแล้วท่านอ๋องอี้จะไม่ช่วยนางหรือไร? มีตาหามีแววไม่!”

ครั้นเสิ่นจวนได้ยินคำพูดนี้ก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว กล่าวขึ้นว่า “คำพูดนี้ของท่านผังผิดแล้ว! สะใภ้ข้าก็คือสะใภ้ ผู้พี่ข้าก็คือผู้พี่!”

“นั่นคือเรื่องของพี่สะใภ้ข้าที่กินข้าวแล้วจ่ายไม่ไหว! มีสิทธิ์อะไรต้องให้ผู้พี่ข้าจ่าย!”

“ตามที่เจ้าว่านั้น ที่นางติดหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยสูงพวกเจ้า เช่นนั้นก็ต้องให้ผู้พี่ข้าคืนรึ! เหตุใดจะต้องทำด้วย!”

ท่านผังลากเสียงยาวเหยียด “อ้อ เดิมทีเป็นเช่นนี้นี่เอง!”

เขาหันไปทางเสี่ยวเอ้อและตำหนิว่า “ถ้างั้นเจ้าก็ไปขอกับพระชายาอ๋องอี้ซะสิ!”

เสี่ยวเอ้อร์คลี่ยิ้มขมขื่น “แต่พระชายาอ๋องอี้ไม่มีเงินจ่ายนะขอรับ!”

ท่านผังออกแรงตบเข้าที่กบาลของเสี่ยวเอ้อร์และตวาดว่า “จ่ายไม่ไหวก็คุมตัวไปยืนประจานที่ประตูหน้าซะ!”

(1) มัจฉาตายตาข่ายขาด เป็นสำนวนหมายถึง สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา