ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 71

ครั้นผู้อาสุโวกล่าวจบ ประหนึ่งนึกอะไรขึ้นได้บ่ายศีรษะไปมองทางเซียวหลินเทียน ยิ้มตาหยีกล่าวคำ

“ท่านอ๋องอี้ นี่คือกฎของภัตตาคารจี๋เสียงที่จะลงโทษแขกที่ทานอาหารไม่จ่ายเงิน ท่านพอพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เซียวหลินเทียนไม่ชอบรอยยิ้มเหน็บแนมนี้ของท่านผังอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงมองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความเย็นชา

เมื่อหลิงอวี๋เห็นสายตาเขาพลันเข้าใจทันที เจ้าใช้แววตานี้สื่อเป็นนัยว่าเพียงขอโทษนาง เขาก็จะช่วยจ่ายเงินให้

ทว่าหัวใจของหลิงอวี๋ล้วนถูกเขาทำให้เยือกเย็นไปแล้ว ไฉนเลยจะรู้สึกซาบซึ้งได้!

หลิงอวี๋มิใช่เป็นคนที่โค้งคำนับเพื่อข้าวสารหาถัง!

เซียวหลินเทียนต้องการให้นางละทิ้งหลักการของตนเพื่อเงินสองสามร้อยตำลึง แล้วนี่มีสิ่งใดแตกต่างจากท่านผังที่ทำให้นางต้องอัปยศกัน!

ในเมื่อเซียวหลินเทียนต้องการแบ่งแยกชัดเจนถึงเพียงนี้ ได้ หากเขาไม่กลัวขายหน้าตำหนักอ๋องอี้ นางหลิงอวี๋ผู้นี้ก็จะไม่หวั่นเกรง!

“ข้าจะใช้หนี้เอง ข้าจะคืนเอง!”

“พวกเจ้าให้ข้าพบกับท่านเกิ่งเอ้อร์สักหน่อย บอกไปว่าข้ามีธุรกิจจะคุยกับเขา!”

“ท่านเกิ่งเอ้อร์ของพวกเรากำลังยุ่งอยู่ มิใช่ว่าผู้ใดอยากคุยธุรกิจกับเขาก็คุยได้!”

ท่านผังไม่ได้นำคำพูดของหลิงอวี๋มาใส่ใจโดยสิ้นเชิง เขาหัวเราะเยาะเยือกเย็น แววตาพลันมืดครึ้มกล่าวคำ

“ในเมื่อพระชายาอ๋องอี้ไม่อาจจ่ายเงินได้ นั่นก็ต้องล่วงเกินแล้ว! เสี่ยวเอ้อร์ ลากนางออกไปเสีย!”

เสี่ยวเอ้อร์มองเซียวหลินเทียนและอันเจ๋อ กล่าวอย่างลำบากใจว่า “แต่ท่านเอ้อร์บอกว่าห้ามล่วงเกินผู้สูงศักดิ์! วิธีนี้ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ขอรับ!”

ท่านผังถลึงตามองเสี่ยวเอ้อร์ของร้านอย่างโหดร้าย ก่อนจะกล่าวอย่างเยือกเย็น

“ทำไมรึ ท่านเอ้อร์พูดมีผล แต่ข้าท่านผังพูดมิมีผลแล้ว?”

“ท่านอ๋องอี้รู้สึกมิพอใจแล้ว เจ้าก็ยังบ่นจู้จี้ไม่หยุดหย่อน ไม่อยากทำงานแล้วใช่หรือไม่?”

“ข้ามิกล้า! ข้าจะคุมตัวพระชายาไปประจานขอรับ!”

หลังจากที่เสี่ยวเอ้อร์ได้รับคำสั่งก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนไม่ได้กล่าวคำใด ๆ เลยไม่เกรงใจหลิงอวี๋อีก รีบรุดไปคว้านางไว้แล้วลากเดินไปข้างหน้า

“ฮ่าฮ่า...”

เสิ่นจวนหัวเราะขึ้นอย่างกำเริบเสิบสาน หัวเราะไปได้แค่สองพรืดก็รู้ว่ามิเหมาะสมจึงปิดปากไว้

นางแอบลอบมองเซียวหลินเทียนพบว่าสีหน้าของเซียวหลินเทียนมืดครึ้ม เห็นได้กระจ่างเลยว่าถูกหลิงอวี๋ทำให้ขุ่นเคือง

“น่าสนุกจริง ๆ นี่น่าสนใจกว่าคุกเข่าเป็นไหน ๆ ! หลิงอวี๋ เจ้าเองก็มีวันนี้เหมือนกัน!”

ภัตตาคารจี๋เสียงไม่ได้คุมตัวใครประจานมานานมากแล้ว!

เมื่อเสิ่นจวนนึกถึงฉากที่หลิงอวี๋ถูกแขวนป้ายประจานว่า ‘ติดหนี้ต้องชดใช้คืน’ ก็มิกล้าหัวเราะซึ่ง ๆ หน้าเซียวหลินเทียน ทำเพียงยินดีปรีดาในความทุกข์ของหลิงอวี๋อยู่ภายในใจเท่านั้น

เซียวหลินเทียนกำหมัดแน่น กรามส่วนล่างตึงเกร็ง เขาแทบอยากจะพุ่งปราดไปบีบคอหลิงอวี๋ให้ตายกับมือ

หลิงอวี๋ เจ้าหัวแข็งถึงเพียงนี้เชียว ยินยอมถูกประจานดีกว่ายอมขอโทษงั้นหรือ?

ได้ ตัวข้าก็จะดูว่าวันนี้เจ้าจะขายหน้าแค่ไหน!

หุนหันเกินไปแล้ว!

อันเจ๋อมองเสี่ยวเอ้อร์ลากหลิงอวี๋ออกไปเช่นนี้ก็พลันตกตะลึงพรึงเพริด ทว่าเซียวหลินเทียนกลับนิ่งเงียบไม่กล่าวคำ!

นะ… นี่มันมากเกินไปแล้วเถอะ!

แค่เงินไม่กี่ร้อยตำลึงต้องทำถึงขั้นนี้เลยหรือ?

“หลินเทียน...” อันเอ๋อเอ่ยเรียกอย่างปั่นป่วนใจ

“อย่ากล่าวอันใดเลย มิใช่ว่านางพูดหรือว่าจะจัดการเรื่องหนี้เอง? ตัวข้าก็จะดูว่านางจะจัดการอย่างไร!”

เซียวหลินเทียนตะคอกอย่างมีน้ำโห

บัดนี้ลู่หนานที่คิดอยากขอร้องให้หลิงอวี๋ก็มิกล้ากล่าวคำแล้ว เพราะเขารู้ว่าท่านอ๋องอี้พิโรธอย่างหนักหน่วง!

......

ก่อนหน้า หลิงอวี๋ถูกฉุดลากไปในห้องโถงใหญ่ นางกำลังขบคิดว่าจะพาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

เป็นไปไม่ได้ที่นางปล่อยให้คนมาลากไปประจาน!

หลิงเยว่ยังอยู่ที่นี่ นางไม่อาจขายหน้าต่อหน้าเขาเช่นนี้ได้หรอก

“พี่เสี่ยวเอ้อร์ ข้าอยากพบท่านเกิ่งเอ้อร์ ข้าสามารถคืนเงินกู้ดอกเบี้ยสูงได้นะ!” หลิงอวี๋พยายามเอ้ยโน้มน้าวเสี่ยวเอ้อร์ให้คล้อยตาม

แต่เสี่ยวเอ้อร์ถูกผิงเหยเคยกล่าวเตือนไปแล้ว ไฉนเลยจะฟังคำพูดของนาง เขาทำหน้าบึ้งลากนางออกไปข้างนอกต่อ

“ปล่อยนางเสีย...”

หลิงอวี๋จวนจะถูกลากไปหน้าประตูอยู่แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวพรืดหนึ่ง

นางบ่ายหน้าไปมองพบว่าคนที่พูดคือบุตรชายคนเล็กของท่านเกิ่งเอ้อร์ เกิ่งเสี่ยวหาว!

หลิงอวี๋เคยพบเกิ่งเสี่ยวหาวมาก่อน แต่ไม่ได้มักคุ้น

หลิงอวี๋กวาดสายตามองเกิ่งเสี่ยวหาว คนสกุลเกิ่งผู้นี้ท่าทางดูราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี มีคิ้วหนาตาโตและสีผิวข้าวสาลีที่นิยมในยุคปัจจุบัน

ส่วนเกศาไม่ได้ยาวเฟื้อยเหมือนพวกเซียวหลินเทียน เขาได้ตัดให้สั้นประปราย เพียงสวมกวานรัดเกล้าหยกทมิฬชิ้นเดียวบนยอดศีรษะ ทำให้ยิ่งดูปราดเปรียวยิ่ง

เมื่อหลิงอวี๋เห็นเขานัยน์ตาก็ทอประกายขึ้น เอ่ยเรียกว่า “เกิ่งเสี่ยวหาว ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ตราบใดที่เจ้ายอมฟังข้าสักประโยค วันนี้ข้าก็จะคืนเงินทั้งหมดที่ข้าเป็นหนี้พวกเจ้าเลย!”

เกิ่งเสี่ยวหาวไม่แม้แต่จะเหลียวมองนาง เขาเดินมาพร้อมมองเสี่ยวเอ้อร์ของร้านไปด้วย กล่าวขึ้นขุ่นเคือง

“วาจาของท่านพ่อข้าเจ้าล้วนไม่ฟังแล้วรึ? ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าคุมตัวแขกไปประจาน? ยังไม่ยอมปล่อยพระชายาอ๋องอี้อีก?”

เสี้ยวเอ้อตอบอย่างลำบากใจ “เป็น… เป็นท่านผิงเหยสั่งให้ทำเช่นนี้ขอรับ!”

“ภัตตาคารแห่งนี้เป็นข้าบริหารดูแลอยู่ ผิงเหยผันมาตัดสินใจแทนข้าได้ตั้งแต่เมื่อไร? ...ปล่อยนาง!”

ครั้นเอ่ยสองคำสุดท้าย เสียงของเกิ่งเสี่ยวหาวก็ระคนความโหดร้ายประปราย

แววตาหลิงอวี๋ทอประกาย น้ำเสียงคลื่นนี้อนึ่งมีความไม่พอใจท่านผัง!

มีหวังแล้ว!

หลังจากที่ท่านผังออกมานั้นก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าหมองหม่นเมื่อได้ยินคำพูดของเกิ่งเสี่ยวหาว

“เสี่ยวหาว? ทำไม อาผังไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่ภัตตาคารจี๋เสียงเลยหรือ?”

ความหยิบหย่งเผยขึ้นสายหนึ่งบนหน้าวัยแรกรุ่นของเกิ่งเสี่ยวหาว ก่อนจะกล่าวเหน็บแนม

“ท่านอาผัง มิใช่ว่าพูดไม่ได้! เพียงแต่ไม่ใช่ว่าพวกเราแบ่งหน้าที่กันชัดเจนแล้วหรือ?”

“ข้าบริหารภัตตาคาร ท่านอาผังบริหารท่าเรือ ข้าก็มิได้ไปชี้โบ๊ขี้เบ๊ท่าเรือของท่านอามิใช่หรือ?”

แต่เดิมเซียวหลินเทียนขุ่นเคืองกับเรื่องวุ่นวายของหลิงอวี๋เต็มประดา พอออกมาเห็นท่านผังกับเกิ่งเสี่ยวหาวทะเลาะกันอยู่ อารมณ์เคืองนี้ก็พลันยั้งไว้ชั่วคราว

เขาคอยสังเกตสองคนนั้นอย่างนิ่งสงบสุขุม

เกิ่งเสี่ยวหาวเป็นบุตรชายของท่านเกิ่งเอ้อร์ มีสมรรถภาพการทำงานที่โดดเด่น เขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการที่ท่านเกิ่งเอ้อร์เลือกมา!

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเหล่าสกุลเกิ่งแข็งแกร่งเรืองอำนาจเนื่องด้วยการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูง เปิดกิจการภัตตาคาร หอนางโลม บ่อนการพนันและท่าเรือขนส่ง

องค์จักรพรรดิอู่อันมีข้อห้ามเล็กน้อยต่อสิ่งนี้ โดยคิดว่า เหล่าสกุลเกิ่งจะยังเลืองอำนาจขึ้นอีก ซึ่งอาจเกิดภัยคุกคามต่อราชสำนักได้!

พระองค์เพียงแค่ยังคิดไม่ออกว่าจะจัดการกับเหล่าสกุลเกิ่งอย่างไร หวั่นจะขยายเป็นวงกว้างเกินควร!

ท่านผังคนนี้คือ ผู้มีอำนาจอันดับสองของเหล่าสกุลเกิ่ง!

เซียวหลินเทียนได้ยินจากองครักษ์เงาของตนบอกว่า ท่านผังมีความกระตือรือร้นมากยิ่งในช่วงนี้ คิดยุยงคนในสกุลให้ไปล้มล้างท่านเกิ่งเอ้อร์ และประคองตัวเองขึ้นดำรงตำแหน่งผู้มีอำนาจอันดับหนึ่ง!

เซียวหลินเทียนนึกถึงเรื่องที่ขาทั้งสองของตนข้างพิการ หัวใจกอดความสนเท่ห์มาตลอด เขาสงสัยว่าการตกหลังม้ามิใช่เหตุสุดวิสัย แต่ถูกคนวางหมากไว้ขณะที่เขากำลังขี่ม้า

ฉะนั้นครั้นกลับมาถึงเมืองหลวง เขาก็แอบสืบเป็นนิจ แต่กองทหารที่พร้อมใช้งานภายใต้คำบัญชาของเขามีเพียงศฤคาลเงินท่านั้น

นักยุทธวิธีชี้แนะเขาไม่ว่างเว้นว่าเรื่องสร้างอิทธิพลของตนเอง และแล้วสิ่งนี้ก็เริ่มล่อใจเซียวหลินเทียน

เขามีความสนใจต่ออิทธิพลของเหล่าสกุลเกิ่งยิ่ง คิดหาโอกาสคบค้าสมาคมมาโดยตลอด

บัดนี้ได้เห็นพวกเขากำลังขัดแย้งกันภายใน บางทีโอกาสอาจมาถึงแล้ว!

ท่านผังถูกคำพูดเคืองโกรธของเกิ่งเสี่ยวหาวจนทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบตุบ ก่อนเขาจะกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม

“นี่เรียกว่าชี้โบ๊ชี้เบ๊อะไรงั้นรึ? ตอนที่ข้ากับเอ้อเหยฝ่าฟันมาด้วยกัน ยังไม่มีหลานชายอย่างเจ้าด้วยซ้ำ!”

“แม้ว่าภัตตาคารจะอยู่ในส่วนการบริหารของเจ้า แต่ถ้าเจ้าบริหารได้ไม่ดี ข้าก็จะติฉินไม่ได้หรือไร?”

“ไป เอ้อเหยยังอยู่ชั้นบน เราไปหาเอ้อเหยให้ตัดสินถูกผิด! มาดูกันว่าเอ้อเหยจะว่าเยี่ยงไร!”

เขาเอื้อมมือไปคว้าแขนของเกิ่งเสี่ยวหาวแล้วลากขึ้นไปชั้นบน

เสี่ยวเอ้อร์จับหลิงอวี๋ไว้อย่างกระอักกระอ่วนล้วนไม่รู้ว่าควรฟังผู้ใดดี! แล้วปล่อยคนผู้นี้ไปดีหรือไม่?

ในขณะนั้นเองพลันมีเสียงโหวกเหวกเอ็ดตะโรแผ่มาจากชั้นสาม…

มีเสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งวิ่งรุดไปยังข้างราวบันไดแกะสลัก ก่อนจะตะโกนเรียกดังลั่น

“คุณชายน้อย แย่แล้วขอรับ! เอ้อเหยก้างปลาติดคอ! หายใจไม่ออก!”

“หา… ใครก็ได้รีบไปเชิญหมอมาที!”

เกิ่งเสี่ยวหาวร้อนใจจึงสลัดท่านผังออก ก่อนจะวิ่งรุดขึ้นไปชั้นบน

ทุกคนต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ หากก้างปลาติดจนหายใจไม่ออก นี่ก็เป็นสถานการณ์ร้ายแรงมากใช่หรือไม่?

แต่นัยน์ตาหลิงอวี๋กลับวาววับ โอกาสมาถึงแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา