เกิ่งเสี่ยวหาวหันหน้ากลับมามองบิดาของตนเอง พบว่าเกิ่งเสี่ยวเหยนิ่งเงียบไปแล้ว เหลือเพียงหน้าอกที่ยังกระเพื่อมแผ่วเบา
“เรามาเดิมพันกันเถอะ! ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าจะช่วยชีวิตท่านพ่อของเจ้า!”
“หากข้าทำสำเร็จ เจ้าต้องยอมรับข้าเป็นพี่สาว! แต่หากข้าทำล้มเหลว ข้าจะชดใช้ให้เจ้าด้วยชีวิต!”
หลิงอวี๋พบว่าคนสกุลเกิ่งผู้นี้ในแววตาค่อนข้างพอใจ แม้ว่าเขาจะพุ่งปราดมาตรงหน้าตนแล้ว แต่หมัดนั้นกลับไม่เคยโดนนางเลย
อีกนัยหนึ่งคือนางอยากสร้างรายได้นั่นเอง ถ้ามีลู่ทางสายนี้ของเกิ่งเสี่ยวหาวคงจะราบรื่นยิ่ง
ความคิดเรื่องยอมรับเป็นน้องชายนี้ก็พลันแวบสว่างเข้ากลางใจทันใด
“คุณชายเกิ่ง อย่าฟังนาง! เดิมทีนางมิได้วิชาแพทย์ด้วยซ้ำ! หมอของโรงหมอยังไม่มีวิธี แล้วนางจะมีวิธีทำอะไรได้!” เจิงจื่ออวี้กล่าวดังลั่น
ครั้นหมอเหวินได้ยินชื่อตนหยิบยกขึ้นก็กระแอมไอเบา ๆ และกล่าวคำ
“เรารอหมอหลวงจางดีกว่าเถอะ! ถ้าหมอหลวงไม่มีวิธี เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน! คงต้องปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว!”
แต่เกิ่งเสี่ยวหาวกลับจ้องเขม็งไปยังหลิงอวี๋และนางก็กำลังมองเขาอย่างยั่วยุเช่นกัน สายตาทั้งสองประสานกัน
“เสี่ยวหาว อย่าเสียแรงเปล่าเลย! มาอำลาท่านพ่อเจ้าเถอะ! เขาร่อแร่แล้วจริง ๆ!”
ท่านผังกล่าวเหน็บแนม
เมื่อเกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินเสียงท่านผังก็หันหน้ากลับไปมอง แล้วคำตัดสินใจก็พลันเกิดขึ้นในใจพริบตา
“ได้ ข้าจะเดิมพัน!”
เกิ่งเสี่ยวหาวลดหมัดลง ก่อนจะกระชากหลิงอวี๋เข้าหาตัว
“ครึ่งก้านธูป! จำไว้ให้ขึ้นใจ!”
“เสี่ยวหาว เจ้าวุ่นวายหาปะไร? ท่านพ่อเจ้ากำลังจะตายแล้ว เจ้ายังคิดจะกลับกลอกเขาอยู่รึ?”
ท่านผังรีบพุ่งพรวดไปข้างหน้าขวางหลิงอวี๋ไว้ ท่านเกิ่งเอ้อร์ใกล้จะตายอยู่แล้ว และเจ้าเด็กกะโปโลเกิ่งเสี่ยวหาวผู้นี้มิใช่คู่ประมือของตนเลยสักนิด!
แม้จะมีโอกาสหนึ่งในหมื่นที่ช่วยชีวิตท่านเกิ่งเอ้อร์ได้ เขาก็ไม่ยอมเช่นกัน!
“ท่านอาผัง ตอนนี้ชีวิตของท่านพ่อข้าขึ้นอยู่กับข้าแล้ว ไม่ใช่กงการคนนอกอย่างท่านต้องสอดมือ!”
เกิ่งเสี่ยวหาวผลักหลิงอวี๋ไป “ไปช่วยคน ทางนี้ข้าจัดการเอง!”
หลิงอวี๋รีบเลี่ยงจากท่านผังฉับไว แต่ท่านผังยังคิดโฉบนาง ขณะเพิ่งแตะชายผ้าของนางมือก็พลันถูกเกิ่งเสี่ยวหาวสกัดไว้ได้
เกิ่งเสี่ยวหาวจ้องเขม็งที่เขาอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนจะเอ่ยขึ้นทีละคำทีละประโยคว่า “ท่านผัง พอได้แล้ว! อย่าบีบคั้นให้ข้าลงมือ...”
เมื่อเหล่าเสี่ยวเอ้อร์เห็นสถานการณ์ก็พลันต่างเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ เกิ่งเสี่ยวหาวอย่างเงียบงัน
ท่านผังโมโหมาจนทั่วร่างสั่นสะท้าน ก่อนจะชี้เกิ่งเสี่ยวหาวตวาดลั่น
“เจ้าเดรัจฉาน ขวัญกล้าลงมือข้ารึ? เจ้าแข็งขืนไปแล้ว! ข้าจะแจ้งเหล่าสกุลเกิ่งตามกฏ!”
“รอท่านพ่อข้าจากไปจริง ๆ ก่อนเถอะ ท่านจะไปแจ้งสิ่งใดก็ได้ตามที่ท่านต้องการ! แต่ตอนนี้ถ้าไม่อยากด่วนตาย ก็เชิญท่านอาผังไปอยู่ด้านข้างเฉย ๆ เถิด!”
เซียวหลินเทียนกับอันเจ๋อสบตากัน แอบนึกในใจว่าเสี่ยวเอ้อร์สองคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!
เมื่อพวกเขาเห็นก็มองออกเลยว่า เสี่ยวเอ้อร์นี้แม้ภายนอกดูดาษดื่น แต่ล้วนเป็นคนมีฝีมือต่อสู้เด่นล้ำ!
หากสู้กันจริงขึ้นมา ท่านผังผู้นี้คงไม่มีทางครองความได้เปรียบมิได้ง่าย ๆ !
เพราะคนสกุลเกิ่งพวกนี้รับมือไม่ง่าย!
และเกิ่งเสี่ยวหาวผู้นี้ก็รับมือไม่ง่ายเช่นกัน!
ฉะนั้นเซียวหลินเทียนใจยิ่งคิดแน่วแน่ที่จะดึงเหล่าสกุลเกิ่งมาเป็นพวก!
ด้วยการลงมือคราวนี้ของเกิ่งเสี่ยวหาวทำให้ท่านผังสงบลงได้
เนื่องท่านผังก็มองศักยภาพเหล่าสมุนของเกิ่งเสี่ยวหาวออกเหมือนกับเซียวหลินเทียน!
“เฮอะ!”
ครั้นท่านผังรู้สึกว่าครองความได้เปรียบไม่ง่าย และการวิวาทกันภายในกับเกิ่งเสี่ยวหาวต่อหน้าการจับจ้องของธารกำนัลไม่ใช่เรื่องดีนัก เขาจึงสะบัดแขนเสื้อเดินไปด้านข้างแล้วสังเกตการณ์อย่างเงียบเชียบ
ท่าทางเช่นนี้ของเกิ่งเสี่ยวหาวและเหล่าสมุนก็ข่มพวกเสิ่นจวนเหมือนกัน
ทำให้พวกนางต่างก็ไม่กล้าเอะอะอีกต่อไป พลันหวั่นว่าจะแหย่อารมณ์เกิ่งเสี่ยวหาวถึงขั้นถูกเฆี่ยนตี
หลิงอวี๋สบโอกาสระหว่างความอลหม่านเมื่อครู่ซ่อนตัวอยู่ในห้องหับชั้นบนและหยิบสิ่งของที่จำเป็นต่อการรักษาออกมา
ขณะนั้นเองก็คุกเข่าลงครึ่งหนึ่งลงข้างกายท่านเกิ่งเอ้อร์แล้วฉีดยาบำรุงหัวใจหนึ่งเข็มให้เป็นสิ่งแรก
จากนั้นก็สวมถุงมือปลอดเชื้อ ดึงลิ้นของเกิ่งเสี่ยวเหยออกมาพ่นยาชาเล็กน้อย
“นี่นางกำลังทำอะไรน่ะ?”
ตู้ตงหงเอ่ยถามสวี่เหยียนเสียงแผ่ว
“ผู้ใดจะรู้ว่านางมาลูกไม้ไหน?” สวี่เหยียนก็ดูสับสนเช่นกัน
หลังจากที่เกิ่งเสี่ยวหาวสะสางกับท่านผังแล้วก็เดินไปข้างกายหลิงอวี๋ ลอบมองอย่างเคร่งเครียด
เขารู้ตัวว่าด่วนรีบเดิมพันเกินไป แต่เขาก็กระจ่างแล้วว่าที่หลิงอวี๋พูดเป็นความจริง!
ในสถานการณ์ของท่านพ่อเขา ไม่อาจทนรอหมอหลวงจางมาได้แล้วจริง ๆ
“คาดหวังว่าเจ้าจะชนะเดิมพัน!”
นี่คือครั้งแรกเลยที่เกิ่งเสี่ยวหาวสวดภาวนาเพื่อคู่แข่ง หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป พฤติกรรมนี้ของเขาคงจะน่าขันทีเดียว!
ผู้ใดจะไปสวดภาวนาให้คู่แข่งตัวเองชนะกันเล่า!
รอครั้นหลิงอวี๋สวมหน้ากากอนามัยและหมวกแปลก ๆ ไม่ใช่แค่ฝูงชนเท่านั้น แม้เซียวหลินเทียนก็ถูกดึงดูดสายตาเช่นกัน
ไม่เคยเห็นหมวกเช่นนั้นมาก่อน มันเปล่งแสงสว่างตรงกลาง พอหลิงอวี๋กดเปิดใช้ก็พลันฉายแสงเจิดจ้าพุ่งออกสายหนึ่ง
“สวมถุงมือซะ! ช่วยข้าดึงลิ้นของท่านพ่อเจ้า!” หลิงอวี๋ส่งถุงมือปลอดเชื้อให้เกิ่งเสี่ยวหาวคู่หนึ่ง
เกิ่งเสี่ยวหาวมองแผ่นบาง ๆ แล้วกลัวว่าถ้ามือของตนสวมเข้าไปจะทำให้ถุงมือจะขาด
“มัวอืดอาดหาปะไร? ไม่ได้กินข้าวมารึ?”
หลิงอวี๋กลอกตาไปมาใส่เขา
จากนั้นเกิ่งเสี่ยวหาวรีบสวมทันควัน โชคดีที่ไม่ขาด
“ดึงเลย ข้าบอกให้เจ้าปล่อย เจ้าค่อยปล่อย!”
หลิงอวี๋หยิบแหนบทางการแพทย์ยาว ๆ ออกมา ฝูงชนต่างมองอย่างตะลึงพรึงเพริด นางจะใช้สิ่งของชิ้นนี้สอดแทรกเข้าในลำคอของท่านเกิ่งเอ้อร์งั้นรึ?
อย่างนั้นจะไม่เจ็บตายหรือ?
“เกิ่งเสี่ยวหาว เจ้าจะปล่อยสตรีผู้นี้ยุ่งกับพ่อเจ้าแน่รึ?”
ท่านผังแผดร้องไม่ยินยอม “เจ้าคนอกตัญญู!”
“อย่าสนใจเขา! มืออย่าสั่น! ชีวิตท่านพ่อเจ้าจะอยู่หรือตายขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
หลิงอวี๋ปลอบขวัญเกิ่งเสี่ยวหาว
เกิ่งเสี่ยวหาวมองนัยน์ตาของนางที่เผยอยู่นอกหน้ากาก ดวงตาคู่นั้นสว่างสุกใสระคนความอบอุ่นในประเภทหนึ่งที่อธิบายไม่ได้
ความอบอุ่นประเภทที่อธิบายไม่ได้นี้ทำให้หัวใจของเกิงเสี่ยวห่าวสงบลงในพริบตา
เกิ่งเสี่ยวหาวดึงลิ้นของบิดาไว้มั่น
“ดึงออกมาอีกนิด ข้ามองไม่เห็น!”
หลิงอวี๋ก้มศีรษะลง ในสายตามีเพียงผู้ป่วยท่านเกิ่งเอ้อร์คนนี้เท่านั้น
ท่านเกิ่งเอ้อร์ถางตากว้าง สถานการณ์น่าอับอายที่ถูกก้างติดคอนี้ได้ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างตายตาไม่หลับ
ลมหายใจที่พ่นออกจากปากนั่นมีกลิ่นแรงอย่างยิ่ง หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวอยู่ใกล้จึงได้กลิ่นเข้าเต็มเปา สูดกลิ่นจนทั้งสองเกือบเป็นลม
เกิ่งเสี่ยวหาวมองหลิงอวี๋ด้วยความกระอักกระอ่วน
ในแววตาของหลิงอวี๋ไม่ได้เผยท่าทีรังเกียจออกมา เพียงยื่นแหนบเข้าไปอย่างมั่นคง
ทันใดนั้น ทุกคนต่างกลั้นหายใจกันโดยสัญชาตญาณ แม้แต่เสิ่นจวนกับฉินรั่วซือที่อยากก่อปัญหาก็ยังไม่กล้าหายใจ
พวกนางต่างกำลังมองหลิงอวี๋ฆ่าคนหรือนี่?
ลู่หนานก็กลั้นหายใจเหมือนกัน เขากำมือแน่นและในฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที หลิงอวี๋ก็ชักแหนบกลับมา ก่อนจะกล่าวตื่นเต้นดีใจ “เสร็จแล้ว ก้างปลาเอาออกมาแล้ว!”
เท่านี้ก็หายแล้วใช่หรือไม่?
สำหรับหลิงอวี๋แล้วผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที แต่สำหรับเกิ่งเสี่ยวหาวกับลู่หนานกลับรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานยิ่ง
“หยุดมือ!”
ครั้นหลิงอวี๋เห็นเกิ่งเสี่ยวหาวยังดึงลิ้นของท่านเกิ่งเอ้อร์อยู่ก็พลันกล่าวติติง “เจ้าอยากดึงลิ้นของพ่อเจ้าออกมาหมดเลยหรือไง!”
“พอแล้ว พอแล้ว...”
เมื่อเกิ่งเสี่ยวหาวถูกนางดุก็ปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเอ่ยถามอย่างเหลือจะเชื่อว่า “เสร็จแล้วจริงหรือ? เอาออกมาแล้วจริงหรือ?”
“จะหลอกเจ้าหาปะไร! ดูนี่สิ?”
หลิงอวี๋นำแหนบที่คีบก้างปลาชูขึ้นให้เขาดู
ไม่ใช่แค่เกิ่งเสี่ยวหาวเท่านั้นที่เห็น แต่ฝูงชนล้วนก็เห็นก้างปลายาวครึ่งนิ้วในแหนบ และยังมีโลหิตกับเศษใบผักประปรายติดมาด้วย...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...