“ท่านเอ้อร์รวดเร็วดีมาก!”
หลิงอวี๋ชอบที่จะคบค้าสมาคมกับคนฉลาดมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจสิ่งสำคัญที่อยู่ข้างในได้ทันที ก็ยิ่งชื่นชมท่านเกิ่งเอ้อร์
นางเอ่ยขึ้นมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ท่านเอ้อร์ ข้านั้น ก็มิได้ชอบที่จะเข้าไปอยู่ในเรื่องถูก ๆ ผิด ๆ อะไรเช่นกัน!”
“ในเมื่อท่านเอ้อร์ให้ความสนใจ ต่อไปหากมีการคบค้าสมาคมใดที่หาเงินได้ ข้าก็จะร่วมงานกับแค่ท่านเอ้อร์เท่านั้น!”
“หากท่านเอ้อร์หลอกข้า! เช่นนั้นเราจะคบค้ากันแค่ครั้งเดียว!”
หลิงอวี๋เอ่ยคำพูดที่แฝงความนัย “ข้าหวังว่าเราจะใจเดียวกัน พยายามหาเงินก็เพียงพอแล้ว!”
“ย่อมแน่อยู่แล้ว! ข้าเองก็คิดเพียงแค่จะพยายามหาเงินเท่านั้น!”
ท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจความนัยของหลิงอวี๋ จึงยิ้มพลางพยักหน้า
ขอเพียงไม่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งภายในราชสำนัก เขาก็ไม่คิดอะไรให้มากเรื่องหรอก!
“เช่นนั้นเรามาพูดกันให้ชัดเลยแล้วกัน นี่คือตำรับโอสถ!”
“ท่านเอ้อร์ไปลองสรรพคุณโอสถ หลังจากแน่ใจว่าจะร่วมงานกันแล้ว เสี่ยวหาวก็ไปรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรตามตำรับ แล้วค่อยเลือกสถานที่หนึ่งเพื่อเตรียมผลิตในจำนวนมาก!”
หลิงอวี๋เอาตำรับยาที่เขียนไว้แล้วส่งให้ท่านเกิ่งเอ้อร์ สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมา
“เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้ล้วนพบเห็นกันได้ทั่วไป! ข้ายังมีตำรับลับอีกอย่าง จะเพิ่มเติมเข้าไปทีหลัง!”
ท่านเกิ่งเอ้อร์แย้มยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ถามต่อว่าคือตำรับลับอะไร
ในเมื่อเป็นการ่วมงานกัน หลิงอวี๋จะเก็บเอาไว้บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดามาก!
“ข้าเอามรดกไปแล้วนะ! นี่มันเป็นของของคนอื่น ข้าต้องเอาไปคืน!”
หลิงอวี๋ยกหีบขึ้น ส่งหนังสือรับรองการเป็นหนี้ให้ท่านเกิ่งเอ้อร์
“เงินนี้ รอให้พวกเราร่วมงานกันแล้วได้เงินมาก่อน แล้วท่านเอ้อร์ก็หักจากส่วนแบ่งของข้าออกไปได้เลย!”
“ใช่แล้ว นี่ยังมีตำรับยาอีกแผ่นด้วย!”
หลิงอวี๋เอาตำรับยาอีกใบส่งให้ท่านเกิ่งเอ้อร์ “เมื่อวานข้าเห็นว่าท้องท่านไม่ดี ลองกินโอสถสามตัวตามตำรับนี้ปรับดูก็จะดีขึ้น!”
ท่านเกิ่งเอ้อร์ประหลาดใจ ท้องเขามิได้มีปัญหานี่! กินอิ่มนอนหลับดี!
หลิงอวี๋ค่อนข้างอึดอัด ไม่สามารถบอกเขาไปตรง ๆ ได้ว่าเขามีกลิ่นปาก!
นางกัดฟันไปทางเกิ่งเสี่ยวหาว
เกิ่งเสี่ยวหาวเข้าใจทันทีแล้วรับตำรับยามาพลางเอ่ย “ท่านพี่ ท่านพ่อข้าท้องไม่ดี ขอบคุณสำหรับตำรับยาขอรับ! ประเดี๋ยวข้าออกไปส่ง!”
ครั้งนี้เกิ่งเสี่ยวหาวเรียกพี่สาว ท่านเกิ่งเอ้อร์ก็ไม่คัดค้านแล้ว ไปดูขวดเหล่านั้นอย่างมีความสุข อดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะหาคนมาทดลองใช้มัน
นี่มันคือยันต์ช่วยชีวิตนะ!
จะต้องยืนยันในเรื่องสรรพคุณให้เร็วที่สุด!
สำหรับหนังสือรับรองการเป็นหนี้ฉบับนั้น ท่านเกิ่งเอ้อร์ยังรับมันมาพร้อมกับรอยยิ้มเลย
การที่หลิงอวี๋มิได้เอาหนังสือรับรองการเป็นหนี้กลับไป ทำให้เขารู้สึกว่า หลิงอวี๋ผู้นี้สามารถผูกมิตรกันได้!
ไม่โลภ มีระยะในการก้าวการถอยที่ดี!
คนเช่นนี้แหละถึงจะเป็นคนที่ทำเรื่องยิ่งใหญ่ได้!
หากว่าหลิงอวี๋เอาหนังสือรับรองนี้ไปจริง ๆ แม้ว่าจะเป็นเงินเพียงไม่กี่หมื่น แต่ในการที่ท่านเกิ่งเอ้อร์จะร่วมงานกับหลิงอวี๋หลังจากนี้ จะมีความไว้เนื้อเชื่อใจอยู่เท่าไรกัน!
หลิงอวี๋เพิ่งจะพาหลิงซินลงบันไดมา ก็เจอกับเปียวจื่อยืนอยู่ตรงทางขึ้น
หลิงอวี๋นึกขึ้นได้ว่าเอาของมาให้เปียวจื่อ จึงรีบเอ่ย “เปียวจื่อ มานี่สิ ข้ามีของขวัญมาให้เจ้า!”
เปียวจื่อตะลึงไปเล็กน้อย แล้วเดินเข้ามา พลางเอ่ยอย่างเคารพ “พระชายา ข้ามิได้ทำอันใดเลย! มิกล้ารับของขวัญจากท่านหรอกขอรับ!”
“ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรหรอก! เมื่อวานข้าเห็นจุดขาว ๆ ที่ข้างหูของเจ้าไม่ใช่รึ? เป็นมาหลายปีแล้วหรือไม่เล่า?” หลิงอวี๋เอ่ย
“ข้าขอตอบพระชายา มีมาหลายปีแล้วจริงขอรับ! ไปหาหมอมาไม่น้อย ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยขอรับ!”
เปียวจื่อกระอักกระอ่วนอยากจะยื่นมือไปจับ แต่ก็รู้สึกว่ามันเสียมารยาทเกินไป จึงยั้งมือไว้
“เอาโอสถสองหลอดนี้ไปทานะ ทาทุกวันเช้าเย็น ทาหนึ่งหลอดนี้หมดก็หายแล้ว! ส่วนอีกหลอดหากเจ้ามีเพื่อนที่ต้องทุกข์กับโรคผิวหนัง ก็เอาไปแบ่งปันให้ได้!”
หลิงอวี๋ส่งครีมยาให้เขา
เปียวจื่อมองเกิ่งเสี่ยวหาว เกิ่งเสี่ยวหาวก็เอ่ยยิ้ม ๆ “รับไปสิ ของที่พี่สาวข้าให้ เจ้ายังจะรังเกียจอีกหรือ?”
“ข้ามิกล้าขอรับ! เช่นนั้นขอขอบพระคุณพระชายาแล้วขอรับ!” เปียวจื่อยื่นมือไปรับอย่างเคารพนบน้อม
เวลานี้เปียวจื่อยังไม่รู้มูลค่าของครีมยานี้ รอให้ผ่านไปอีกสักระยะก่อน ครีมยานี้จะสามารถขายได้ในราคาถึงสองร้อยตำลึงในตลาด เขาถึงจะได้รู้ว่าหลิงอวี๋ให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับเขา!
หลิงอวี๋ยิ้ม นางไม่ค่อยมีเงินนัก เพียงแต่ในห้วงเวลามียาอยู่ จึงทำได้เพียงเอายามาเป็นของขวัญ
“ท่านพี่ รอข้าสักประเดี๋ยว!” จู่ ๆ เกิ่งเสี่ยวหาวก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วหมุนตัววิ่งไป
ไม่นาน เขาก็วิ่งกลับมา แล้วยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้หลิงอวี๋
“เอาไปให้หลานชายตัวน้อยกิน มูลค่ามันไม่มากเท่าไหร่ เอากลับไปเถิด!”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณแล้ว!”
ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นของกิน หลิงอวี๋ก็รับมา แล้วกล่าวลากับเกิ่งเสี่ยวหาว จากนั้นก็พาหลิงซินกลับ
กระทั่งกลับมาถึงตำหนักอ๋องอี้ หลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเข้าประตู แม่นมลี่ก็เข้ามาต้อนรับ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“คุณหนู ขายโอสถแล้วหรือยังเจ้าคะ? ขายไปได้เท่าไหร่หรือเจ้าคะ?”
“วันนี้เอาโอสถไปให้พวกเขาทดลองใช้ ต้องรอให้พวกเขาตรวจสอบสรรพคุณโอสถก่อนถึงจะให้เงินข้า!”
ใบหน้าของแม่นมลี่เคร่งเครียดทันที “คุณหนู เช่นนั้นทำเยี่ยงไรดีเจ้าคะ? โอสถขายไม่ได้!”
“พวกเราเหลือเงินอยู่แค่ห้าสิบตำลึงเท่านั้นเอง! ไทเฮาเชิญคุณหนูไปงานเลี้ยงวันเกิด ของขวัญที่คุณหนูจะมอบให้ไทเฮาจะต้องไม่ดูย่ำแย่ ชุดที่คุณหนูสวมใส่เข้าวังก็จะดูย่ำแย่ไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“นี่มันล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่ที่ผลาญเงินทั้งหมดเลยนะ!”
หลิงอวี๋ก็ปวดหัวเช่นกัน นางลืมเรื่องนี้ไปเลย มิฉะนั้น เมื่อครู่นางก็น่าจะยืมเงินท่านเกิ่งเอ้อร์มาอีกสักสองสามหมื่นก่อน
ตอนนี้นางจะเอาหน้าที่ไหนไปยืมเล่า!
ยังมิทันได้เริ่มร่วมงานกัน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะรีบร้อนไปเอาเงิน!
นางจะให้ท่านเกิ่งเอ้อร์มาดูถูกไม่ได้!
“ใจเย็น ๆ ยังมีเวลาอีกสิบกว่าวันมิใช่รึ? เราค่อย ๆ คิดวิธีกันไป!”
หลิงอวี๋ปลอบใจ
“ท่านแม่ ดูสิว่านี่คืออะไร?”
หลิงเยวี่ยถืออาหารที่หลิงซินเอาไปให้เข้ามา แล้วส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้หลิงอวี๋
“ข้าพบในอาหาร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...