ไทเฮาเหลียงกวาดมองฝูงชนรอบ ๆ อย่างสุภาพสุขุมงามสง่า เมื่อพบหลิงอวี๋ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย
“ตัวข้าผู้เป็นไทเฮารู้สึกตื้นตันใจอย่างยิ่งที่ทุกท่านมาอวยพรให้แก่ข้า ทุกท่านลุกขึ้นเถิด!”
“ขอบพระทัยไทเฮา!”
ฝูงชนแสดงความขอบคุณและทยอยกันลุกขึ้น ก่อนนางกำนัลของวังหลวงจะพาไปยังที่นั่ง
หลิงอวี๋ก็ลุกขึ้นเช่นกัน เพียงรู้สึกว่ารอยยิ้มของไทเฮาที่มีต่อตนนั้น ได้มลายความน่าเกรงขามอำนาจและเกียรติศักดิ์ลงไปมากอักโข
นางจูงมือหลิงเยวี่ยคิดหาที่นั่งนั่งลง บัดนี้พบว่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีแบ่งที่นั่งกันเป็นสองฝั่ง ส่วนเซียวหลินเทียนถูกลู่หนานเข็นไปทางฝั่งอาคันตุกะบุรุษเรียบร้อยแล้ว
นางจูงมือหลิงเยวี่ยไปทางฝั่งอาคันตุกะสตรี เพียงแต่ไม่มีนางกำนัลคอยนำทางตน นางเลยไม่รู้ว่าควรนั่งแห่งใด
ผ่านไปไม่ช้า ทุกคนล้วนนั่งลงหมดแล้ว เหลือเพียงนางกับหลิงเยวี่ยที่ยังยืนอยู่ จากนั้นทุกสายตาก็เพ่งเล็งลงบนร่างพวกนางในบัดดล
หลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สายตารีบกวาดมองที่นั่งเหล่านั้นหมายหาที่นั่งว่างนั่งลงให้เร็วที่สุด
อย่างไรเสียหลังกวาดมองไปรอบหนึ่งแล้ว กลับพบว่าที่นั่งเต็มสิ้นไม่เหลือที่นั่งว่างอย่างสิ้นเชิง
หัวใจนางหนาวสะท้าน นี่หมายความว่าอันใดกัน?
นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ไทเฮาเชื้อเชิญตนมาโดยมิได้เตรียมที่นั่งสำหรับตน!
มีคนตั้งใจวางอุบายนี้หรือว่าแม่นมเว่ยลืมตระเตรียม?
หลิงอวี๋กวาดมองโดยรอบอย่างนิ่งสงบก็พลันพบหลิงเหยียน เสิ่นจวน ฉินรั่วซือและเจิงจื่ออวี้ต่างกำลังมองมาที่ตนอย่างเยาะเย้ย
“เกิดสิ่งใดขึ้นตรงนั้นรึ? สตรีที่พาดรุณคนนั้นมาคือผู้ใดกัน เหตุใดยังไม่รีบนั่งลง?”
ขุนนางประธานในพิธียืนอยู่ตำแหน่งต่ำกว่าจักรพรรดิอู่อัน ครั้นมองเห็นหลิงอวี๋กำลังยืนจูงมือเด็กผู้หนึ่งด้วยตาอันแหลมคมจึงตะโกนไม่พอใจเสียงดัง
“เรียนใต้เท้า ข้าคือพระชายาอ๋องอี้นามหลิงอวี๋! ใต้เท้า อาจเป็นที่คนรับใช้สะเพร่าที่ไม่ได้ตระเตรียมที่นั่งสำหรับข้า!”
เมื่อพบว่าสายตาทุกคนจับจ้องมาทางตนในใจก็หัวเราะเยาะหยันขึ้น อยากจะชมเรื่องบันเทิงงั้นรึ?
เช่นนั้นก็ดูไปเถอะ!
อย่างไรเสียนางก็เข้าใจแล้ว หากไทเฮาเชิญตนมาก็คงไม่ปล่อยให้ตนถูกคนหยามเกียรติหรอก!
พระชายาอ๋องอี้?
จากนั้นก็มีคนในเหตุการณ์เริ่มซุบซิบกันขึ้น “ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าพระชายาอ๋องอี้ปลอมแปลงเทียบเชิญของไทเฮา เพื่อจะได้เข้าร่วมงานพระราชสมภพ ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง!”
“ถึงกระนั้นแล้วราชองครักษ์ผางไม่รู้เชียวหรือว่านั้นคือเทียบเชิญปลอมถึงปล่อยให้นางเข้ามา?”
ชายาผิงหยาง เสิ่นจวนและเจิงจื่ออวี้สบตากัน ก่อนจะหัวเราะเยาะหยันขึ้นพร้อมเพรียง
หลิงอวี๋ นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น วันนี้เจ้าต้องฝืนอดทนให้ดีล่ะ!
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ขันทีเซี่ยรู้สึกสับสนงงงวย ครั้นแล้วสายตาของเขาก็กวาดมองขันทีที่จัดการเรื่องที่นั่ง
เขาให้ขันทีน้อยเซี่ยศิษย์ของตนไปรายงานกรมพิธีการเพื่อจัดหาที่นั่งสองที่ เป็นเสี่ยวเซี่ยลืมไปแจ้งหรือเป็นคนของกรมพิธีการลืมเตรียม?
จักรพรรดิอู่อันกำลังพูดคุยกับไทเฮา เมื่อได้ยินประโยคที่บอกว่าไม่มีเทียบเชิญพลันขมวนคิ้วมุ่นเอ่ยถาม “ผู้ใดไม่มีเทียบเชิญ?”
เช่นนั้นขันทีจึงรุดหน้าไปทูลอย่างตื่นตระหนก “กราบทูลฝ่าบาท วังหลวงมิได้ส่งเทียบเชิญแก่พระชายาอ๋องอี้ กระหม่อมมิทราบว่าพระชายาอ๋องอี้มาได้เช่นไร ดังนั้นเลยไม่ได้จัดเตรียมที่นั่งไว้ให้นางพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อวาจานี้เผยออกมา คำวิพากษ์วิจารณ์จากด้านล่างก็ยิ่งดังขึ้น
มีจนกล่าวจาเหน็บแนมอย่างไม่เกรงใจว่า “ชายาอ๋องอี้ผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง! ตนมิได้รับเชิญก็ยังปะปนเข้ามาได้!”
“ถูกต้อง ไม่ใช่แค่มาผู้เดียว ยังพาลูกนอกสมรสผู้นั้นมาด้วย! นี่ไม่มีเงินกินข้าวจนถึงขั้นคิดแอบเข้างานฉลองวังหลวงกินอาหารชั้นเลิศเลยรึ!”
ขันที่เซี่ยเห็นไทเฮากำลังขมวดคิ้วมุ่นจึงมองค้อนไปทางขันทีน้อยเซี่ยทันควัน แน่นอนว่าคือเขาที่ลืมรายงานขันทีให้จัดเตรียมที่นั่ง
ครั้นแล้วกลับมาคิดจะตักเตือนเขาภายหลัง กล้าดีอย่างไรมาละเลยแขกของไทเฮากัน!
ขันทีเซี่ยก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เพิ่งคิดจะอธิบายความละเลยของศิษย์
พลันได้ยินเสียงขานอันกังวานของชายาผิงหยางเสียก่อน “ฝ่าบาท หลิงอวี๋ถือเทียบเชิญปลอมปะปนเข้าวังมาเพคะ!”
“หม่อมฉันขอเปิดโปงขันทีเซี่ย แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางว่าพวกเขาสามคนได้รับสินบนพระชายาอ๋องอี้ไปสองแสนตำลึงเงิน จึงปล่อยให้นางเข้ามาได้เพคะ!”
ขันทีเซี่ยรู้สึกขบขันฉับพลัน อดไม่ได้ที่จะมองไปทางไทเฮา
พบว่าไทเฮากำลังยิ้มพร้อมส่ายศีรษะให้เขา
ขันทีเซี่ยผงกศีรษะรู้ใจ ก่อนจะนิ่งเงียบไม่กล่าวคำรอชมละครต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...