“หลิงอวี๋ เจ้ายังไร้ยางอายอยู่อีกรึ! ปลอมแปลงเทียบเชิญของไทเฮามีความผิดมหันต์!”
“เจ้ายังขวัญกล้าติดสินบนขันทีเซี่ย แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางรึ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มิรู้มีความผิดตั้งเท่าใดแล้ว!”
เจิงจื่ออวี้แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างประหลาดใจ
“ได้ยินมานานว่าชายาอ๋องอี้ไร้กาลเทศะ นึกไม่ถึงว่าจะไร้กาลเทศะถึงขั้นนี้!”
“ปลอมแปลงเทียบเชิญ ติดสินบนข้าราชบริพาล ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าจริง ๆ!”
“นางปลอมแปลงเทียบเชิญแค่เพื่อโผล่หน้ามาในวังหลวงรึ? มิน่า วันนี้ถึงแต่งตัวสวยพริ้งเยี่ยงนี้! นี่กำลังคิดจะล่อลวงผู้ใดอีกอยู่หรือไม่?”
“ท่านอ๋องอี้พิกลพิการแล้ว บางทีอาจไม่ทำให้นางพออกพอใจได้ ฉะนั้นจึงรีบหาคนเกาะกินคนใหม่!
ฝูงชนด้านล่างต่างครหากันกระจัดกระจาย วิพากษ์วิจารณ์กันทุกรูปแบบ…
จักรพรรดิอู่อันฟังได้ไม่ชันเจนนัก ก่อนจะเริ่มเดือดดาลขึ้น เขาลอบมองไปทางขันทีเซี่ยด้วยแววตาไม่พอใจ
ขันทีเซี่ยรีบคุกเข่าลงพื้นทันควันกล่าวคำ “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ไคล้พ่ะย่ะค่ะ! เทียบเชิญนั้นเป็นของจริง กระหม่อม แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางล้วนไม่เคยรับเงินของพระชายาอ๋องอี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไยจะไม่รับ? หลิงอวี๋ยอมรับกับปากหมดแล้ว ขันทีเซี่ย ท่านอย่าเถียงข้าง ๆ คู ๆ เลย”
“ฝ่าบาททรงไว้พระทัยท่านถึงเพียงนี้ ท่านกลับทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมเช่นนี้ลงไปได้เยี่ยงไร!”
ชายาผิงหยางมีท่าทีโกรธแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง
ขันทีเซี่ยจดจำนางขึ้นใจพลางกล่าวคำ
“ฝ่าบาท โปรดอนุญาตให้กระหม่อมยืนยันกับพระชายาอ๋องอี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ หากยืนยันได้ว่ากระหม่อมรับเงินของพระชายาอ๋องอี้จริง กระหม่อมยินดีถูกห้าม้าแยกร่าง(1)พ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้าอนุญาต!” จักรพรรดิอู่อันอารมณ์เย็นลงและรู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในเช่นกัน
ขันทีเซี่ยติดตามตนมาเกือบจะสามสิบปีแล้ว แต่ไหนมาก็ไม่เคยรับสินบนจากขุนนางระดับสูงมาก่อน และการวางตัวของเขาก็ทำให้จักรพรรดิอู่อันยังเชื่อใจอยู่
“เสี่ยวเซี่ย ไปนำเทียบเชิญมาให้ข้าตรวจสอบเสีย!”
ขันทีเซี่ยกล่าวกับขันทีน้อยเซี่ย
หลิงอวี๋ชะงักไปชั่วขณะ เหตุใดขันทีเซี่ยต้องทำยุ่งยากเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้กล่าวให้กระจ่างได้ในประโยคเดียว?
แลเห็นท่าทีไทเฮาชมละครอยู่ด้านบน หัวใจหลิงอวี๋ก็สั่นสะท้าน
ไทเฮามอบเทียบเชิญแก่ตนเนื่องจากพระคุณช่วยชีวิต และยังอยากให้ตนสร้างชื่อในราชสำนัก
ยามนี้ไทเฮาไม่ต้องการเปิดเผยเหตุผลที่เชื้อเชิญนางเป็นการส่วนต้ว มิใช่ว่ายังอยากหยั่งเชิงคนสักหน่อยเหมือนตอนปากประทางเข้าวังหลวงหรือ?
ครั้นนึกถึงสิ่งที่แม่นมลี่เอ่ยถึงอดีตของไทเฮาในตนฟังว่า ไทเฮาคือวีรสตรีที่ชีวิตเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวแห่งตำนาน
หากตนไร้ซึ่งคุณสมบัติโดดเด่น คิด ๆ ไปแล้วความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างไทเฮากับนางคงถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว!
ขันทีน้อยเซี่ยรับเทียบเชิญจากมือหลิงอวี๋ ก่อนจะส่งมอบให้ขันทีเซี่ย
ทุกคนต่างจับจ้องไปยังขันทีเซี่ย แม้แต่ท่านอดีตเสนาบดีก็มองไปเช่นกัน
ขันทีเซี่ยนำเทียบเชิญมาพลิกตรวจสอบสักพัก ก่อนจะกล่าวว่า “กราบทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! เทียบเชิญใบนี้ของพระชายาอ๋องอี้ทั้งกระดาษและมาตรฐานรูปแบบล้วนเป็นของแท้!”
ท่านอดีตเสนาบดีเพิ่งจะถอดหายใจโล่งอก
ทว่าพอผ่านไปสักพัก ขันทีเซี่ยกลับสูดหายใจเข้าลึก กล่าวคำ
“แต่ลายมือกลับมิถูกต้อง เทียบเชิญของวังหลวงล้วนเป็นใต้เท้าเฉิงกรมพิธีการเขียนกับมือ! นี่มิใช่ลายมือของใต้เท้าเฉิง!”
จากนั้นหัวใจของท่านอดีตเสนาบดีตึงเครียดขึ้นเร็วพลัน จ้องมองหลิงอวี๋อย่างเดือดดาล
หรือว่าคำเล่าลือภายนอกจะเป็นเรื่องจริง?
สตรีหยาบคายผู้นี้เข้าวังมาเพื่ออวดตน ไม่คิดเลยว่าจะทำเรื่องโง่เขลาปลอมเทียบเชิญโดยหมางเมินกฎแห่งสวรรค์จริง?
เซียวหลินเทียนขมวดคิ้วมุ่น ขันทีเซี่ยอยู่หน้าประตูวังหลวงปล่อยให้หลิงอวี๋เข้ามา ทว่าเวลานี้กลับพูดว่าเทียบเชิญเป็นของปลอม?
นี่หมายความว่าอันใดกัน?
หรือว่าที่ขันทีเซี่ยปล่อยหลิงอวี๋เข้ามา จริง ๆ แล้วเป็นการสมรู้ร่วมคิดต่อต้านตำหนักอ๋องอี้?
หากที่พวกเขาคิดจัดการมิใช่หลิงอวี๋ แต่เป็นตนเล่า?
คำพูดของขันทีเซี่ยทำให้เกิดเสียงอื้ออึงของฝูงชน คำวิพากษ์วิจารณ์ทุกประเภททยอยดังขึ้นทั่วทุกทิศอีกครา
มีคนกล่าวขึ้น “หรือว่าหลิงอวี๋จ่ายเงินมหาศาลซื้อเทียบเชิญแล้วกรอกชื่อแซ่ของตนลงไป?”
“เสียสติไปแล้วรึ การร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาเป็นเกียรติอย่างยิ่งยวด! ผู้ใดจะขายเทียบเชิญให้นาง!”
“ถูกต้อง การปลอมแปลงเทียบเชิญของไทเฮามิต่างไปจากปลอมพระราชโองการ ผู้ใดจะไปบ้าบิ่นเช่นนาง!”
“ขันทีเซี่ย ท่านเลิกเสแสร้งเล่นลิ้นสักทีได้หรือไม่? เมื่อครู่ท่านอยู่หน้าประตูวังไม่เห็นเทียบเชิญรึ? ไยไม่พูดว่าเป็นของปลอมตั้งแต่เมื่อกี้ แต่กลับมาพูดเอาตอนนี้?”
ชายาผิงหยางกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาล “ชัดเจนว่าท่านหวั่นฝ่าบาทตำหนิติฉินท่านจึงเลี่ยงที่จะกล่าว!”
ขันทีเซี่ยมองนางเยาะหยัน สตรีไร้สมองผู้นี้ วันนี้หวังนำเรื่องมาโยงถึงตนดั่งหมาบ้า เขาจะจำความแค้นนี้ไว้!
ขันทีเซี่ยคับแค้นอยู่ภายในใจ แต่บนดวงหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้มอ่อนจางเอาไว้
“เจ้าได้เทียบเชิญมาได้อย่างไร? พระชายาอ๋องอี้เข้ามาได้เช่นไร? ข้าว่าควรให้พระชายาอ๋องอี้กล่าวให้กระจ่างเองดีกว่าเถิด!”
“พระชายาอ๋องอี้ เจ้าลองพูดสิว่าเหตุใดเทียบเชิญใบนี้ถึงแตกต่างกับผู้อื่น?”
ขันทีเซี่ยอมยิ้มพลางมองไปทางหลิงอวี๋
ห้าม้าแยกร่าง เป็นวิธีการลงโทษของจีนโบราณที่โหดร้าย โดยการนำหัว แขน ขา มามัดไว้กับม้าทั้งห้าตัว และบังคับให้ม้าวิ่งออกไปต่างทิศทางเพื่อฉีกร่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...