ทันในนั้นพลันมีความคิดมหาศาลแวบผ่านสู่สมอง ครั้นเห็นรอยยิ้มของขันทีเซี่ย ทฤษฎีสมคบคิดทั้งหมดก็มลายหายไป
นางกระจ่างแจ้งเจตนาของไทเฮาแล้ว นี่คือโอกาสที่ไทเฮามอบให้ตนเพื่อล้างมลทิน!
หลิงอวี๋กล่าวหนักแน่น “หลิงอวี๋ขอถามขันทีเซี่ยสักสองสามคำถามได้หรือไม่?”
จักรพรรดิอู่อันจับจ้องนางอย่างสนใจใคร่รู้ ถือเทียบเชิญปลอมเข้าวังมายังสามารถนิ่งเฉยได้อยู่รึ?
สตรีดาษดื่นเมื่อต้องเผชิญกับคำประณามจากผู้คนมากมาย คงหวาดกลัวร้องห่มร้องไห้ตั้งนานแล้ว หลิงอวี๋ผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจนัก!
ขันทีเซี่ยคลี่ยิ้ม “พระชายาอ๋องอี้เชิญถามขอรับ!”
หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างกิริยางามสง่า “ขันทีเซี่ย ท่านกล่าวว่ากระดาษและมาตรฐานรูปแบบล้วนเป็นของแท้หรือ?”
“ถูกต้อง!” ขันทีเซี่ยตอบไร้กังวล “และเทียบเชิญอื่น ๆ ล้วนผลิตจากกรมการผลิตในวังหลวงทั้งสิ้น ภายนอกไม่มีทางทำเลียนแบบได้ขอรับ!”
“ขันทีเซี่ย ในเมื่อกระดาษมาจากในวังหลวงแล้วหมึกที่ใช้เล่า?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม
หัวใจขันทีเซี่ยสั่นไหว เขาชำเลืองมองหลิงอวี๋อย่างเหนือคาดพลางตอบว่า “หมึกที่ใช้ก็จัดเตรียมมาเป็นพิเศษเช่นเดียวกันขอรับ!”
หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม “หลิงอวี๋ไร้ความสามารถ แต่ทราบว่าใต้เท้าเฉิงชอบแท่งหมึกฮุยโม่(1)และฝ่าบาทเองก็ทรงโปรดปรานแท่งหมึกนั้นเช่นกัน แท่งหมึกฮุยโม่ของฝ่าบาทมีส่วนผสมสมุนไพรยางสน ผู้คนในใต้หล้าต่างรู้กันถ้วนทั่ว!”
“ขันทีเซี่ย ใต้เท้าเฉิงชอบผสมสิ่งใดในแท่งหมึกฮุยโม่อีกเล่า?”
ขันทีเซี่ยมองไปยังใต้เท้าเฉิงที่อยู่ไกล ๆ พลางตอบว่า “ใต้เท้าเฉิงมีความสนใจพิเศษอยู่ แท่งหมึกของเขาผสมกลิ่นหอมจากดอกท้อขอรับ!”
หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม “อย่างที่ทุกคนทราบ ส่วนที่ยากที่สุดของแท่งหมึกฮุยโม่คือการผสมกลิ่นหอมจากบุปผา หลิงอวี๋ไม่รู้ว่ากรมการผลิตสามารถผสมแท่งหมึกกลิ่นดอกท้อได้หรือไม่!”
“มิสู้ลองถามใต้เท้าเฉิงดูสักหน่อย นอกจากเขาแล้วยังมีผู้ใดสามารถผสมแท่งหมึกฮุยโม่เช่นนี้ได้!”
ใต้เท้าเฉิงไม่รอให้ขันทีเซี่ยมองไปทางตน พลันเหยียดกายยืนขึ้นกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมกล้ารับประกันภายใต้ทั่วทั้งแดนดินว่า นอกจากกระหม่อมแล้วมิมีผู้อื่นสามารถผสมกลิ่นหอมดอกท้อใส่แท่งหมึกฮุยโม่ได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
“แท่งหมึกนี้สืบทอดทักษะจากปรมาจารย์ของกระหม่อม ตัวกระหม่อมเองผสมล้มเหลวเก้าครั้งในสิบครั้ง! ฉะนั้นกระหม่อมถึงใช้เพียงหมึกฮุยโม่ชนิดพิเศษนี้เขียนลงหนังสือสำคัญเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
ชายาผิงหยางมองหลิงอวี๋คิดว่านางเอาแต่ก่อกวนไร้มูลเหตุ ไม่ยอมรับว่าตัวเองปลอมแปลง จึงร้องเรียกขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ฝ่าบาท เวลานี้กำลังร่วมหารือเรื่องขันทีเซี่ยกับองครักษ์ผางรับสินบนเพคะ เกี่ยวข้องอันใดกับการใช้หมึกเขียนบนเทียบเชิญ! หลิงอวี๋แค่ต้องการเบี่ยงเบนประเด็นเพคะ!”
“ถึงแม้แท่งหมึกฮุยโม่ของใต้เท้าเฉิงจะมีความพิเศษ แล้วผู้ใดจะไปรู้ว่านางแอบส่งคนไปขโมยแท่งหมึกที่จวนใต้เท้าเฉิงหรือไม่เพคะ!”
เสียงโกลาหลดังเซ็งแซ่!
จักรพรรดิทอดมองชายาผิงหยางอย่างโกรธกริ้ว ภายในใจนึกดูแคลนสตรีไร้สมองผู้นี้ยิ่ง!
นางไม่เข้าใจหรือว่า หลิงอวี๋กำลังใช้เรื่องแท่งหมึกฮุยโม่มาพิสูจน์ว่านางไม่อาจปลอมแปลงเทียบเชิญได้น่ะ?
“พระชายาผิงหยาง ฝ่าบาทยังมิได้ซักถามข้าพเจ้า แล้วท่านมีสิทธิ์อันใดซักถาม? หรือท่านจะบอกว่ามีอำนาจเหนือหัวฝ่าบาทงั้นหรือ?”
ขันทีเซี่ยสีหน้าสงบลง เขารำคาญชายาผิงหยางผู้โง่เขลานี้มานานแล้ว
อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อของฝ่าบาท กระทั่งขุนนางขั้นหนึ่ง(2)เมื่อพบเขาก็ล้วนเคารพนบนอบทั้งนั้น
สตรีนางนี้คิดว่าตนเป็นแค่บ่าวจริงหรือ?
นึกอยากใส่ไคล้ก็ใส่! นึกอยากประณามก็ประณาม!
ชายาผิงหยาง เจ้ารอก่อนเถอะ! วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้กับคำพูดเหลวไหลซ้ำซากของเจ้า!
ครั้นขันทีเซี่ยกล่าววาจานี้ ชายาผิงหยางชะงักไปชั่วขณะพลางมองไปทางจักรพรรดิอู่อัน เมื่อพบว่าสีหน้าของเขามืดลงเล็กน้อยก็พลันหดลำคอทันควัน
“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยเถิดเพคะ หม่อมฉันเพียงว้าวุ่นชั่วขณะ มิมีเจตนาซักถามฝ่าบาทเด็ดขาดเพคะ!”
ชายาผิงหยางยังไม่จำยอมจึงกล่าวอย่างกราดเกรี้ยวว่า
“หม่อมฉันยอมรับว่าปากพล่อยเพคะ! แต่หม่อมฉันก็จะอดทนฟังและมาดูกันว่าหลิงอวี๋จะเถียงข้าง ๆ คู ๆ เช่นไร!”
ครั้นหลิงอวี๋เห็นว่า ขันทีเซี่ยแสดงอำนาจบารมีก็แอบยืนไว้อาลัยแก่ชายาผิงหยางเงียบเชียบ
คาดไม่ถึงเลยว่า ชายาผิงหยางจะขวัญกล้ากล่าวหาขันทีเซี่ยว่ารับสินบน ขันทีเซี่ยจะจดจำความแค้นนี้ไว้!
“ใต้เท้าเฉิง… หลิงอวี๋ขอถามว่าแท่งหมึกฮุยโม่ในจวนท่านถูกขโมยไปหรือไม่เจ้าค่ะ?”
แท่งหมึกฮุยโม่(徽墨) จากเมืองฮุยโจว (徽州) ในมณฑลอันฮุย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเลิศของศิลปะแท่งหมึกของจีน
ขุนนางขั้นหนึ่ง (一品大员) คือ อัครมหาเสนาบดี (丞相) เทียบเท่านายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...