บทที่ 273 มีสีเขียวเล็กน้อยทั่วบริเวณ
“ท่านพ่อ ท่านไม่รู้สึกเศร้าสักนิดเลยหรือ ถ้าหากลูกเขยของท่านเป็นอ๋องซื่อเจิ้น ก็คงจะมีศักดิ์ศรีไม่น้อยมิใช่หรือ?”
แม่ทัพอันหัวเราะหึหึ: “มีศักดิ์ศรีอะไรกัน เงินเดือนที่เขาได้ยังเทียบกับของพ่อไม่ได้เลย ค่าตอบแทนที่ได้ ก็สู้ของพ่อไม่ได้ สิ่งที่ทำอยู่ด้านนอกก็ล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับเรื่องของคนที่กระทำความผิดทั้งสิ้น ถ้าหากพ่อเป็นเจ้า พ่อคงจะบอกให้เขาเลิกทำตั้งนานแล้ว”
อันหลิงหยุนมองแม่ทัพอันอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจแล้ว จริงๆแล้วพ่อของนางเป็นคนฉลาดแต่ไม่ค่อยแสดงออกมา
ร่างเดิมนั้นไร้วาสนาขนาดไหนกัน มีพ่อที่ดีเช่นนี้ยังไม่รู้จักหวงแหน
เช่นนั้นให้นางหวงแหนแทนก็แล้วกัน
อันหลิงหยุนอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนแม่ทัพอันสักครู่ ตอนเที่ยงก็อยู่กินข้าวด้วย แม่ทัพอันถามถึงกงชิงวี่ว่าเขาไปไหน ในเมื่อถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว ทำไมยังไม่ยอมมาเยี่ยมพ่อตาอย่างเขาอีก อันหลิงหยุนจึงได้ตอบไปว่า ไม่ง่ายที่จะมีเวลาว่างพักผ่อนสองสามวัน เขาจึงไปตกปลาแล้ว
แม่ทัพอันได้ยินก็รู้สึกน่าสนุก: “พ่อเองก็ชอบตกปลา พรุ่งนี้หากเขาไปตกปลาอีก ให้พาพ่อไปด้วยนะ”
อันหลิงหยุนผงะ: “ท่านพ่อ ท่านลองดูอายุท่าน แล้วจะไปเที่ยวเล่นกับเขา ไม่สู้หาแม่เลี้ยงใหม่ให้ข้าสักคนจะดีกว่า”
แม่ทัพอันได้ยินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ตกปลาก็ไม่ไปแล้ว แล้วจึงเดินจากไป
อันหลิงหยุนจึงได้กลับออกมาจากจวนแม่ทัพ
ระหว่างทาง ผ่านประตูด้านหน้าของจวนอ๋องตวน เห็นตงเอ๋อออกมาจากด้านใน ไม่หันไปทักทายก็คงไม่ดี จึงได้หยุดยืน
ตงเอ๋อรีบทำความเคารพ : “ถวายพระพรพระชายาเสียน”
“เช่นกัน จวิ้นจู่ของเจ้าล่ะ?” อันหลิงหยุนถามผ่านๆ ไม่คิดว่าสาวน้อยตงเอ๋อผู้นี้จะคิดเป็นจริงเป็นจัง คิดว่าอันหลิงหยุนมาหาตงเอ๋อ จึงรีบดึงอันหลิงหยุนไว้ทันที แล้วบอกว่าจะให้อันหลิงหยุนเข้าไปนั่งข้างในก่อน อันหลิงหยุนเหมือนกับเป็ดที่ถูกต้องเข้าเล้า เรียกให้ตงเอ๋อปล่อยมือพลาง ก็ถูกลากเข้าไปพลาง
ลุ่ยหลิ่วที่เดินตามมาด้านหลังร้อนใจอย่างกับอะไรดี เกือบที่จะเดินเข้าไปลากคนออกมา
“แม่นางตงเอ๋อ เจ้าคงยังไม่รู้ พระชายาของพวกเราทรงพระครรภ์อยู่” ลุ่ยหลิ่วเข้าไปขวางตงเอ๋อไว้ ตงเอ๋อถึงได้ยอมปล่อยมือ
ลุ่ยหลิ่วรีบพูดว่า: “พระชายาทรงพระครรภ์ ให้เดินตามเจ้าก็พอแล้ว เจ้าไม่ต้องลากไปหรอก!”
ลุ่ยหลิ่วพูดอย่างเป็นมิตร ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก
ตงเอ๋อเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลก จวิ้นจู่ของนางเองก็กำลังท้องอยู่เช่นกัน ก็ไม่ได้ทำเช่นนี้
“ข้าไม่ลากแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ” ตงเอ๋อเหมือนกำลังมองนักโทษก็ไม่ปาน มองดูอันหลิงหยุนเดินเข้าไป ไม่เข้าไปก็ไม่ได้
อันหลิงหยุนเองก็ทำตัวไม่ถูก จึงได้แต่เดินตามเข้าไป
เมื่อเข้าไปถึงข้างใน อันหลิงหยุนก็ถูกพาไปที่ตำหนักเซี่ยวเฟิง
เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก อันหลิงหยุนจึงรู้สึกคุ้นเคยกับเส้นทางดี
ที่ประตูมีทหารหญิงสองนายแต่งเครื่องแบบยืนอยู่ อายุไม่มาก ประมาณสิบห้าสิบหกปี ในมือถือหอกอยู่ เมื่อเห็นตงเอ๋อก็ทำความเคารพ : “แม่ทัพตง”
“อืม นี่คือพระชายาเสียน” ตงเอ๋อแนะนำ
เมื่อทหารหญิงทั้งสองนายได้ยินว่าเป็นพระชายาเสียน ก็มองดูด้วยความตกใจทันที แล้วจึงรีบใช้มือทั้งสองข้างจับหอกไว้ แล้วทำความเคารพ: “หม่อมฉันถวายบังคมพระชายาเสียน”
อันหลิงหยุนสะดุ้ง ยืนนิ่งไปพักหนึ่ง
ทั้งสองรู้สึกดีขึ้น แล้วจึงพูดว่า: “หม่อมฉันรู้สึกชื่นชมพระชายาเสียนมานานแล้ว วันนี้มีวาสนาได้เจอ เป็นความสุขที่หม่อมฉันรอคอยจริงๆ”
“พวกเจ้าอย่าทำเช่นนี้เลย ทำจนข้าไม่กล้าเข้าไปแล้ว” อันหลิงหยุนรู้สึกเขิน จึงรีบเดินเข้าไป
ตงเอ๋อเดินตามมาแล้วเชิญให้อาหยู่เข้าไปข้างในด้วย ลุ่ยหลิ่วได้เห็นแล้วว่า คนของตำหนักกั๋วกงนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่อยู่ในจวนอ่องตวนก็ยังมีการจัดกำลังทหารของตนเอง
ภายในลานมีคนอยู่ไม่น้อย อันหลิหยุนได้เห็นประสิทธิภาพของตำหนักกั๋วกงอีกครั้ง พวกนางมีคนจำนวนมาก
ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก คนแก่คนสาวรวมๆแล้วยี่สิบกว่าคน กำลังพูดคุยกันอยู่ภายในลาน ต่างคนต่างก็ทำงานของตนเอง
ตงเอ๋อตะโกน: “พระชายาเสียนมาแล้ว”
จะดีหรือ ทุกคนเหมือนไก่ที่ถูกกระตุ้นก็ไม่ปาน ผงกหัวขึ้น แล้วก็หันหัวมามองอันหลิงหยุนกันหมด ทำให้อันหลิงหยุนตกใจจนยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ หยุดยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าเดินต่ออีก
ยังดีที่รู้ว่าชื่อของนางเป็นที่คุ้นหูของตำหนักกั๋งกง หากไม่รู้มาก่อนต้องคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นศัตรูอย่างแน่นอน
อันหลิงหยุนผงะไปสักครู่ แล้วยิ้มอย่างเก้อเขิน: “ทุกคนไม่ต้องมาทักทายหรอกกระมัง?”
“พระชายาเสียนมาแล้ว”
“พระชายาเสียนมาแล้ว”
ทันใดนั้นภายในลานก็คึกคักขึ้นมา คนกลุ่มหนึ่งเสียงเซ็งแซ่เดินเข้าไปล้อมอันหลิงหยุนไว้ ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกตกใจอย่างมาก
ลุ่ยหลิ่วตะโกนขึ้นว่า: “อย่าขยับ พวกเจ้าอย่าขยับ พระชายาของพวกเราทรงพระครรภ์อยู่ อย่าเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า”
คนกลุ่มนั้นหยุดเดิน แล้วมองดูอันหลิงหยุนเหมือนมองดูสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
หลายคนล้วนรู้สึกว่าการคลอดลูกเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไร
พวกนางบรรดาหญิงสาวในตำหนักกั๋วกง ถึงแม้จะตั้งครรภ์ ก็ยังคงสามารถไปออกรบได้อยู่
อันหลิงหยุนรู้สึกว่าลุ่ยหลิ่วระมัดระวังมากเกินไปหน่อย นางเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่น
แต่เมื่อเห็นท่าทางของลุ่ยหลิ่วแล้ว ดูแลนางราวกับหมีแพนด้าก็ไม่ปาน
ตงเอ๋อพูดว่า: “พวกเจ้าห้ามทำให้พระชายาเสียนได้รับบาดเจ็บล่ะ ถึงแม้ว่านางจะเกิดในครอบครัวทหารเช่นเดียวกับจวิ้นจู่ของพวกเรา แต่จริงๆแล้วนางทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ซ้ำยังอ่อนแอ พวกเจ้าจงระวังสักหน่อย”
ตงเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ อันหลิงหยุนฟังแล้วก็ไม่ค่อยรื่นหูนัก แต่ถึงฟังไม่รื่นหูก็ต้องฟัง ใครใช้ให้สาวใช้ลุ่ยหลิ่วพูดจาหยิ่งผยองเช่นนั้น
ไปบ้านคนอื่นแล้วยังไม่รู้จักสงบปากสงบคำอีก
“อ่อ” ทุกคนต่างมองกันไปมองกันมา เหมือนกับว่ากำลังใช้สายตาพูดว่าอันหลิงหยุนมีอะไรที่วิเศษวิโสกว่าคนอื่นกัน
“ทุกท่าน ลุ่ยหลิ่วมีโอกาสออกมาข้างนอกกับข้าไม่บ่อยนัก ทุกครั้งกลับไปก็มักจะถูกท่านอ๋องดุด่าเสมอ ขั้นรุนแรงก็คือโดนโบยสองครั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเวลาข้าอยู่ข้างนอกไม่ถูกคนตี ก็ถูกคนด่า ส่วนที่ถูกโบยก็เพราะข้าถูกลักพาตัวไป นางจึงค่อนข้างที่จะหยิ่งผยอง พวกเจ้าเองก็เห็นว่าหงเถาและอาหยู่ไม่ค่อยหยิ่งผยองนัก พวกเขาค่อนข้างโชคดี ออกมาข้างนอกก็บ่อย แต่มักจะไม่ค่อยเกิดเรื่อง”
บุตรสาวของตำหนักกั๋วกงส่วนมากก็มีลักษณะเช่นเดียวกับหยุนโล๋ชวนคือ เรียบง่าย อีกทั้งยังถูกหลอกได้ง่ายอีกด้วย อันหลิงหยุนพูดเช่นนี้ คนในตำหนักกั๋วกงต่างหันไปมองลุ่ยหลิ่วเป็นตาเดียวกัน ต่างมองด้วยความเห็นใจ เหมือนแทบจะร้องไห้ออกมา
“แม่นางลุ่ยหลิ่วน่าสงสารนัก ที่คนภายนอกพูดกันว่าอ๋องเสียนฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา เป็นปีศาจที่กินคนโดยไม่คายกระดูกออกมา เป็นเรื่องจริงนี่เอง”
“......” ลุ่ยหลิ่วหมดคำจะพูด นางมองไปที่อันหลิงหยุน ทำไมพระชายาถึงได้กล่าวถึงท่านอ๋องเช่นนี้เล่า?
“แม่นางลุ่ยหลิ่ว เจ้าจงมาที่พวกเรานี่ พวกเราทำของกินอร่อยๆไว้มากมาย พวกเรามากินด้วยกันเถอะ แล้วเล่าให้ฟังหน่อยว่าอ๋องเสียนเป็นคนอย่างไร ปกติมักจะพุ่งเป้าไปที่เจ้าบ่อยๆหรือไม่?”
“หรือเป็นเพราะอ๋องเสียนเห็นเจ้าแล้วรู้สึกขวางหูขวางตา หรืออาจจะรู้สึกว่าเจ้ากับพระชายาเสียนใกล้ชิดกันเกินไป ดังนั้นจึงไม่อยากให้เจ้าเข้าใกล้?”
แต่ละคนต่างพูดไปต่างๆนานา ทำได้เพียงแค่พยักหน้าตามอันหลิงหยุนอย่างไม่มีทางเลือก แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องจริง ทุกคนจึงยิ่งเห็นใจเข้าไปใหญ่ ดูๆไปแล้วลุ่ยหลิ่วเป็นสาวใช้ที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น อ๋องเสียนช่างไม่มีความเมตตากรุณาเอาเสียเลย
“ลุ่ยหลิ่ว คุณชายของตำหนักกั๋วกงเราล้วนอารมณ์ดี เจ้าไม่สู้มาที่ตำหนักกั๋วกงของเรา ไม่แน่ว่าอาจจะได้แต่งงานกับอ๋องจุ้นก็ได้” สาวใช้คนหนึ่งพูดเสียงดัง จนทำให้ลุ่ยหลิ่วตกใจ เก้อเขินจนต้องรีบส่ายหัวไม่หยุดทันที
“ไม่เป็นไร พี่ชายข้าไม่ใช่อ๋องจุ้น แต่เขาก็เป็นถึงหลานชาย เห็นเจ้าสวยขนาดนี้ พี่ชายของข้าจะต้องชอบเจ้าแน่นอน พี่ชายข้า......”
“พี่ชายเจ้าอะไรกัน พี่ชายข้าก็มีเหมือนกัน”
เจ้าหนึ่งคำข้าหนึ่งคำ สุดท้ายก็ทะเลาะกัน
อันหลิงหยุนไม่สนใจทางนั้น ขอแค่ช่วยนางจัดการปัญหาได้ เรื่องอื่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
อาหยู่เองก็เห็นแล้ว แต่ไม่ใช้เห็นความสามารถของอันหลิงหยุน ความสามารถของอันหลิงหยุนนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในสายตาของอาหยู่มานานแล้ว
ราวกับว่า บนโลกนี้ ไม่มีเรื่องไหนที่อันหลิงหยุนทำไม่ได้
อาหยู่เองรู้ถึงความสามารถของตำหนักกั๋วกง ทั้งลานล้วนมีแต่ผู้หญิง!
อาหยู่เองก็ทำตัวไม่ถูก ทางกลางดอกไม้ มีสีเขียวแต้มอยู่หนึ่งจุด เขียวจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...