ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 294

บทที่ 294 ตรวจสอบคดีภายใน

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห ตบไปที่บัลลังก์มังกร กล่าวด้วยความโมโห “ป๋ายจิ้งหยวนคนนี้ ทำให้ข้ารู้สึกดูหมิ่นจริงๆ”

สวีกงกงเดินมาด้านหน้า “ฝ่าบาท ข้าน้อยจำได้ว่า ตอนนี้ตระกูลป๋ายยังมีสองคนอยู่ในวัง”

เวลานี้หมอหลวงฮู๋ก็รีบแสดงตัวไม่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน “ฝ่าบาท เดิมทีกระหม่อมตั้งใจว่าจะรับหมอหลวงใหม่สองคนจากตระกูลป๋ายไว้เป็นลูกศิษย์ หนึ่งในนั้นยังเคยมาพูดเรื่องขอลูกสาวที่บ้าน แต่ฮูหยินของกระหม่อมไม่ได้พบ ก็เลยไม่ได้ตอบตกลง”

ที่จริงไม่ใช่ว่าจะไม่ตอบตกลง แค่หาข้ออ้างเลื่อนไปสองสามวัน พอดีได้ยินเรื่องของฮ่องเต้ เลยเตรียมพร้อมไว้อาจจะได้เข้าวังถวายการรับใช้ฮ่องเต้ ตอนนี้ถือว่ารอดพ้นโชคร้ายไปได้

ฮ่องเต้ชิงหยู่เรียกพี่ชายสองคนของป๋ายสู้สู้เข้าพบในทันที

หนึ่งในนั้นเป็นลูกแท้ๆของป๋ายจิ้งหยวน ซึ่งก็คือพี่น้องพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ของป๋ายสู้สู้

อีกคนเป็นลูกชายของพี่ใหญ่ป๋ายจิ้งหยวน ซึ่งของคือพี่ชายลูกผู้พี่

และตอนนี้ทักษะทางการแพทย์ของทั้งสองต่างก็ยอดเยี่ยม เป็นบุคคลยอดเยี่ยมที่กำลังเกิดใหม่ในโรงหมอหลวง คนที่คอยจ้องก็มีอยู่มาก

คนหนึ่งอายุสิบเก้า อีกคนอายุยี่สิบ

คนที่อายุยี่สิบเป็นลูกป๋ายจิ้งหยวน ลูกชายของฮูหยินรอง

ป๋ายวี่ชิง ป๋ายวี่เหรินเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกขำ “พวกเจ้าคนหนึ่งสิบเก้าคนหนึ่งยี่สิบ?”

ตอนนี้ทั้งสองยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอบคำถามด้วยความเคารพนบนอบ

เป็นถึงหมอหลวง ก็เคยผ่านการฝึกพิเศษ เข้าเฝ้าฮ่องเต้จะลนลานไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้วินิจฉัยผิดพลาดล่วงเกินฮ่องเต้

เวลานี้ทั้งสองคุกเข่าอยู่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับตอบได้ราบรื่นมาก

ฮ่องเต้ชิงหยู่แปลกใจ “พวกเจ้าต่างก็เป็นลูกชายของป๋ายจิ้งหยวน?”

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมใช่พ่ะย่ะค่ะ” ป๋ายวี่ชิงตอบอย่างนอบน้อม

ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวถาม “เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมอายุยี่สิบแล้ว” ป๋ายวี่ชิงแปลกใจ ทำไมฮ่องเต้ถึงถามเขาเช่นนี้ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเขาอายุยี่สิบ ยังต้องถามอีกรอบ แต่เขาเป็นขุนนางที่เขาทำได้ก็คือการตอบตามความเป็นจริง

ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวถามต่อ “เจ้าเป็นลูกเมียหลวงหรือ?”

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมเป็นลูกชายคนโตของเมียหลวง” ตอนที่ป๋ายวี่ชิงตอบแบบนี้อันหลิงหยิงก็หลุดขำออกมา แค่ประโยคนี้ก็ถือเป็นโทษตายแล้วมั้ง

ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวถาม “แม่ของเจ้าเป็นภรรยาแต่งคนแรกของพ่อเจ้าหรือ?”

“ไม่ใช่ พ่อข้าเคยแต่งงานกับหญิงชาวยุทธภพ หญิงคนนั้นเป็นภรรยาแต่งคนแรกของพ่อข้า แต่หลังจากที่นางจากไป พ่อข้าเลยตั้งให้แม่ข้าเป็นภรรยา พ่อกับแม่ข้าเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนก่อนที่หญิงผู้นั้นยังไม่เข้าบ้าน พ่อข้าก็แต่งกับแม่ข้าแล้ว ต่อมาได้ยินว่าเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ เลยจำใจต้องแต่งงานกับหญิงชาวยุทธภพคนนั้น”

ฮ่องเต้ชิงหยู่โกรธเกรี้ยว “บังอาจนัก กล้าใส่ความราชสำนัก ทหาร ไปคุมตัวป๋ายจิ้งหยวนให้ข้า”

ป๋ายชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ ไม่เงยหน้ายังดี พอเงยหน้ามาเห็นป๋ายสู้สู้ก็อึ้งไปในทันที

“ป๋ายสู้สู้ ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?” ป๋ายชิงหยวนตกใจจนพลั้งปากพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

สวีกงกงรีบกล่าว “ฝ่าบาท ทรงดูเถอะ ยังไงก็เป็นถึงพระชายาจวิ้นเสี้ยว เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นอยู่ในสายตา ต่อหน้าพระพักตร์ยังขนาดนี้ หากว่าออกจากวังกลับบ้านไป ฝ่าบาท.......จะไม่ลงไม้ลงมือเลยหรือ?”

“กระหม่อมไม่กล้า”

ป๋ายวี่ชิงรีบกล่าว ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่สวีกงกงครู่หนึ่ง

“เจ้าใจกล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล้าแทรกแซงเรื่องการเมืองแล้ว?”

สวีกงกงรีบคุกเข่าลง “ฝ่าบาท ข้าน้อยผิดไปแล้ว”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่ได้สนใจสวีกงกง มองไปทางป๋ายวี่ชิง “เจ้าไม่กล้าจริงหรือไม่ข้ายังไม่รู้ รอให้พ่อเจ้ามาถึงก็รู้เอง”

ป๋ายจิ้งหยวนถูกคุมตัวเข้าวังอย่างรอดเร็ว พอถึงพระราชฐานด้านหน้ารีบร้อนคุกเข่าลง คิดว่าเป็นเพราะลูกชายรักษาผิดพลาด เข้าประตูมาก็รีบร้อนขอให้ไว้ชีวิต

“ข้าก็อยากปล่อยเจ้าไป แต่ว่าเจ้าทำให้ชื่อเสียงราชวงค์เสื่อมเสีย ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้ ป๋ายจิ้งหยวน เจ้าเงยหน้ามองดู คนคนนี้เจ้ารู้จักไหม?”

ป๋ายจิ้งหยวนรวบรวมความกล้าเงยหน้ามองไป พอเห็นป๋ายสู้สู้ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย สีหน้าแห้งเหี่ยวลงทันที นั่งลงไปกับพื้นตัวสั่นขึ้นมา

อายุก็มากแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกป๋ายสู้สู้ทำร้ายได้

ฮ่องเต้ชิงหยู่เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว

“ป๋ายจิ้งหยวน ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ที่แท้เจ้ามีภรรยาแต่งถึงสองคน เจ้าโยนลูกสาวเมียเอกเจ้าไปอยู่ท้ายเรือนให้คนตาบอดเลี้ยงดู เจ้าวางยาพิษในร่างกายนาง บีบคั้นภรรยาแต่งเจ้าจนตาย เจ้าจะยอมรับความผิดไหม?”

“กระหม่อม......”

เดิมป๋ายจิ้งหยวนไม่อยากยอมรับโทษ ตัวของเขาสั่นเทา ยังไงก็เป็นคนที่คุกเข่ามาเยอะ ทำงานอยู่ในวังก็เป็นข้ารับใช้ทั้งนั้น หมอหลวงก็ดีกว่าขันทีตรงที่มีอวัยวะเพิ่มส่วนเดียวเท่านั้นเอง มองไปที่สายตาคู่นั้นของฮ่องเต้ชิงหยู่ ป่ายจิ้งหยวนก็กลัวแล้ว!

“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีทางเลือกจริงๆ ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

ป๋ายจิ้งหยวนเริ่มคำนับ ลูกชายกับหลานชายก็คำนับตาม

น้ำตาของป๋ายสู้สู้ไหลออกมาจากดวงตาในทันที นางคาดไม่ถึงว่าป๋ายจิ้งหยวนจะยอมรับออกมาง่ายดายแบบนี้ แค่จะปฏิเสธยังไม่มี ฮ่องเต้ชิงหยู่สีหน้าเย็นชา เพ่งมองไปที่ป๋ายจิ้งหยวนพ่อลูกสามคน

“พอได้แต่งงานแล้วเจ้าก็ทิ้งขว้าง ยกย่องเมียน้อยหยามเกียรติภรรยา ไม่เพียงเท่านั้น ตระกูลป๋ายเจ้าช่างเป็นสถานที่ในการซ่อนความชั่วได้ดีจริงๆ พ่อของเจ้าก็เคยยกย่องเมียน้อยหยามเกียรติภรรยา โยนภรรยาดีๆคนหนึ่งไปหลังเรือนปล่อยให้ตายเอง เจ้าก็ได้เรียนรู้วิชาที่แท้จริง วันนี้ข้าก็ขี้เกียจจะถามความไปมากับเจ้าแล้ว ในเมื่อเจ้ายอมรับผิด ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก พ่อของเจ้าจากไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ให้รับโทษแส้ศพ(เพื่อดูหมิ่นผู้ตาย) ส่วนเรื่องในตระกูลป๋ายของเจ้า จะมีคนมาดำเนินการเอง”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปทางอันหลิงหยุน กล่าวขึ้นมาว่า “พระชายาเสียนรับราชโองการ “

“หม่อมฉันรับราชโองการ”

อันหลิงหยุนลุกขึ้นเตรียมคุกเข่า ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็รีบกล่าว “ไม่ต้องคุกเข่า”

อันหลิงหยุนรู้แก่ใจว่าเพราะกลัวเกิดเรื่อง จึงขอบคุณฮ่องเต้ชิงหยู่ก่อน ตามด้วยก้มหัวรับราชโองการ

“ดูท่าในเมืองหลวงมีคดีใหญ่น้อยมากมายที่ไม่ได้รับความชอบธรรม แต่ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเล็กน้อยของหลังเรือน ในเมื่อเจ้าเคยทำคดีเช่นนี้มาแล้ว วันนี้ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้ตรวจสอบคดีภายใน ทำแต่คดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องภายในเรือน ตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่งฝ่ายตรวจสอบ ไม่ว่าขุนนางใหญ่น้อย หรือเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ก็สามารถจัดการได้! หยกแขวนของข้าเจ้ารับไว้”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ดึงหยกแขวนตรงเอวมามอบให้อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนเดินมารับข้างหน้า

ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าว “เจ้าก็เป็นคนที่กำลังตั้งครรภ์ หยกแขวนของข้าถือเป็นตัวแทนข้า หากมีคนไม่ทำตาม ก็ให้ประหารก่อนแล้วค่อยรายงาน”

“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท”

ตอนนี้อันหลิงหยุนกลับเสียงดังและมีพลัง

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปครู่หนึ่ง มองไปยังคนที่อยู่บนพื้น

“ไปเถอะ”

“เพคะ”

อันหลิงหยุนรับคำสั่ง รู้สบายใจ พอดีหาช่องว่างบุกทะลวงเข้าหาอ๋องแปดไม่ได้ ตอนนี้ดีเลย หากไม่เชื่อฟังก็ลงมือจากหลังเรือนก่อน ไม่เชื่อว่าจะหาไม่เจอ

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองสวีกงกงครู่หนึ่ง “ลุกขึ้นเถอะ”

สวีกงกงรีบร้อนขอบพระทัย ไห่กงกงเห็นว่าเวลานี้อันหลิงหยุนไม่เป็นอะไรแล้วก็ขอตัวกลับ

เขาต้องกลับไปรายงานหวางฮองไทเฮา

เมื่อข่าวออกไป เมืองหลวงทั้งเมืองตกอยู่ในโกลาหล มีใครไม่รู้ว่าอันหลิงหยุนเหมือนพวกอันธพาลไร้เหตุผล เมื่อข่าวนี่ออกมา ทุกบ้านในเมืองหลวงต่างก็คอยปกป้องกันจริงๆ กลัวว่าอันหลิงหยุนจะมา

จัดการกับหลังเรือนตัวเอง แม้แต่พวกที่แอบค้าขายเล็กน้อย ได้ยินเรื่องนี้เข้าก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ส่วนตระกูลป๋าย โดนสั่งปิดอย่างรวดเร็ว ขึ้นๆลงๆร้อยกว่าชีวิต กลายเป็นขุนนางต้องโทษทั้งหมด

และเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว อ๋องจวิ้นเสี้ยวถูกท่านอ๋องหกเรียกตัวไปแต่เช้า ตำหนิว่ากล่าวก่อน ตามด้วยให้เขารีบไปหาป๋ายสู้สู้ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม ต้องปลอบให้ป๋ายสู้สู้ผ่อนคลายอารมณ์ก่อน

ภัยจะได้ไม่ถึงตัวอ๋องหก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน