ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 297

บทที่ 297 สืบสวนตระกูลป๋าย

อ๋องหกอยากจจะด่าอันหลิงหยุน แต่สุดท้ายก็อดทนเอาไว้ได้ ตอนที่จากไปหน้าขมขื่นเหมือนกับมะระ อันหลิงหยุนสบายใจ

หลังจากส่งอ๋องหกจากไปแล้วอันหลิงหยุนถึงออกไป ให้ห้องครัวเตรียมของกินไว้ แล้วก็ไปที่หน้าจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวพร้อมอาหยู่

กงชิงวี่อยู่ที่นั่นจริงๆ

แต่เขาไม่ได้จัดการเรื่องของจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว แต่ว่ากำลังรออันหลิงหยุน

อันหลิงหยุนปัดผ้าม่านรถม้าออก เรียกเขาหนึ่งคำ “ท่านอ๋อง”

กงชิงวี่เงยหน้าแล้วก็วิ่งตะบึงไปยังรถม้า เข้าไปในรถม้าแล้วนั่งไปที่ตรงข้ามอันหลิงหยุน ในรถม้าไม่เห็นป๋ายสู้สู้จริงๆ

ทำคดีวันนี้ ไม่ต้องให้ป๋ายสู้สู้ตามมา ก็เลยไม่ได้พามาด้วย

กล่องอาหารวางอยู่ตรงหน้าอันหลิงหยุน ส่งไปให้กงชิงวี่ “ออกมาตั้งแต่เช้ามืด ต้องหิวแล้วแน่ๆ ท่านอ๋องกินก่อน”

กงชิงวี่จึงเปิดกล่องอาหารออก เห็นว่าทั้งหมดเป็นอาหารที่ปกติเขาชอบกิน ในใจย่อมพอใจเป็นธรรมดา

มองอันหลิงหยุนอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง ถึงแม้จะกินอยู่ก็อุดปากไว้ไม่ได้ “ข้าคิดว่าหยุนหยุนจะไม่รู้”

“รู้หรือไม่แล้วเป็นอย่างไร ของกินของใช้ก็มีไม่กี่อย่าง ทุกวันท่านกินอะไรเยอะกินอะไรน้อยข้าจะมองไม่เห็นหรือ?”

อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ด้วยความไม่พอใจ ไม่พูดอะไรอีก คิดวางแผนเรื่องไปตระกลูป๋าย

กงชิงวี่กินข้าวเสร็จ รถม้าก็ถึงตระกูลป๋าย

ทั้งสองลงจากรถม้า อันหลิงหยุนเหลือบมองไปที่ป้ายจวนป๋ายสองคำตรงหน้าประตูตระกูลป๋าย

คิดว่าตระกูลป๋ายก็ดูธรรมดามาก ถึงแม้จะเป็นตระกูลหมอเทวดา แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าหยิ่งยโสมากนัก ดูจากเรือนก็ธรรมดามาก

น่าเสียดาย!

พบเจอเรื่องเช่นนี้ ช่างไร้มโนธรรมจริงๆ!

หน้าประตูมีคนเฝ้าอยู่ อันหลิงหยุนเหลือบมองไปที่ปู้เหวิน ที่แท้ก็เป็นปู้เหวินที่เฝ้าอยู่ที่นี่

เวลานี้กงชิงวี่ยืนอยู่ข้างอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนมองเขา “ท่านอ๋องเชิญ”

คำนี้กงชิงวี่ชอบฟัง ยิ้มมุมปาก ก้าวเท้าเดินเข้าข้างใน ถือโอกาสจับมืออันหลิงหยุนพานางเข้าไปพร้อมกัน

เวลานี้คนในตระกูลป๋ายต่างก็ตื่นตระหนก ไม่มีใครบอกคนตระกูลป๋ายว่าเกิดอะไรขึ้น บอกเพียงว่าจะสอบสวนเรื่องในเรือน เรือนก็คือหลังเรือน คนตระกูลป๋ายคิดออกแค่ป๋ายสู้สู้ เพราะสองสามวันก่อนป๋ายสู้สู้ถูกรับตัวไป

แต่แค่ป๋ายสู้สู้คนเดียวถึงกับรบกวนไปถึงฮ่องเต้ ค่อนข้างจะทำให้คนเข้าใจได้ยาก

แต่ข่าวลือที่ว่าพระชายาเสียนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เป็นนางมารร้ายคนหนึ่ง นางสามารถทำอะไรได้บ้างใครจะไปรู้

แต่ตระกูลป๋ายรู้สึกโชคร้ายมาก อยู่ดีๆก็ถูกจับไม่มีเหตุผล

เวลานี้ทุกคนในตระกูลป๋ายต่างก็คุกเข่าอยู่ลานบ้าน อันหลิงหยุนกับกงชิงวี่เข้าประตูไป คนตระกูลป๋ายรีบคำนับ

“ปู้เหวิน”

ไม่ต้องให้อันหลิงหยุนพูดอะไร กงชิงวี่ออกคำสั่งไปแล้ว ก่อนอื่นนำคนตระกูลป๋ายที่อายุมากไปสอบปากคำยังสถานที่หนึ่ง และนำคนที่อายุน้อยไปสอบปากคำตามขั้นตอนอีกด้านหนึ่ง

ไม่ต้องรอนาน คนตระกูลป๋ายบอกเรื่องในเรือนจนหมด รวมไปถึงเรื่องของป๋ายสู้สู้ด้วย ส่วนเรื่องของคนตาบอดกลับไม่รู้จะเริ่มสืบจากตรงไหน

เพราะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปู้เหวินสืบไม่พบกลับมารายงาน

อันหลิงหยุนถึงลุกจากเก้าอี้ ตามกงชิงวี่ไปสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

แต่กงชิงวี่อยู่ก็ช่วยอันหลิงหยุนได้มากโข นางไม่ต้องพูดอะไรเลย ปล่อยให้กงชิงวี่จัดการทุกอย่างก็พอ

กงชิงวี่เดินผ่านหลังเรือนตระกูลป๋าย บนพื้นสมาชิกหลังเรือนที่เป็นหญิงตระกูลป๋ายคุกเข่าอยู่ ผู้ชายถูกคุมตัวไปอีกด้าน สมาชิกในนี้เป็นหญิงซะส่วนใหญ่

หนึ่งในนั้นฮูหยินรองของตระกูลป๋ายก็อยู่ในนั้น เพราะนางสวมเสื้อผ้าสีแดง ดูมีราศี ผมของนางก็ประดับไปด้วยเครื่องประดับทองคำ ชาวบ้านทั่วไปถือว่า เครื่องประดับทองคำคือสัญลักษณ์แสดงฐานะ บวกกับข้างกายนางรายล้อมไปด้วยหญิงหน้าตาไม่ธรรมดาหลายคนคุกเข่าอยู่ ฮูหยินรองแน่ไม่ต้องสงสัย

กงชิงวี่หยุดอยู่ตรงหน้าฮูหยิน น้ำเสียงของเขาเหมือนตอนปกติ กล่าวถามนาง “เจ้าคือผู้ใด?”

“ตอบอ๋องเสียน ข้าน้อยคือฮูหยินรอง ชุยซื่อ(ฮูหยินรอง)”

ฮูหยินรองตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ปกตินางเสพสุขจนเคยชิน ตอนนี้คุกเข่าไปหนึ่งวันหนึ่งคืน นางจะตายอยู่แล้ว ถูกลากออกไปสืบสวนอีก ชีวิตก็ไม่สบายแล้ว

ตอนนี้กงชิงวี่ถามอะไรนางก็ไม่กล้าปกปิดอีก และก็ตอบตามความจริง

กงชิงวี่ถามต่อ “หลังเรือนเจ้ามีคนตาบอดอายุมาก เจ้ารู้หรือไม่?”

ชุยซื่อ(ฮูหยินรอง)ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริง จะทำอย่างไรดี?

ชุยซื่อไม่ได้พูดอะไร ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว

กงชิงวี่ถาม “ไม่รู้หรือ?”

ชุยซื่อพยักหน้าทันที “แม่นมในจวนมีตั้งเยอะ จำไม่ได้แล้ว”

“ข้าบอกว่าอายุมาก แต่ข้าไม่ได้บอกว่าเป็นแม่นม เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางเป็นแม่นม? ดูเหมือนว่าข้าคงจะถามไม่ได้ความอะไรแล้ว คงต้องไต่สวนถึงจะได้ความ เด็กๆ พาลงไปข้างล่างทรมานให้สารภาพ ไม่พูดก็ตีเลย

ข้าไม่มีความอดทนกับคนดื้อด้านเช่นนี้ ตีเลย ตีจนกว่าจะพูด”

ปู้เหวินรับคำสั่งในทันที อันหลิงหยุนอดชื่มชมไม่ได้ การเคาะภูเขาขู่เสือของเขา ตกใจสั่นสะท้านกันเต็มพื้น เก่งมาก!

ฮูหยินรองถูกลากไปทรมาน คนที่อยู่บนพื้นตัวสั่นเทา กงชิงวี่สำรวจไปรอบหนึ่ง สุดท้ายสายตาเขาก็ไปหยุดอยู่ที่หนึ่งในนั้น

“เจ้าเป็นใครกัน?”

“ข้าคืออี๋เหนียงสาม”

หญิงสาวทั้งสาวและสวย อายุยี่สิบกว่า แต่ดูจากการแต่งตัว ที่รองจากฮูหยินรอง ก็ดูออกไม่ยากว่านางมีฐานะอะไรในจวน

แต่เวลานี้นางเกลียดฐานะนี้นัก

“เจ้ารู้เรื่องของคนตาบอดอายุมากหรือไม่?”

กงชิงวี่ถือว่าธรรมดามากแล้ว อี๋เหนียงสามไม่อยากถูกตี นางยอมให้มีดเชือดคอ ตายแบบไม่ต้องทรมาน

ยิ่งไปกว่านั้นนางยังสาวยังสวย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบอ๋องเสียน ยิ่งได้ยินเสียงของอ๋องเสียน จะต้องเป็นชายที่มีหน้าตาไม่ธรรมดา หากว่านางให้ความร่วมมือดี ไม่แน่ว่า.......

คิดถึงตรงนี้ อี๋เหนียงสามก็ไม่รอช้า กล่าวว่า

“รู้นิดหน่อย”

“อืม”

กงชิงวี่หันกลับไปมองอันหลิงหยุนครู่หนึ่ง อันหลิงหยุนพยักหน้า

“ปู้ทิน พาไปห้องข้างๆ”

“ครับ”

ปู้ทินรับคำสั่งพาคนออกไป อันหลิงหยุนตามไปด้วย อี๋เหนียงตอบทุกคำตอบ บอกเรื่องราวทุกอย่างออกไป นางบอกว่าป๋ายจิ้งหยวนบังเอิญไปเห็นคนตาบอดออกไปที่จวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว ป๋ายจิ้งหยวนนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ฐานะของคนตาบอด

ป๋านจิ้งหยวนไม่ชอบคนตาบอด เลยไปหาคนตาบอด

คนตาบอดก็ตายเลย

เรื่องราวคล้ายกันกับที่ป๋ายสู้สู้พูด อันหลิงหยุนดูคำให้การของอี๋เหนียงสามครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสามารถลงโทษป๋ายจิ้งหยวนได้แล้ว

ทั้งสองออกไปก็ตรงไปที่คุกของศาล เข้าประตูไปอันหลิงหยุนก็เอาคำให้การให้ป๋ายจิ้งหยวนดู

ยังไงป๋ายจิ้งหยวนก็เป็นแค่คนใจเสาะ อยู่ในเรือนเขากล้าทำเรื่องชั่วช้าเห็นชีวิตคนเป็นต้นหญ้า ออกจากประตูไปกลับไม่กล้าทำอะไรส่งเดช

อันหลิงหยุนมีหลักฐานหนาแน่น บอกกับก่อนหน้านั้นป๋ายสู้สู้พบกับฮ่องเต้ ดูจากท่าทีบันดาลโทสะของฮ่องเต้ ป๋ายจิ้งหยวนรู้ว่าครั้งนี้ตระกูลป๋ายยากที่จะพ้นเคราะห์

เขาก็ไม่คิดจะขอชีวิต คุกเข่าคาราวะอันหลิงหยุน “พระชายาเสียน ข้าไม่หวังจะมีชีวิตรอด ขอเพียงพระชายาเสียนได้โปรดไว้ชีวิตคนในตระกูลป๋ายของข้า ทั้งหมดข้าเป็นคนทำเอง พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์!”

“บริสุทธิ์หรือไม่ข้าต้องกราบทูลฝ่าบาท ส่วนเรื่องจะให้อภัยโทษหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฝ่าบาทแล้ว”

อันหลิงหยุนยังไม่ทันจะพูดอะไรกงชิงวี่ออกปากก่อนแล้ว ป๋ายจิ้งหยวนเหมือนถูกฟ้าผ่า นั่งกลับลงไปแล้วไม่พูดอะไรอีก

เห็นท่าทางของป๋ายจิ้งหยวนเวลานี้ อันหลิงหยุนรู้ว่าเขากลัวแล้ว เลิกที่จะดิ้นรนแล้ว เลยเข้าไปถาม “ป๋ายจิ้งหยวน เจ้าจะช่วยคนตระกูลป๋ายเจ้าข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่รอด แต่เพียงแค่ข้าถวายฎีกาขึ้นไป ขอความเมตตาให้ตระกูลป๋ายเจ้า คนตระกูลป๋ายก็อาจรักษาชีวิตไว้ได้ เพียงแต่ว่า.......ต้องดูว่าเจ้าให้ความร่วมมือหรือไม่?”

ป๋ายจิ้งหยวนพยักหน้าช้าๆ ราวกับว่าเห็นความหวังอันริบหรี่ “พระชายาเสียนอยากให้ข้าร่วมมืออย่างไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน