ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 319

บทที่ 319 กรมอาญาทำคดี

”อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “พูดเช่นนี้คือ ยังมีคนของตระกูลเฉินอยู่ในเมืองหลวง?”

"มีอยู่."

"โอ๋ ถ้าเช่นนั้นท่านมาที่เมืองหลวงทำไมหรือ?" อันหลิงหยุนถามต่อ

ฮูหยินแก่พูดว่า: "ข้ามาที่เมืองหลวงเพราะว่า ข้าเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร แต่นายท่านช่างตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก ข้าต้องการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมให้นายท่าน"

อันหลิงหยุนขมวดคิ้วมุ่น "มิน่าล่ะ"

ทั้งสองพูดคุยกัน รอจนกระทั่งผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ด้านนอกเรือนก็มีคนเข้ามา อันหลิงหยุน มองตรงไปที่ประตู ในมือถือเข็มเงินสองสามเล่มเอาไว้ เป็นการป้องกันตัว

ประตูถูกผลักเปิดออก คนผู้หนึ่งก้าวเท้าเข้ามา เข็มเงินในมือของอันหลิงหยุน เกือบจะถูกซัดออกไปแล้ว ผลคือกงชิงวี่รีบพูดขึ้นว่า "นี่ข้าเอง"

นั่นทำให้อันหลิงหยุนยอมลดมือลง กงชิงวี่เดินเข้าไป ทันทีที่เห็นอันหลิงหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สีหน้าอันเย็นชาจึงค่อยๆ ผ่อนคลายเป็นอบอุ่นทีละน้อย

"ข้ารู้ว่าหากไม่รีบเอ่ยทักทายออกไปเสียก่อน เจ้าย่อมต้องลงไม้ลงมือกับข้าเป็นแน่"

กงชิงวี่สวมชุดสีดำแววตาลึกล้ำ ขณะที่พูด ก็เดินไปถึงเบื้องหน้าของอันหลิงหยุนแล้ว จับแขนของอันหลิงหยุน พลางกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว: "คิดจะทำให้ข้ากลัวจนตายหรืออย่างไร?"

“ ท่านอ๋อง”

อันหลิงหยุนค้อมกายลงคำนับ กงชิงวี่ทำหน้าตาบูดบึ้ง: "ให้มันน้อยๆหน่อย!"

อันหลิงหยุนรู้สึกขบขัน ค่อยกล่าวออกไปว่า "ลำบากท่านอ๋องแล้วเพคะ!"

"ฮึ!"

เมื่อหันหน้าไป กงชิงวี่มองไปยังฮูหยินแก่ที่อยู่บนเตียง กวาดสายตามองเพียงครู่ เขาก็ถึงกับผงะ: “ฮูหยินเฉินกั๋วกง!”

ฮูหยินแก่มองดูกงชิงวี่อย่างละเอียด: "อ๋องเสียน เจ้าเติบใหญ่แล้ว?"

"ฮุหยินแก่" กงชิงวี่ดึงอันหลิงหยุนออกมา เดินไปเบื้องหน้าฮูหยินแก่ แล้วจึงค่อยนั่งลงจ้องมองนาง

หยินแก่ยิ้มพลางเอ่ยว่า "หรือจะบอกว่า นางคือคนที่สะกดรอยตามเจ้าทุกฝีก้าว ทั้งยังไร้ยางอายอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเจ้าแต่งนางไป ก็อาจจะบีบคอให้ตายคนนั้น?"

จู่ๆรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงหยุน ก็หายวับไปโดยพลัน นี่หมายความว่าอย่างไรไม่ทราบ?

กงชิงวี่สีหน้ากระอักกระอ่วน กลัวว่าอันหลิงหยุนจะหาเรื่องกับเขา จึงรีบละล่ำละลักอธิบายเป็นพัลวันว่า: "ตอนนั้นข้ายังเด็กไม่รู้ประสา เจ้าก็ถือเสียว่าเป็นเพียงคำพูดพล่อยๆ ของข้าได้หรือไม่ แค่คำพูดของเด็กไม่รู้ประสา เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยนะ "

"โอ๋!"

ฮูหยินแก่เห็นสีหน้าไม่พอใจของอันหลิงหยุน จึงยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า: "เมื่อครู่พระชายาเสียนกับหม่อมฉันเพิ่งจะคุยกัน นางเล่าว่าหลังจากแต่งงาน ถูกทำร้ายจนสลบแน่นิ่งไป หม่อมฉันเองฟังแล้วก็ยังไม่เชื่อ"

"คำพูดเหล่านั้น ฮูหยินแก่จะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก สำนวนคำเปรียบเปรยเหล่านี้ พูดได้ดียิ่งนัก ทุบตีคือชิดใกล้ ด่าคือรัก ไม่ตีไม่ชิดใกล้ไม่ครึกครื้น" กงชิงวี่แอบได้ยินอันหลิงหยุนพูดโดยไม่เจตนา เขาจึงจำได้แล้ว

ขณะที่พูดก็หันไปมองใบหน้า ซึ่งแสดงอาการดูถูกเหยียดหยามของอันหลิงหยุนไปด้วย กงชิงวี่ยิ้มและกล่าวว่า "ข้าแต่งงานแล้วจึงได้รู้ว่า ภรรยาที่ดีขนาดนี้ต่อให้จุดโคมมังกรตามหาก็ยังไม่อาจหาได้พบ”

ฮูหยินแก่ถูกทำให้ขบขันจนหัวเราะออกมาเลยทีเดียว

กงชิงวี่เห็นว่าบรรยากาศถูกเขาดึงกลับมาได้แล้ว จึงถามว่า "แล้วเหตุใดฮูหยินจึงได้ตกมาอยู่ในสภาพนี้ไปได้เล่าขอรับ?"

“ พูดแล้วเรื่องยาวนัก หม่อมฉันเข้าวัง เพื่อหาคนร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ไม่คิดว่าระหว่างทางต้องล้มลุกคลุกคลาน ระหกระเหิน เข้าทางขุนนางก็ยิ่งยากเข็ญ กลับย่างเท้าก้าวเข้าสู่หายนะอันเลวร้ายไปทีละก้าวๆ

แรกสุดก็ถูกคนขับไล่ออกมา จากนั้นระหว่างเดินทางก็พบเข้ากับขโมย ทำตราประทับของท่านกั๋วกงหาย อีกทั้งค่าเดินทางก็สูญหมดไปด้วยเช่นกัน”

“เมื่อมาถึงเมืองหลวง พวกเราไปที่กรมอาญาก่อน สิงปู้ซื่อหลัง(รองเจ้ากรมอาญา)ก็ขับไล่เราออกมา กล่าวหาว่าพวกเราพูดจาเหลวไหลเพ้อเจ้อ ทั้งยังทุบตีแม่นมสวีอีกด้วย

ต่อมาข้าขอให้แม่นมสวีส่งข้าไปถึงหน้าประตูสำนักเสนาบดีกรมอาญา เดิมทีเสนาบดีกรมอาญาผู้นี้ เขาเป็นลูกศิษย์ลูกหาของนายท่าน แต่ตอนนี้เขาเจอหน้าหม่อมฉัน ก็ไม่รู้จักกันเสียแล้ว เขาบอกกับหม่อมฉันว่า การแอบอ้างสวมรอยเป็นอาจารย์แม่นั้น มีความผิดต้องถูกทุบตีอย่างหนักสั่งให้หม่อมฉันออกไปโดยเร็วที่สุด”

“หม่อมฉันไม่ยอมไป เขากลับไม่ได้ทุบตีหม่อมฉัน แต่ว่าไปทุบตีแม่นมสวีแทน แม่นมสวีเพิ่งจะอาการดีขึ้น ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี่เอง "

กงชิงวี่ส่งเสียง “ฮึ” อย่างเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง: "คราวนี้กลับกัน เป็นตาพวกเขาบ้างแล้ว"

กงชิงวี่ลุกขึ้น: : "ฮูหยินโปรดวางใจ วันนี้..... "

อันหลิงหยุนรั้งตัวกงชิงวี่เอาไว้: "ท่านอ๋อง ไม่สู้ให้ข้าไปเองดีกว่าเพคะ"

กงชิงวี่มองค้าง: "หยุนหยุน ร่างกายของเจ้า..... "

"วางใจเถิดเพคะ ปู้เหวิน แค่สองสามคน ผู้คนในเมืองหลวงล้วนไม่รู้จัก ให้พวกเขาคุ้มครองข้าอย่างลับๆ ข้าจะไปหาพวกนั้น แล้วถลกหนังพวกเขาออกทีละชั้นๆ พวกเขาไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาถึงเพียงนี้ หลอกลวงเบื้องบน กลั่นกล้งระรานผู้น้อย ข่มเหงประชาชน กระทั่งฮูหยินม่ายของอาจารย์ผู้มีพระคุณ ก็ยังจำกันไม่ได้แล้ว จะยอมปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไรกันเพคะ?”

กงชิงวี่อ้าปากพะงาบๆ ใบหน้าหล่อเหลาคล้ำทะมึน เสมือนมีหมอกผืนหนึ่งมาบดบัง: " หยุนหยุน ข้าขอไม่เห็นด้วยได้หรือไม่?"

“ไม่ได้เพคะ!”

อันหลิงหยุนไม่ยอมถอยให้ กงชิงวี่จึงมีแต่ต้องประนีประนอม

“ ข้าก็ไปด้วยคนแล้วกัน”

ที่จริงแล้ว กงชิงวี่ไม่วางใจให้อันหลิงหยุนออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนาง

อันหลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจ: " ท่านอ๋องไปแล้ว พวกเขาจะไม่เผ่นหนีกันหมดหรือเพคะ?"

“ ไม่ใช่ว่าข้าปลอมตัว แปลงโฉมได้หรอกหรือ?”

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้น มองกงชิงวี่อย่างละเอียดสักพัก กลับรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

อันหลิงหยุนพยักหน้า: "ตามที่ท่านอ๋องเห็นสมควรเถอะเพคะ ทางที่ดีที่สุดคือ หาใครอีกสักคน เช่นนั้นก็รับประกันได้แล้ว ให้ดีที่สุดคือตามหาเว่ยหลิงชวนมา เขาเป็นคนแข็งแกร่งซื่อตรงไม่ประจบสอพลอ เมื่อถึงเวลาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ... "

"ไม่จำเป็น! มีข้าอยู่ลองดูซิว่า จะมีใครที่มันกล้ายอมตายไม่ยอมรับผิดบ้าง?" กงชิงวี่พูดจบหมุนกายเดินจากไป อันหลิงหยุนเลิกคิ้วหันกายมองตามไป พ่อไหน้ำส้มสายชูยักษ์คนนี้นี่นะ

กงชิงวี่เดินไปถึงประตู พลันหันกลับมามองอันหลิงหยุน: "ข้าเห็นว่าตอนนี้เจ้ากำลังท้องหรอกนะ ถึงได้ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า"

อันหลิงหยุนค้อมกายลงคำนับ: "หม่อมฉันซาบซึ้งในบุญคุณยิ่งแล้วเพคะ!"

ฮูหยินแก่ผุดรอยยิ้ม ผินหน้ากลับมาหวนนึกถึงนายท่านของนาง ยิ่งคิดถึงมากขึ้นเป็นเท่าทวี

กงชิงวี่เห็นท่าทางเช่นนี้ของอันหลิงหยุน ความกรุ่นโกรธพลันหายเป็นปลิดทิ้ง พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นลูกเสือตัวน้อยๆแสนเชื่อง เดินเข้าไปตรงหน้าอันหลิงหยุน กุมมือของนาง เอ่ยขึ้นว่า: “ข้าไม่ชอบเว่ยหลิงชวน!”

อันหลิงหยุนรู้สึกขบขัน "ท่านอ๋อง หากว่าท่านไม่ชอบก็แล้วกันไปเถิดเพคะ เป็นข้าไม่ได้คิดพิจารณาเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่เอง ฐานะของท่านอ๋องเป็นถึงระดับนี้ ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง ใครจะกล้าไม่ทำตามล่ะเพคะ?”

กงชิงวี่เหล่ตามอง: "ยกยอข้าให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ คนอื่นไม่รู้ แล้วท่านอ๋องของเจ้าคนนี้จะไม่รู้เชียวหรือ ?"

"อย่างไรก็ฟังตามความเห็นหยุนหยุนเถอะ ข้าแค่ตามไปดูก็พอ" กงชิงวี่พูดจบ ยังแอบเสียใจภายหลังอยู่นิดๆ ทำไมถึงได้เชื่อฟังถึงเพียงนี้ได้หนอ!

อันหลิงหยุนค้อมกายลงคำนับอีกครั้ง: "ขอบคุณท่านอ๋องเพคะ"

"ตอนนี้เราจะทำอย่างไร?" กงชิงวี่ถามอันหลิงหยุน

อันหลิงหยุนมองฮูหยินแก่ ในเวลานี้ แม่นมสวี กำลังรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่หน้าประตูแล้ว นางครุ่นคิดสักพัก: "ท่านอ๋อง ให้พวกอาหยู่กลับไปก่อน เปลี่ยนพวกปู้เหวินสักสองสามคนมาแทน ให้พวกเขาแต่งตัวเป็นคนเข็นรถ เข็นฮูหยินแก่ไป ให้แม่นมสวีตามไปร้องขอความเป็นธรรมด้วย ข้าจะแต่งตัวเป็นหมอตามไป ท่านอ๋องรูปลักษณ์นี้ ก็เป็นคนที่สัญจรผ่านทางมา แล้วเข้าไปชมดูเหตุการณ์ ลองนัด... ... "

อันหลิงหยุนลังเลตัดสินใจไม่ได้ หาใครถึงจะเหมาะสมล่ะ?

“ ท่านอ๋อง เป็นกั๋วจิ้วน้อยดีไหมเพคะ?”

กงชิงวี่ยิ้มทันที: "ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ตรงข้ามกรมอาญาเป็นโรงน้ำชา ข้าว่าจะไปดื่มชาสักนิด เดินหมากเสียหน่อย อีกครู่จะเชิญกั๋วจิ้วน้อยมาให้ หยุนหยุนเตรียมตัวก่อนได้เลย"

"ท่านอ๋อง เชิญเพคะ"

อันหลิงหยุนค้อมกายคำนับ กงชิงวี่ดึงมืออันหลิงหยุนเข้ามา โน้มตัวกระซิบถามด้วยเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูของนางว่า "ข้าเป็นเด็กดีเชื่อฟังใช่หรือไม่?"

อันหลิงหยุนกลอกตาใส่กงชิงวี่ ด้วยอารมณ์เอือมระอา: "ท่านอ๋อง ท่านไม่ถูกที่ถูกเวลาอีกแล้วนะเพคะ"

กงชิงวี่แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย: "ข้าถือเป็นจริงเป็นจังนะ!"

เอาไว้กลับไปแล้วค่อยเพลิดเพลิน เสพสุขสนุกสนานเป็นแน่เทียว

กงชิงวี่หันกายกลับไปมองฮูหยินแก่: "ฮูหยินแก่ ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนนะขอรับ"

"อ๋องเสียน เชิญเถอะ" ฮูหยินแก่ยังคงสงบนิ่งดังเดิม

กงชิงวี่หันกายจากไป เมื่อมีคำสั่งลงไป พวกปู้เหวินสองสามคนก็มาถึงในเวลาอันรวดเร็ว แต่อาหยู่ตามออกไปพร้อมกันกับกงชิงวี่ กงชิงวี่ไปโรงน้ำชา ที่อยู่ตรงข้ามกับกรมอาญา ส่วนอาหยู่ไปเชิญกั๋วจิ้วน้อย

พวกปู้เหวิน ทั้งหลายเหล่านั้น เตรียมตัวพร้อมอย่างรวดเร็ว อันหลิงหยุนจึงปิดประตูเพื่อแต่งตัว นางนั่งอยู่หน้ากระจก นำเสื้อผ้าผู้ชายมาสวมเปลี่ยน แต่งตัวเหมือนหมอจรดทั้งตัว เอาสีดำมาป้ายทาบนใบหน้าตัวเองเล็กน้อย อันหลิงหยุนยกกล่องยาขึ้นมา แล้วจึงเดินไปที่ประตู

ประตูถูกผลักเปิดอันหลิงหยุนเดินออกไปพวกปู้เหวินสองสามคนแต่งตัวเหมือนคนเข็นรถและพ่อค้าหาบเร่เรียบร้อย เมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็อดตกตะลึงไม่ได้ หากไม่มองให้ละเอียดถี่ถ้วน จะไม่มีทางระบุได้เด็ดขาดว่าอันหลิงหยุนเป็นใคร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน