บทที่ 321 เขาคือมังกรทอง
ตะโกน: “ติดหนี้ไม่ยอมชดใช้ ข้าจะฟ้องศาล”
“ฟ้องศาล? ข้านี่แหละศาล!”
เมื่อประโยคนี้พูดจบ ปู้เหวินก็เถียงขึ้นมาว่า: “เจ้าเป็นฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่ข้าสามารถเอาผิดเจ้าได้ เจ้ามาเอะอะโวยวาย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ความผิดเช่นนี้ ข้าไม่สามารถทนดูอยู่ได้ เร็วเข้า......ไปเอาเขาลงมา”
โจวชางเหวินชี้ไปที่ ปู้เหวินส่วนหยางจื้อก็เหงื่อไหลอยู่ แล้วพูดเสียงเบาๆว่า: “ท่านพ่อ เขาฝีมือร้ายกาจมาก พวกเราล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ไม่สู้ไปเชิญคนอื่นมาดีกว่า เอาคนที่อยู่ในกองทัพมา”
พี่ชายของหยางจื้ออยู่ในกองทัพ การที่เขาจะเรียกคนมานั้นไม่ใช่เรื่องยาก
โจวชางเหวินพยักหน้า: “รีบให้คนไป ข้าจะฟังดูว่าพวกเขาพูดอะไร”
หยางจื้อรีบให้คนไปที่กองทัพเพื่อขอความช่วยเหลือทันที ส่วนทางนี้ แม่นมสวีรีบเข้าไปแก้ไขสถานการณ์: “ใต้เท้าซ่างซู ได้โปรด ให้ความเป็นธรรมกับเจ้านายของพวกเราด้วย เจ้านายของพวกเราจะต้องไปเข้าเฝ้า”
“......”
เมื่อเห็นแม่นมสวี โจวเหวินจางก็คลายความโกรธลงไปเล็กน้อย เขามองฮูหยินแก่ที่อยู่บนรถ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก: “ข้าเคยบอกแล้วว่า ให้พวกท่านไปเสีย แล้วทำไมจึงมาที่นี่อีก หรือท่านคิดว่าข้านั้นอ่อนแอ?”
ตอนนี้คนตระกูลกูลเฉินมีตำแหน่งที่สูงและมีอำนาจในกองทัพ เขาเองก็ไม่อยากล่วงเกิน
ถึงแม้จะเป็นถึงซ่างซู แต่ซ่างซูผู้นี้ก็รู้จักแยกแยะสูงต่ำ ตระกูลโจวของพวกเขายังมิอาจเทียบชั้นตระกูลเฉินได้
เรื่องนี้มีคนแจ้งให้ทราบตั้งนานแล้ว มิเช่นนั้นจะปฏิเสธที่จะเจรจาได้อย่างไร
“ใต้เท้าซ่างซู เจ้านายของข้า ตอนเด็กๆเข้าวังอยู่บ่อยๆ แล้วทำไมท่านจึงไม่ไปกราบทูลฮ่องเต้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านกั๋วกง หรือแม้แต่เจ้านายของพวกเราก็จำไม่ได้แล้ว?” แม่นมสวีพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น แต่โจวชางเหวินก็ยังคงใจแข็ง เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่นมสวีพูด ก็พูดปฏิเสธขึ้นทันที
“พูดจาเหลวไหล ข้าไม่เคยรู้จักนาง ท่านให้นางแอบอ้างอาจารย์แม่ของข้า ช่างเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี”
“ใต้เท้าซ่างซู ไม่รู้จักจริงๆหรือ?”
“หึ!”
แม่นมสวีส่ายหัว: “ใต้เท้าซ่างซู ตอนนั้นที่ท่านมาตำหนักกั๋วกงของข้า อายุยังน้อยอยู่ ตอนนั้นท่านพูดสิ่งดีๆต่อหน้าเจ้านายของข้าไม่น้อย ตอนนี้ตำแหน่งสูงส่งแล้ว จึงไม่รู้จักกันอีกต่อไป ก็ดี ข้ากับเจ้านายก็จะขอตายอยู่ที่หน้ากรมอาญาของท่าน จะดูซิว่า ยังมีกฎหมายอยู่อีกไหม”
พูดจบ แม่นมสวีก็วิ่งเข้าไปที่เสาเพื่อที่จะเอาหัวโขกเสาให้ตาย เมื่อโจวชางเหวินเห็นท่าไม่ดี จึงรีบตะโกนขึ้นมาทันทีว่า: “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
มีคนเข้าไปขวางไว้ แต่ไม่ใช่คนของพวกเขา แต่กลับเป็นปู้ทิง
ปู้ทิงแต่งตัวเป็นพ่อค้าหาบเร่ ดึงแม่นมสวีไว้ แล้วมองไปที่โจวชางเหวิน
โจวชางเหวินเดินเข้าไปหาแม่นมสวี แล้วพูดว่า: “พวกท่านทำเช่นนี้ทำไม อยู่กันดีๆไม่ได้หรืออย่างไร?”
“ใต้เท้าพูดจาแปลกประหลาด พวกเรามีเรื่องร้องทุกข์ หากไม่มากรมอาญา แล้วจะให้ไปที่ไหนกัน?”
“......” โจงชางเหวินทำสีหน้าเย็นชา สะบัดแขนเสื้อ แล้วหันหลังเดินไปยืนอีกด้านหนึ่ง เดินไปยืนอยู่หน้าฮูหยินแก่แล้วก้มหน้าลงไปมอง
“ท่านกลับไปเถอะ ให้เข้าพบไม่ได้”
อันหลิงหยุนที่ยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่งได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว นางกำลังรอคำพูดประโยคนี้อยู่
ฮูหยินแก่ยิ้มอย่างใจเย็น: “โจงชางเหวิน หากว่าท่านยังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง ยังมีความรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง ท่านกั๋วกงที่จากโลกนี้ไปแล้ว ก็ยังจะพอให้อภัยท่านได้บ้าง”
“......” โจวชางเหวินรู้สึกลังเลเล็กน้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “อาจารย์แม่ ศิษย์ขอร้องท่าน ตอนนี้ตระกูลเจียมีตำแหน่งสูงส่งในกองทัพ ศิษย์เองก็จนปัญญาจริงๆ!”
“ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ก็พอแล้ว ข้ากำลังรอเจ้าอยู่”
กงชิงวี่ไม่ทันได้รอให้อันหลิงหยุนออกโรง เดินออกไปก่อน ข้างกายเขามีกั๋วจิ้วน้อยและหวางหวยอันเดินจามไป
หวางหวยอันหัวเราะเบาๆ: “โจวซ่างซู ไม่พบกันนาน สบายดีไหม!”
เมื่อโจวซ่างซูเห็นคนทั้งสอง ก็ตกใจแล้วรีบคุกเข่าลง: “หม่อมฉันถวายบังคมอ๋องซื่อเจิ้น ถวายบังคมกั๋วจิ้วน้อย”
ส่วนคนที่เหลือก็ค่อยๆคุกเข่าลง มีเพียงอันหลิงหยุนที่ยืนมองนิ่งไปที่นกกระเรียนคู่บนหน้าอกของโจวซ่างซู จากนั้นจึงเรียกคนมาถอดชุดข้าราชการของโจวซ่างซูออกทันที
“เด็กๆ ถอดชุดข้าราชการของเขาออก!”
โจวซ่างซูตัวสั่น เสียงนี้มัน?
เงยหน้าขึ้นไปมอง ยังไม่ทันจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน อันหลิงหยุนก็เดินไปขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลเสียแล้ว
เมื่อขึ้นรถม้าแล้ว นางก็ต้องการที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้านนอกกว่าจะจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยฟ้าก็มืดพอดี โจวชางเหวินตกใจจนสั่นไปทั้งตัว ไม่รับรู้อะไรแล้ว
อันหลิงหยุนลงมาจากรถม้าโดยมีกงชิงวี่ยื่นมือไปประคอง เมื่อมือของเขาจับได้ ก็อุ้มนางลงมา
อันหลิงหยุนมองลงไปบนพื้น รอบๆมีคนยืนล้อมวงมุงดูอยู่ บนเอวของอันหลิงหยุนแขวนหยกแขวนไว้หนึ่งชิ้น อันหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าใส่กลับมาให้นางตอนไหน อาจจะเป็นสัญลักษณ์สำหรับใช้แสดงสถานะ นางเองก็ไม่ได้พูดอะไร
โจวชางเหวินยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาตัวสั่นเทา สวมใส่ชุดสีขาว
ด้านหน้าของเขาคือฮูหยินแก่
แม่นมสวียืนร้องไห้อยู่อีกทางด้านหนึ่ง
อันหลิงหยุนมองอาหยู่ที่สะพายกล่องยายืนอยู่ข้างรถม้า แล้วจึงเรียกอาหยู่: “มานี่ซิ”
อาหยู่เดินเข้าไปหา วางกล่องยาลง แล้วจึงเดินเข้าไปทำความเคารพฮูหยินใหญ่: “ข้าน้อยอาหยู่ คารวะฮูหยินเฉินกั๋วกง”
ฮูหยินใหญ่ทำเพียงแค่ยิ้มเบาๆหนึ่งครั้ง โดยไม่ได้พูดอย่างอื่น
อันหลิงหยุนเปิดกล่องยาออก แล้วจึงนำเข็มเงินออกมาสองสามเล่ม: “ข้าจะฉีดยาชาให้แก่ฮูหยิน อีกสักครู่ขาทั้งสองข้างก็จะไร้ความรู้สึก ท่านอ๋องจะพาท่านเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท ส่วนข้าจะเป็นคนนำเข็มเงินออกจากตัวฮูหยินให้เอง”
“ขอบพระทัยพระชายา ขอบพระทัยอ๋องเสียน”
“ไม่ต้องขอบคุณ!”
อันหลิงหยุนเริ่มดึงเข็มออก ฮูหยินแก่มีความอดทนอย่างมาก ไม่ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว
น่าจะใช้ได้แล้ว อาหยู่อุ้มฮูหยินแก่ขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง โดยมีอันหลิงหยุนเดินตามไป
ม่านของรถม้าปิดลง กงชิงวี่พูดว่า: “จงรับคำสั่งจากข้า จับกุมปินปู้ซ่างซู ปินปู้ซื่อหลัง รวมถึงคนตระกูลเฉิน ทั้งหมด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ถางเหอมาถึงแล้ว เขารับคำสั่งเสร็จก็หันหลังเดินจากไป
กงชิงวี่กลับหลังหันขึ้นรถม้า อาหยู่ขับรถม้าเข้าวังไป
ส่วนกั๋วจิ้วน้อยและหวางหวยอันทำสีหน้าจนใจ แล้วจึงเดินตามไป
เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องออกหน้า ขอเพียงแค่หาพยานที่จำเป็นได้ ถ้าหากฮ่องเต้ไม่ทรงเชื่อ ก๋สามารถเรียกตัวมาได้
ภายในรถม้า อันหลิงหยุนมองไปที่ฮูหยินแก่ ซึ่งตอนนี้หลับไปเรียบร้อยแล้ว
“ฮูหยินแก่ผู้นี่ก็น่าสงสาร อายุเจ็ดแปดสิบปีแล้ว” อันหลิงหยุนรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
กงชิงวี่ยิ้ม: “มากกว่านั้น ตอนนี้อายุแปดสิบเจ็ดปีแล้ว”
“ฮะ?”
อันหลิงหยุนมองดูฮูหยินแก่แล้วตกอยู่ในภวังค์ ลำบากฮูหยินแก่แล้ว
กงชิงวี่พูดว่า: “ฮูหยินใหญ่เป็นเหมือนพี่น้องของเสด็จย่า”
“ไทฮองไทเฮา?”
อันหลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจ
กงชิงวี่พยักหน้า: “ตอนที่พวกนางยังเป็นสาวอยู่นั้น มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอย่างมาก ฮูหยินใหญ่เป็นนางงามในวัง เกิดในตระกูลสูงส่ง แต่นางไม่อยากจะเข้าวังไปเป็นพระสนม จึงหาทางที่จะออกจากวัง ตอนนั้นเสด็จย่าและนางมีชะตาต้องกัน นางช่วยเสด็จย่าไว้หลายครั้ง เพื่อเสด็จย่าแล้ว ทำให้ตนเองต้องได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถมีลูกได้อีก
เฉินกั๋วกงเป็นองครักษ์ในวัง ทั้งสองรู้สึกดีต่อกัน
อีกทั้งมีอยู่ครั้งหนึ่ง เฉินกั๋วกงเพื่อที่จะช่วยเสด็จปู่แล้ว ทำให้เกือบจะต้องตายอยู่ภายในวัง ตอนที่เสด็จปู่ตกรางวัลให้แก่เขาได้ถามเขาว่าอยากได้อะไร เขาตอบว่าอยากได้คนคนหนึ่ง ซึ่งคนผู้นั้นอยู่ในวัง
เสด็จปู่กล่าวว่า ขอเพียงแค่ไม่ใช้ผู้หญิงของเขาก็ย่อมได้
เฉินกั๋วกงจึงใจกล้าตอบไปว่าเป็นฮูหยินใหญ่ เช่นนี้จึงสามารถสู่ขอฮูหยินใหญ่จากวังแก่กลับมาได้
เพียงแต่เรื่องบางอย่างก็มิอาจเลี่ยงได้ ฮูหยินแก่ของตระกูลเฉินอยากอุ้มหลาน ภายหลัง เสด็จปู่เองก็รู้สึกลำบากใจ จึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้อีก จึงได้มีฮูหยินรองของตระกูลเฉินเพิ่มขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...